สยบดราม่า! น้ำหวานรักษาโควิดร่วมห้องไฮโซแชมป์ แจงรพ.ห้องเต็ม หมอเคลียร์อยู่ได้ (คลิป)

อัปเดตการเข้ารับการรักษาหลังจากติดเชื้อโควิด-19 คืนที่ 2 ของคู่รัก สำหรับ “น้ำหวาน รักษ์ณภัค” หรือ “น้ำหวาน เดะเฟซ และ “ไฮโซแชมป์” โดยล่าสุดวันที่ 12 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้วิดีโอคอลกับ “สาวน้ำหวาน” บอกว่า หลังเข้ารับการเอกซเรย์ปอดไปเมื่อวานนี้ ตอนนี้ผลก็ออกมาแล้วว่าเชื้อยังไม่ได้ลงปอด แต่ก็ต้องเฝ้าดูอาการต่อไป ส่วนอาการอื่น ๆ ของตน อย่างน้ำมูกและอาการคันบริเวณรอบดวงตาก็ลดลงแล้ว อาการไข้ก็ไม่มี อุณหภูมิร่างกายปกติ 36 อาศาเซลเซียส แต่อาจจะมีคัดจมูก ไอและอาการท้องเสียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ด้านของ “ไฮโซแชมป์” ที่รักษาตัวอยู่ในห้องเดียวกัน อาการตอนนี้ก็มีเพียงแค่การรับกลิ่นที่มีปัญหา ไม่สามารถรับกลิ่นอะไรได้ ประกอบกับอาการไอเล้กน้อย ไม่มีอาการไข้ ส่วนอาการอื่น ๆ ก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง

“สาวน้ำหวาน” ยังเผยอีกว่า ต้นตอของเหตุการณ์ที่น่าจะทำให้ตนติดโควิด-19 ทีมงานกองละครเรื่อง “ศรีษะมาร” โทรศัพท์มาแจ้งกับตนว่า วันที่ 1 เม.ย.64 ที่ตนเดินทางไปถ่ายละครนั้น มีนักแสดงร่วมฉากเดียวกันกับตนติดโควิด-19 รวมถึงยังมีข่าวออกมาว่า “หยาดทิพย์” ติดโควิด-19 ด้วย จึงมีโอกาสมากที่ตนจะติดโควิด-19 มาจากเหตุการณ์ในวันนั้น ไม่น่าจะติดมาจากปาร์ตี้ที่ ภูเก็ต ตามที่มีกระแสดราม่าบอกให้ตนกักตัวในตอนนั้น

เนื่องจากวันที่ 3 เม.ย.64 ที่ตนและไฮโซแชมป์ บินไปภูเก็ต เพื่อทำการโปรโมตให้กับโรงแรมแห่งหนึ่ง และมีการจัดงานปาร์ตี้ขึ้น ตนยังไม่รู้เลยว่าตัวเองติดโควิด-19 หรือไม่ และไม่มีใครแจ้งด้วยว่าพื้นที่ที่ตนอยู่เป็นพื้นที่เสี่ยงแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าในงานคืนนั้นก็มีทั้งคนในและนอกวงการบันเทิงหลายคนเข้าร่วมด้วย แต่ล่าสุดทุกคนที่ใกล้ชิดตนก็เข้ารับการตรวจหาเชื้อเรียบร้อยแล้ว ผลปรากฏว่าไม่มีใครติดเชื้อแม้แต่คนเดียว

ส่วนประเด็นที่สังคมตั้งคำถามว่า ทำไม “น้ำหวาน” และ “ไฮโซแชมป์” ถึงได้รักษาตัวอยู่ในห้องเดียวกัน ทั้ง ๆ ที่อาการป่วยค่อนข้างแตกต่างกัน ประเด็นนี้ ตนขออธิบายว่า เป็นการยื่นข้อเสนอจากแพทยื เนื่องจากตนติดเชื้อโควิด-19 เหมือนกันทั้งคู่ และจำนวนผู้ติดเชื้อก็มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ห้องพักที่โรงพยาบาลไม่เพียงพอสำหรับรับเคสหลังจากนี้ แพทย์จึงถามว่า “สะดวกพักด้วยกันไหม?” ตนกับไฮโซแชมป์ก็ไม่ได้ติดอะไร จึงกลายเป็นว่าได้พักรักษาตัวอยู่ด้วยกัน โดยที่แพทย์ไม่ได้แจ้งว่าการพักรักษาตัวอยู่ด้วยกัน จะทำให้คนที่มีอาการน้อยกว่า ติดเชื้อเพิ่มขึ้น เพราะอย่างไรแล้วก็คือเชื้อโควิด-19 เหมือนกัน

เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับกระแสดราม่าที่ถาโถมเข้ามาตลอด ไม่ว่าตนจะอยู่ในสถานการณ์ที่มีความสุขหรือมีความทุกข์ หลายคนก็พร้อมจะคอมเมนต์เชิงตำหนิอยู่เรื่อย ๆ ตนก็อยากอธิบายว่า เมื่อตนรู้ตัวเองเป็นโควิด-19 แล้วไม่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทันที เพราะทุกอย่างมีกระบวนการขั้นตอนของการรักษา ไหนจะต้องหาโรงพยาบาลที่รับรักษา แล้วก็ต้องเช็กอีกว่าว่างหรือไม่

หนักไปกว่านั้น เมื่อตนและไฮโซแชมป์ เข้าไปรักษาที่โรงพยาบาล ก็มีคำถามกลับมาอีกว่า “ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลทำไม เปลืองภาษีประชาชน” ตนยอมรับเลยว่างงกับคอมเมนต์แบบนี้มาก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคำถามอย่างไร จึงอยากบอกตรงนี้เลยแล้วกันว่าโรงพยาบาลที่ตนอยู่เป็นโรงพยาบาลเอกชน และค่าใช้จ่ายทั้งหมด ไฮโซแชมป์ ก็เป็นคนจ่ายให้ ไม่ได้ใช้ภาษีประชาชน

ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผอ.ศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย บอกว่า เหตุผลที่ผู้ป่วยโควิด-19 อยู่ร่วมกันได้ 1.กรณีอยู่ภายในห้องความดันลบ ภายในห้องต้องมีระบบฆ่าเชื้อ อากาศในห้องผู้ป่วยจะไม่สามารถออกสู่ภายนอกได้ 2.กรณีรักษาตัวภายในโรงพยาบาลสนาม ต้องเป็นสถานที่ที่อาการถ่ายเทได้ดี เพดานสูง ไม่อยู่ในชุมชนแออัด ผู้ป่วยสามารถอยู่ร่วมกันได้ 10-20 เตียง