สยองพังเชอรี่ฆ่าคน เหตุคลั่งถูกช้างป่าขืนใจ ยัวะเป็นจ่าฝูงแต่ได้กินเป็นเบอร์ 2 (คลิป)

กรณีพนักงานสอบสวน สภ.หมูสี จ.นครราชสีมา รับแจ้งเหตุช้างทำร้ายนักท่องเที่ยวจนเสียชีวิต บริเวณหน้าจังเกิ้ลเฮาส์ เขาใหญ่ ริมถนนธนะรัชต์ กม.19-20 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา จึงรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบศพนายราชัน ธีระพิทยาตระกูล อายุ 55 ปี ตำแหน่งนักวิชาการสุขาภิบาลชำนาญการพิเศษ เทศบาลนครนครราชสีมา สวมเสื้อแขนสั้นคอกลม กางเกงขาสั้นสีเทา

โดยสภาพศพถูกช้างเลี้ยงที่ผูกไว้ทำร้ายเตะเหยียบ จนกระดูกแขนขาหักผิดรูป นอนอยู่ที่พื้นดิน ห่างออกไปพบช้างเลี้ยงที่ควาญช้างผูกไว้ ชื่อเชอรี่ เพศเมีย อายุ 28 ปี ที่นำมาผูกให้นักท่องเที่ยว เดินชมวิวในพื้นที่

ล่าสุดวันที่ 15 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุหน้าโรงแรมจังเกิ้ลเฮาส์ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นลานดินกว้าง มีหญ้า และอ้อยกองอยู่ ด้านหน้ามีป้ายข้อความ “กรุณาอย่าเข้าใกล้ช้างโดยไม่มีเจ้าหน้าที่” และป้ายเขียนข้อความด้วยมือระบุว่า “ควาญไม่อยู่ห้ามเข้า”

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายเพ็ง ยิ้มรัมย์ อายุ 50 ปี ควาญช้างตัวที่ก่อเหตุ กล่าวว่า ตนเป็นเจ้าของช้างพังเชอรี่ อายุ 28 ปี และพังป๋อมแป๋ม อายุ 37 ปี โดยเลี้ยงพังเชอรี่มาตั้งแต่เกิด ก่อนหน้านี้ทางโรงแรมที่เกิดเหตุได้เช่าช้างของตนทั้ง 2 เชือกไปจัดแสดงหน้าโรงแรม รวมกับพังบัวบาน อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นช้างของโรงแรม เพื่อให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหาร และขี่ช้างชมธรรมชาติ ซึ่งตนให้เช่าช้าง 2 เชือก เชือกละ 10,000 บาทต่อเดือน โดยมีเปอร์เซ็นต์ค่าขี่ช้างอีก 15 เปอร์เซ็นต์ และตนเป็นควาญผู้ที่ดูแลช้างเอง

โดยเมื่อเช้าก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 06.30 น. ตนนำพังเชอรี่ และช้างอีก 2 เชือก คือ พังป๋อมแป๋ม และพังบัวบาน ไปล่ามไว้ที่หน้าโรงแรม ซึ่งเป็นจุดที่เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวมาให้อาหารช้าง จากนั้นตนและเพื่อนควาญช้างอีก 2 คน ขับรถกระบะไปตัดหญ้าให้ช้าง ห่างจุดเกิดเหตุประมาณ 3 กิโลเมตร หลังจากนั้นประมาณ 30 นาที มีเจ้าหน้าที่โทรศัพท์มาแจ้งว่าเกิดเหตุพังเชอรี่ทำร้ายนักท่องเที่ยว ตนจึงรีบเดินทางกลับมาที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อมาถึงพบนักท่องเที่ยวผู้ชายนอนเสียชีวิตบริเวณลานดินจุดให้อาหาร ส่วนพังเชอรี่ก็เดินอยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ ซึ่งตนรู้ทันทีว่าเป็นฝีมือของพังเชอรี่ เพราะมีร่องรอยบนร่างผู้ตาย

ที่ผ่านมาพังเชอรี่ ไม่เคยมีพฤติกรรมทำร้ายนักท่องเที่ยว แต่ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาพังเชอรี่ถูกช้างป่ารังควาน และทำร้าย ทำให้มีอารมณ์ฉุนเฉียวและมีท่าทีขึงขังมากขึ้น ใครจะเข้าใกล้ต้องมีตนคอยกำกับ ซึ่งที่ผ่านมาตนก็ติดป้ายห้ามนักท่องเที่ยวเข้าใกล้ช้าง โดยไม่มีควาญช้างคอยดูแล

ส่วนเหตุการณ์ในวันนี้ ส่วนตัวคิดว่าเกิดจากลักษณะนิสัยของพังเชอรี่ ที่ชอบเป็นจ่าฝูง ไม่ชอบให้ช้างเชือกอื่นได้อาหารก่อน อาจจะหงุดหงิดที่นายราชัน นำอาหารไปให้พังป๋อมแป๋มก่อน ประกอบกับนำอาหารเข้ามาให้ใกล้เกินไป จึงก่อเหตุดังกล่าว โดยปกติการให้อาหารพังเชอรี่ หากมีตนยืนกำกับอยู่ด้วยจะไม่มีปัญหา หรือหากยืนห่างประมาณ 2 เมตร แล้วโยนเข้ามาก็จะไม่ถูกทำร้าย

อย่างไรก็ตาม ตนก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอโทษครอบครัวนายราชัน นอกจากนี้ตนตั้งใจจะเข้าไปร่วมงานศพเพื่อขอขมาผู้ตายด้วย หลังเกิดเหตุอยากเข้าไปทุบตีพังเชอรี่ แต่คิดว่าทำไปก็เท่านั้น ไม่มีอะไรดีขึ้น ตอนนี้ตนน่าจะถูกยกเลิกสัญญาเช่าช้าง และอาจจะต้องนำช้างกลับบ้านที่ จ.บุรีรัมย์ นอกจากนี้ยังคิดว่าอาจจะไม่เลี้ยงพังเชอรี่ต่อแล้ว โดยปล่อยให้คนอื่น แต่ต้องปรึกษาครอบครัวอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.ชูสิทธิ์ หล่อแสง ผกก.สภ.หมูสี กล่าวว่า หลังเกิดเหตุได้เรียกควาญช้าง 3 คน คือนายเพ็ง ยิ้มรัมย์, นายคำพันธ์ ศาลางาม และนายสุรศักดิ์ ใจกล้า ซึ่งเป็นผู้ดูแลช้างทั้ง 3 เชือกมาสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อหากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ล่าสุดสั่งให้โรงแรมระงับการจัดแสดงช้างไปก่อน เพื่อให้เจ้าหน้าที่สัตวบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาตรวจสอบพฤติกรรมของช้างที่ก่อเหตุว่ามีแนวโน้มก่อเหตุรุนแรงอีกหรือไม่

นายคำพันธ์ ศาลางาม อายุ 47 ปี ควาญช้าง กล่าวว่า ตนมารับจ้างนายเพ็ง ดูแลพังป๋อมแป๋ม โดยเพิ่งมาทำงานประมาณ 1 ปีเศษ ๆ ช่วงที่เข้ามาตอนแรก ตนไม่สามารถเข้าใกล้พังเชอรี่ได้เลย เพราะพังเชอรี่จะไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ นอกจากนายเพ็ง ซึ่งตอนแรกตนก็เคยโดนพังเชอรี่ใช้งวงตบจากด้านหลัง แต่ตนหลบได้ทันจึงบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย หลังจากนั้นเวลาให้อาหารตนจึงพยายามให้ห่าง ๆ ไม่เข้าไปใกล้ นอกจากว่าจะมีนายเพ็งอยู่ด้วย

โดยช่วงที่เกิดเหตุตนไปตัดหญ้าให้ช้างกับนายเพ็ง และปล่อยช้างทั้ง 3 เชือกเอาไว้ ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุดังกล่าว ทั้งนี้พังเชอรี่มีนิสัยฉุนเฉียวง่าย เมื่อช่วงเช้าหลังทำร้ายนักท่องเที่ยว ก็พยายามเข้ามาทำร้ายพังป๋อมแป๋มด้วย เพราะความโมโห แต่พังป๋อมแป๋มเป็นช้างนิสัยดี ไม่เคยทำร้ายนักท่องเที่ยว ส่วนตัวก็เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และยังไม่รู้ว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไรต่อ เพราะตนเป็นลูกจ้าง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับนายจ้าง