จากกรณีบ้านพักแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ เผยเรื่องราวข้าวของภายในบ้านถูกพังกระจัดกระจาย ทั้งตู้กับข้าว และตู้เย็นถูกทุบเสียหาย เจ้าของบ้านเชื่อว่ากุมารที่เลี้ยงไว้เคือง เพราะไม่ยอมให้ของเซ่นไหว้มา 2 สัปดาห์
วันที่ 16 เม.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 14 ต.ชนแดน อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ ลักษณะบ้านเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น แบบยกสูง จุดที่เกิดความเสียหายส่วนใหญ่จะเกิดเหตุที่ชั้น 1 บริเวณใต้ถุนของบ้าน
ความเสียหายภายในบ้าน ได้แก่ ตู้เย็นล้มจนฝาตู้หักออก และตู้กับข้าวแบบสเตนเลสร่วงลงพื้นจนกระจกที่ฝาตู้แตก นอกจากนี้จานชามยังตกลงมาแตกหมด ตอนนี้เหลือไม่ถึง 20 ใบ และมีหม้อหุงข้าวกับกาน้ำร้อนที่มีรอยแตก ส่วนชั้นวางของ อุปกรณ์ทำครัว และนาฬิกาที่ตกลงมาไม่ได้รับความเสียหายมากนัก ทั้งนี้ บนตู้เก็บข้าว และชั้นวางไม่มีได้วางข้าวของไว้แล้ว แต่วางไว้บนเตียงไม้แทน บริเวณตู้เก็บของกับชั้นวางมีเชือกผูกติดกับเสาบ้านไว้
ส่วนที่ชั้น 2 ของบ้านคือ ห้องนอน แบ่งออกเป็น 2 ห้อง จุดที่เจ้าของบ้านกับลูกชาย อายุ 24 ปีนอนอยู่ ภายในห้องมีหิ้งพระตั้งอยู่ 2 จุด สำหรับวางพระพุทธรูป และหิ้งพระที่อยู่ด้านในไว้สำหรับตั้งไอ้ไข่ ตอนนี้เอาไอ้ไข่ลงมาแล้ว เหลือเพียงผ้ายันต์ไอ้ไข่เท่านั้น ส่วนห้องที่แยกออกมา และต้องเดินเข้าไปอีกจากบันไดขึ้นบ้าน เป็นห้องนอนของลูกสาวคนโต อายุ 27 ปี ปัจจุบันไม่ได้อยู่ที่บ้าน ภายในห้องจะมีตู้วางของที่ไอ้ไข่องค์สีดำวางอยู่ 1 องค์ เป็นองค์เล็กใส่กรอบ และที่เหลืออีก 1 องค์สีทองใส่กรอบเช่นกัน
เวลา 14.00 น. ทีมข่าวเริ่มตั้งกล้องสัมภาษณ์นางรส เจ้าของบ้าน มีการเช็กกล้องเรียบร้อยและสามารถใช้ได้ปกติ แต่สัมภาษณ์ไปไม่ถึง 1 นาที หน้าจอกล้องก็ดับลงลักษณะเป็นจอดำ มีเส้นขึ้น ทีมข่าวจึงยกมือไหว้บอกว่า "ขออนุญาตมาทำงาน ไม่ได้มาคิดไม่ดี และถ้ากล้องติดจะเอาน้ำแดงไปไหว้" จากนั้นไม่ถึง 5 นาที กล้องก็กลับมาติดอีกครั้ง แต่หลังจากนั้นไม่ถึง 30 นาที ฝนก็ตกลงมา มีพายุเข้ากว่า 1 ชั่วโมง
นางรส ประทุมมาศ อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า แต่ก่อนไม่เคยเกิดเรื่องมาก่อน กระทั่งวันที่ 6 เม.ย. 64 ตนกับน้องแป้งหลานสาวอยู่กัน 2 คน น้องแป้งเพิ่งจะมาหาเมื่อวันที่ 5 เม.ย. ตอนนั้นนาฬิกาก็ร่วงลงมาจากเสาบ้าน ตนจึงหยิบไปแขวนไว้ที่เดิม แต่นาฬิกาก็ร่วงลงมาอีก จึงนำนาฬิกาไปวางไว้บนเตียง แต่นาฬิกายังตกลงมาอีก ตนเริ่มรู้สึกแปลกใจ วันต่อมาได้เกิดเหตุซ้ำอีกครั้งคือ น้ำปลาและซอสปรุงรสอาหารนั้นได้ตกลงมาจากชั้นวางจนขวดแก้วแตกละเอียด และตามมาด้วยจาน ชาม รวมถึงเครื่องครัว
กระทั่ง 2-3 วันที่ผ่านมา เหตุการณ์เริ่มหนักขึ้น ตู้กับข้าวและชั้นวางสีชมพูรวมถึงของข้างในตู้ได้ร่วงลงมา มีเสียงดังคล้ายกับเสียงทุ่มของลงอย่างรุนแรง ล่าสุด เมื่อวานนี้ตนได้ไปหาหมอดู และหมอดูได้บอกว่าเกิดจากไอ้ไข่ที่ตนบูชาไว้
โดยสิ่งที่บูชาอยู่คือ ไอ้ไข่บูชามาเกือบปี ซึ่งเริ่มแรกลูกสาวคนโตซื้อมาจาเฟซบุ๊ก 3 องค์ และต่อมาเจ้าของบ้านได้มาฟรี 1 องค์ จากวัดแถวบ้าน แต่ปัจจุบันนี้เหลือแค่ 2 องค์ เพราะที่เหลือเผาทิ้งหมดแล้ว ทั้งนี้ คนที่อาศัยอยู่ที่บ้านมีกัน 2 คน คือ นางรส อายุ 46 ปี เจ้าของบ้าน และลูกชาย อายุ 24 ปี ส่วนลูกสาวคนโตอยู่ที่อื่น
เวลาประมาณ 18.30 น. หมอปลา หรือ นายจีรพันธ์ เพชรขาว พร้อมกับโทนี่ หน้าหมี เน็ตไอดอลชื่อดัง ดินทางมาที่บ้านที่เกิดเหตุ พูดกับเจ้าของบ้านเพื่อสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก่อนจะเข้ามาสำรวจชั้น 1 จุดที่ข้าวของล้มจนพังเสียหาย และจุดที่มีการเผาไอ้ไข่ แต่ยังไม่พบอะไรผิดแปลก
หลังจากนั้น นางรส ประทุมมาศ เจ้าของบ้าน และนายคำรณ ประทุมมาศ อายุ 52 ปี สามีของเจ้าของบ้าน รวมถึงลูกชาย ได้พาหมอปลาขึ้นไปสำรวจบนชั้น 2 ของบ้าน จากการสำรวจหิ้งพระที่วางไอ้ไข่ยังไม่พบอะไร และห้องนอนของลูกสาวคนโตก็ไม่พบไอ้ไข่เช่นกัน
ทางด้าน นางรส ประทุมมาศ เจ้าของบ้าน และนายคำรณ ประทุมมาศ อายุ 52 ปี สามีของเจ้าของบ้าน ยืนยันว่า เชื่อว่า เป็นอิทธิฤทธิ์ของไอ้ไข่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือธรรมชาติ ที่เป็นเหตุทำให้ของพังล้ม หากเป็นผีบ้านผีเรือนทำ ตนก็ยังไม่เข้าใจจุดประสงค์อยู่ดี
หมอปลา เปิดเผยว่า จากการสำรวจ ตนไม่เห็นอะไรเลย เพราะถ้าไอ้ไข่มีอยู่จริง ตนต้องเกิดอาการพะอืดพะอมบ้าง ทั้งนี้ ตนไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะเปลี่ยนความคิดหรือไม่ แต่ตนมีวิธีแก้ไข คือให้ติดกล้องวงจรปิดจับผิด โดยกรณีที่น้องแป้ง เด็กตายแล้วฟื้น หากเกิดขึ้นจริง น่าจะมีข้อพิสูจน์ทางการแพทย์มายืนยัน และกรณีที่เด็กฝันถึงส่วนหนึ่งเพราะเด็กติดเกม และอาจจะจินตนาการเอง
ส่วนกรณีที่กล้องของทีมข่าวอมรินทร์ดับ น่าจะเกิดจากวันนี้มีพายุทำให้อากาศเย็นและชื้น ส่งผลให้กล้องมีอาการดังกล่าวเกิดขึ้น ไม่ได้เกี่ยวกับอิทธิฤทธิ์ของไอ้ไข่ หากไอ้ไข่เก่งจริงตนขอท้าให้ลองมาผลักขาตั้งกล้องของทีมข่าวต่อหน้าทุกคน จะได้รู้ว่ามีจริง เพราะถ้าไอ้ไข่เก่งจริง ทำไมคนขายถึงเอามาจำหน่ายให้คนอื่น ทำไมไม่นำไปเลี้ยงเอง
ด.ญ.แป้ง อายุ 13 ปี หลานสาวของเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า เมื่อประมาณกลางปีที่แล้ว ตนล้มป่วยโดยไม่ทราบว่าสาเหตุ และนอนหลับเป็นเจ้าหญิงนิทรากว่า 1 เดือนครึ่ง หมอที่โรงพยาบาลไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นอะไร ญาติพี่น้องเลยพาไปหาหมอธรรม รวมถึงหมอดูอีกหลายแห่ง จนกระทั่งตนฟื้นขึ้นมา ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ นอกจากนี้ ยังเคยมีหมอรายหนึ่งบอกว่า ตนมีท้าวเวสสุวรรณคุ้มครองอยู่ ซึ่งเป็นของแรง และตนมักจะมาที่บ้านของนางรสอยู่บ่อยครั้ง ทุกวันเสาร์อาทิตย์ และทุกครั้งที่มาจะทำให้ไอ้ไข่ที่อยู่ในบ้านรู้สึกร้อน จนต้องระบายด้วยกันทำร้ายข้าวของ
อีกทั้งเมื่อ 2-3 วันก่อน ขณะที่ตนนอนหลับ ฝันเห็นเด็กผู้ชายไว้จุกตรงกลางหัวมาเข้าฝัน และบอกให้ตนออกจากบ้านไป ถ้ายังอยู่จะแกล้ง ทำให้ตนต้องไปจุดธูป 1 ดอกที่หน้าบ้าน และพูดว่า ข้าพเจ้าเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้เพื่ออาศัยเท่านั้น ขอให้ท้าวเวสสุวรรณที่คุ้มครองอนุญาตให้กุมารอยู่ อย่าให้ทุกข์ใจ อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนยังคงรู้กลัวมาก และเวลาอยู่คนเดียวจะรู้สึกจนลุก อีกทั้งตนยังรู้สึกหวาดผวาอีกด้วย เวลาได้ยินเสียงอะไรก็เหลียวไปมองตลอด
นายชนานันท์ ประทุมมาศ อายุ 24 ปี ลูกชายของเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า พี่สาวกับแม่จะเป็นคนบูชาไอไข่ และแต่ก่อนไม่เคยเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น กระทั่งช่วง 1-2 สัปดาห์ แม่ค่อนข้างจะยุ่งไม่มีเวลาได้ถวายของเซ่นไหว้ ทำให้เริ่มเกิดเหตุการณ์แปลกขึ้น คือการที่ของร่วงลงมาโดยไม่มีสาเหตุ แต่ตอนที่ตนอยู่จะไม่เกิดเหตุ เพราะจากที่ไม่ดูหมอ หมอดูบอกว่าจะกลัวผู้ชาย
โดยเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ตนรู้สึกทนไม่ไหวที่พังมาก เวลาประมาณ 10.00 น. ตนได้นำไอ้ไข่ 2 องค์ องค์สีทองกับสีดำไปฝังที่ใต้ต้นมะขาม พร้อมกับกล่าวว่า "อยู่ตรงนี้ อย่ามายุ่งอีก" จากนั้นตู้กับข้าวได้ล้มลงมา รอบแรกตนไม่เห็น และเดินไปเก็บตู้และมัดตู้ไว้ที่เดิม แต่ตู้ยังหล่นลงมาซ้ำอีก ตนเลยบ่นพึมพำว่า "ถ้ามาอีกรอบจะเผานะ" แต่ 1 ชั่วโมงต่อมาตู้เย็นยังล้มลงมา เวลาประมาณ 17.00 น. ตนเลยตัดสินใจเอาไปเผาที่เตาถ่านจนไหม้ และตอนนี้เหลือแค่ 2 องค์ จากเดิมที่มี 4 องค์
โดยเมื่อวานนี้ แม่ของตนได้ไปดูหมอดูที่วัดสว่างอรุณ และที่หมู่บ้านคลองห้วยหรัว หมอดูจากทั้ง 2 ท่านบอกตรงกันว่าเจ้าของบ้านไม่ค่อยเลี้ยงไอ้ไข่ และไม่ให้ของเซ่นไหว้กิน ทำให้เกิดเรื่องขึ้น แต่ไม่เกิดต่อหน้าผู้ชาย เพราะไอ้ไข่กลัวผู้ชาย จากนั้นแม่ของตนจึงเอานำให้นมและน้ำเปล่าไปให้ แต่ยังเกิดเรื่องอีก อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อเพียงครึ่งหนึ่งว่าเหตุอาจจะเกิดจากไอ้ไข่ เพราะตนไม่เคยเห็นกับตา และอยากจะให้มาโผล่ให้ตนเห็นมากกว่าให้แม่เห็น สุดท้ายนี้ตนอยากจะให้เหตุการณ์จบลง หากหมอปลามาช่วยอาจจะดีขึ้น เพราะตนได้รับความเดือดร้อนมาก และข้าวของได้รับความเสียหายประมาณ 2,000 กว่าบาทแล้ว