เป็นคู่รักที่ทั้งขมทั้งหวานจริงๆ สำหรับ แตน ราตรี และสามี เพชร พุฒิพงศ์ ซึ่งทั้งคู่ครองรักกันมากว่า 30 ปี เมื่อได้มาเป็นแขกรับเชิญสุดพิเศษในรายการ Club Friday Show แตน ราตรี ที่ควงสามีมาด้วย ได้เปิดอกหมดทุกเรื่องราวชีวิตคู่ที่ผ่านทั้งทุกข์และสุข ติดพนันหนักจนเกือบฆ่าตัวตาย ส่วนอีกคนเจ้าชู้จัดจนครอบครัวเกือบพัง แต่เพราะคำว่าให้อภัย จึงยังรักษาคำว่า ครอบครัว ไว้
ถาม ในระหว่างทางของความรักที่เดินหน้ากันไปอย่างปิดบัง ปรากฏว่าจุดเปลี่ยนที่ยิ่งใหญ่คือ พี่แตน ตั้งท้อง
แตน ราตรี : ตั้งท้องค่ะ ตอนนั้นกำลังมีงาน มีละครถ่ายทำอยู่ด้วย ก็เลยทำให้เราเครียดหนักเลย เพราะว่าละครที่ถ่าย เราก็ต้องรับผิดชอบงานที่เราทำอยู่ แล้วท้องมันก็ไม่สามารถหยุดแค่นี้ได้ ต้องใหญ่ไปเรื่อยๆ เอายังไงดี ตัวเราเองเป็นคนตัดสินใจ ตอนนั้นเราตกใจมาก ร้องไห้อยู่หลายวันเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี เพราะว่าละครก็ถ่ายอยู่ 2-3 เรื่อง เราก็นึกไม่ออก เอาไงดีๆ สุดท้ายเราก็ไม่ได้บอกใครเลย แม้แต่พี่เพชรก็ไม่รู้ว่าเราท้อง จริงๆ เราก็เลี้ยงเขาได้นะ แต่เพราะว่าละครเราต้องดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เราก็กลัว อีกอย่างเราเล่นเป็นตัวร้ายด้วยตอนนั้น ก็ต้องใส่ชุดรัดรูปอะไรอย่างนี้ เราก็เครียดไปหมดเลย ก็ตัดสินใจ ในเมื่อเราห่วงงาน ลูกก็อยากได้ ก็เลยตัดสินใจเอาออก ตอนนั้นเราคิดเองนะคะ โดยไม่ได้บอกใครเลยว่าจะเอาลูกออก ไม่บอกพี่เพชร เพราะว่าเขาต้องห้ามเราแน่นอน เราก็ยกมือกราบท้องตัวเองแล้วขอโทษมากๆ บอกเขาว่าถ้าลูกมีบุญจริงๆ ก็กลับมาใหม่นะ ก็พูดอย่างนี้ค่ะ เราก็หาเองหมดเลยว่าที่ไหนทำบ้าง ก็เจออยู่ที่หนึ่งเราก็โทรไปหา ตอนนั้นยังไม่ได้มีมือถือ เราก็โทรไปที่คลินิก เราก็ต้องบอกเขาว่าเราเป็นผู้มีชื่อเสียง เราต้องการทำลับๆ ไม่ให้ใครรู้นะคะ หมอก็บอกว่าได้ แค่คุณต้องมาดึกๆ เที่ยงคืน เราก็บอกว่าได้ ระหว่างที่เราขับรถไปก็ร้องไห้ไปตลอดทางเลย พอเราถึง เราก็ตัดสินใจเข้าไป ก็เจอพยาบาลอยู่คนหนึ่งที่ร้าน ก็ให้เรานั่งรอ แล้วบอกว่าคุณหมอจะมาประมาณตีหนึ่ง จนถึงตีสองเกือบตีสาม สักพักก็มีโทรศัพท์เข้ามาที่คลินิก ถามว่ามีคนไข้มาใช่ไหม ก็ให้พยาบาลถามเราว่ารอไหวไหม เพราะว่ารถของคุณหมอเกิดอุบัติเหตุชนกัน คุณหมอต้องรอประกัน ต้องเคลียร์ เราก็นั่งคิดหรือว่าเป็นเพราะเด็กเป็นเพราะลูกเราหรือเปล่า เราก็ถามกลับไปว่าคุณหมอจะมาได้อีกกี่ชั่วโมง เขาก็บอกเราว่าอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เพราะว่ารอประกัน เราก็นั่งคิดจนถึงประมาณตี 4 ก็คิดว่ากลับดีกว่า แล้วก็นั่งคิดว่าเขาคงอยากอยู่กับเรา เขาคงอยากอยู่กับเราในโลกนี้ แต่เราเองที่อยากให้เขาไป มันก็เลยทำให้เหมือนเกิดอุบัติเหตุ เราคิดแบบนี้นะคะ เลยตัดสินใจว่าไม่เอาออก ตั้งแต่นั้นมาเราก็เหมือนคุยคนเดียวตลอด เหมือนคนบ้า ลูกจ๋า อย่าเพิ่งใหญ่นะลูก
แตน ราตรี : พอไม่เอาออกปุ๊บ ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เลย ตอนนั้นเราก็ยังปิดเงียบไม่บอกใคร เราก็บอกลูกว่าอย่าเพิ่งท้องใหญ่ได้ไหมให้แม่ถ่ายละคร 2-3 เรื่องให้จบก่อน ให้ชุดที่แม่ใส่อยู่ใส่ได้ไปก่อน แล้วแม่ไม่อยากให้เขารู้ว่าแม่ผิดกฎ แบบท้องก่อนแต่ง ตอนนั้นคือเราคิดไปเยอะมาก กลัวเสียงชื่อเสียงไปหมดเลย แต่เหมือนเขารู้ ไม่มีหน้าท้อง 5-6 เดือน เราก็ถ่ายละครจบ มีเรื่องสุดท้ายของพี่เอ๋ ไพโรจน์ สังวริบุตร เรื่อง ยุทธการปราบเมียน้อย เรื่องนั้นไม่จบ เพราะว่าเรื่องนั้นท้องมันใหญ่มาก แล้วมีสองฉากที่ต้องถ่าย แต่เราหายไปเลย ก็บอกเขาว่าเราไปเมืองนอก เราไปคลอดลูกที่นั่น ตอนนั้นที่บินไปคือท้องได้ 8 เดือนแล้ว เราก็บินไปฮ่องกงเลย
ถาม ต้องบอกว่าตอนนั้นสังคมกับการยอมรับเรื่องท้องก่อนแต่งจะค่อนข้างรุนแรงมาก มีผลมาก โดยเฉพาะเป็นดารา
แตน ราตรี : ถูกต้องค่ะ เพราะเราเป็นตัวอย่างของสังคมด้วย แล้วอีกอย่างเราเป็นรุ่นใหม่ในตอนนั้นด้วย
เพชร : แต่มันก็มีกระแสข่าวมาบ้างนะครับว่าราตรีท้องอะไรอย่างนี้ ผมคือดังมากนะครับ ขึ้นหน้าหนึ่งว่าบุคคลนี้ไปทำดาราคนนี้ท้องแล้วผมยุให้ไปทำแท้ง เรียกว่าผมบรรลัยจักรเลยตอนนั้น ข่าวคือด่าเรา แต่ตอนนั้นแตนเขาก็บอกเราว่าให้นิ่งๆ เราเงียบไว้อย่างเดียว
แตน ราตรี : หนูไปฮ่องกงแล้วไปคลอด แต่เพื่อนก็บอกว่าอย่ามาคลอดที่นี่เลย เพราะว่าอีกไม่กี่ปี ฮ่องกงก็จะถูกคืนให้จีนแล้ว เขากลัวว่าลูกของเราจะได้สัญชาติอะไรก็ไม่รู้ ก็ต้องกลับมาเมืองไทย
ถาม แล้วพี่เพชรมารู้ตอนไหนที่ พี่แตน ไปทำแท้ง
เพชร : เขาไม่เล่าอะไรเลยครับ เขามาเล่าให้เราฟังหลังจากที่คลอดลูกแล้ว แต่เราก็ไม่ได้โกรธ รู้สึกว่าดีแล้วที่เขาตัดสินใจกลับมาได้ทัน อาจจะเป็นบุญของเด็กก็ได้ที่หมอขับรถชน
แตน ราตรี : เราไม่เล่าให้เขาฟังเลย ขนาดไปเมืองนอกเขายังไม่รู้เลย จนเรากลับมา เราก็กลัวว่าเขาจะไปบอกเพื่อนฝูงเขา ด้วยความดีใจของเขาและเราก็อาจจะเยอะไปด้วย เราเลยคิดเอง ตัดสินใจเอง เราอยากจะทำอะไรเราก็ทำ
ถาม พอหลังจากที่รู้ว่าเป็นคุณพ่อ คุณแม่แล้วชีวิตครอบครัวเป็นยังไงบ้าง
แตน ราตรี : ก็ขึ้นๆ ลงๆ เหมือนน้ำทะเลนะคะ
เพชร : ตอนนั้นเราก็เข้าวงการแล้ว นานแล้วด้วยครับ แล้วเราเป็นคนชอบเที่ยว เพราะว่าเรามีแก๊งเพื่อนโรงเรียนชายล้วนที่แบบเที่ยวดื่มเหล้ากันมา เพราะสมัยนั้นเราก็ยังดื่มสุรา เที่ยวกลางคืน
แตน ราตรี : พอเรามาเป็นครอบครัว เขาก็คงคิดว่าเขาก็อยากใช้อิสระของเขาอยู่ อย่างเราคงไปวางกฎระเบียบให้เขาเยอะไง ว่าฉันกลับมาต้องเจอ ฉันโทรศัพท์ไปหาเธอที่ห้องต้องรับ ตอนนั้นเรายังไม่ได้อยู่ด้วยกัน เพราะว่าลูกให้คุณพ่อคุณแม่พี่เพชรเลี้ยงเป็นหลักเลยค่ะตอนนั้น
เพชร : ปู่ย่าดูแลหลานดีมาก รักมาก
ถาม ทำไมไม่ย้ายออกมาอยู่ด้วยกัน หรือว่าย้ายไปอยู่บ้านพี่เพชร
เพชร : ตอนนั้นผมแยกตัวออกจากที่บ้าน มาอยู่อะพาร์ตเมนต์ตั้งแต่ตั้งแต่เรียนจบเลย
แตน ราตรี : ส่วนเรายังมีน้อง มีอะไรที่ต้องรับผิดชอบ เราเป็นเสาหลักของที่บ้าน เราจะทิ้งครอบครัวไปอยู่กับเขาเลยไม่ได้ แต่เราก็จะมีเจอกัน อย่างวันที่ถ่ายละครไม่ดึก มาบ้านนะ บางทีเขาก็ไม่มา เวลาเราเหนื่อยๆ เราก็อยากเห็นหน้าเขา แต่เพราะว่าเขาติดเพื่อนจนหลายๆ ครั้งคือมันยังไง ใจของเราคือท้อไปแล้ว เพราะมันบ่อยครั้งเกิน เราก็คิดว่าถ้าเขาอยากไปหาเพื่อนก็ไป เราทำงานของเราก็ทำ พอเขาฟังคำนี้ก็ยิ่งไปใหญ่เลย
เพชร : เพราะเราเป็นคนตามใจเขาไง แต่เรื่องลูกเราเหมือนเดิม ซึ่งก็ยอมรับจริงๆ ว่าตอนนั้นเราติดเพื่อนมากๆ
ถาม ระหว่างทางตอนนั้นคิดไหมว่าจะเลิก หรือคงไม่ได้ลงเอยในการใช้ชีวิตคู่กับคนนี้
เพชร : เรื่องการใช้ชีวิตครอบครัว ผู้หญิงเขาก็ต้องการความมั่นคงของคนที่เลี้ยงดูเขาได้จริงๆ แล้วตอนนั้นเราก็กำลังสร้างตัว ถึงเราจะไม่ได้ป็อปปูล่า แต่เราก็ทำงานไปตามสเต็ปของผม เราก็ไม่ได้อยากดีดตัวเองมาให้ดัง เพราะว่าเราก็ไม่รู้ว่ามันจะได้แค่ไหนในชีวิตการแสดง เราก็คิดว่า แตน คงอยากมีคนที่ให้ความมั่นคงในชีวิตของเขาได้ เพราะว่าเขาก็เป็นครอบครัวที่ใหญ่ เราก็คิดว่าเราจะสามารถไปถึงตรงนั้นได้ไหม
แตน ราตรี : เราต้องการผู้ชายทำงาน สามารถช่วยเราได้ แต่เขาก็เป็นหนุ่มลั้ลลาของเขาไปทั่ว เพื่อนลากไปไหนเขาก็ไป เราบอกว่ามีละครนะ เล่นไหมบทนี้ เขาก็ไม่เอา เพราะว่าติดเพื่อน เราก็มานั่งคิดว่า ผู้ชายคนนี้ทำไมเป็นแบบนี้ เรามองผิดตั้งแต่แรกไหม เพราะเราเป็นคนที่จริงจังกับชีวิต แล้วเราก็รับผิดชอบอะไรเยอะด้วย ส่วนสาวๆ เขาก็มีเข้ามาตลอด ถามว่าเราขี้หึงไหม ช่วงแรกไม่เลย เพราะเราคิดว่าตอนนั้นเรายังสาว สวย ยังหาคนอื่นได้ แต่ช่วงหลังๆ ที่เขามีงานมีเงิน แล้วพอเรามีลูกที่ต้องรับผิดชอบ เราเริ่มหวงเวลาเขา หวงเงินเขา หวงทุกอย่าง เลยเริ่มออกเป็นแม่เสือแล้ว ทะเลาะกันมีค่ะ แต่ไม่ถึงขั้นลงไม้ลงมือ แต่เราด่ายังไง เขาก็พูดเพราะกับเราจนเราด่าไม่ลง เขาก็จะบอกเราว่าขอโทษนะคะ พี่ไม่ทำอีกแล้วนะคะ
เพชร : แต่เราพูดคำนี้ออกมา เราไม่เสแสร้งอะไรนะครับ เราเป็นคนที่พูดแบบนี้
ถาม แล้วตอนนั้นถึงขั้นหยุดเลยไหม
แตน ราตรี : ก็ห่างๆ กันไปนะคะ แล้วเขาก็ไปจริง แต่ลูกเราก็ยังรับผิดชอบร่วมกัน ต่างคนต่างก็ใช้ชีวิต ไปเที่ยวผับตอนนั้นที่เลิกก็ยังมาเจอที่เที่ยวเดียวกันเลย ตอนนั้นก็ห่างกันเป็นปีเลยนะคะ
เพชร : เพราะตอนนั้นที่เราไปเพราะว่าเขาต้องการความมั่นคงในชีวิตครอบครัวเขา แต่เพราะว่าเรายังไม่มั่นคง
แตน ราตรี : จริงๆ ในตัวของพี่เพชร เขาเก่งมากเลยนะคะ แต่เขาไม่เอาความสามารถของตัวเองมีนำเสนอเพราะยังติดลั้ลลาอย่างเดียว แต่ระหว่างที่เราเลิกกัน เราก็ยังทำขนม ทำข้าวไปให้เขา แล้วเอาไว้ที่หน้าห้องนะคะ
เพชร : ตอนนั้นผมก็มานั่งตั้งสติ พอช่วงหนึ่งเริ่มมีงานอะไรเยอะขึ้น ก็เริ่มแบบกลับมาคุยกันไหม แต่เราก็ไม่ได้เอ่ยปากว่ากลับมาคุยไหมเลยนะครับ แต่หาโอกาสที่จะกลับมาเจอกันบ่อยๆ ขึ้น
แตน ราตรี : ที่เราเอาของเอาขนมไปให้เขา เพราะว่าเราก็ยังคงรอเขาอยู่นะ ยังรักเขาอยู่ ที่ทำเพราะให้เขารู้ว่าพฤติกรรมที่เขาเป็นอยู่เปลี่ยนใหม่ซะ จนเรารอไม่ไหว กระชากเขามาคุยว่าปีนึงแล้วเอาไง ลูกจะด่าได้แล้ว พี่ก็อายุมากแล้วนะ เอางี้ไหม แตนจะให้โอกาสอีกครั้งหนึ่ง เรากลับมาอยู่กัน พอกลับมาดีกันครั้งนี้ เราก็ลากเขาเข้ามาอยู่ที่บ้านเลยค่ะ เพราะตอนนั้นเราซื้อบ้านใหม่ด้วย เราก็บอกว่าให้เขามาช่วยเราผ่อน
เพชร : เขาชอบสร้างโจทย์ แตนซื้อบ้านนะ พี่ช่วยผ่อน แตนไปดูคอนโดมา เขามัดจำแล้ว เราเป็นคนผ่อน
แตน ราตรี : เพราะไม่งั้นเขาก็จะเอาเงินไปทำนู่นนี่นั่นหมด เราเป็นคนหาซื้อ แต่เขาเป็นคนผ่อน แต่เราก็ใส่ชื่อเขาลงไปด้วยนะคะ
ถาม พอกลับมาอยู่ด้วยกัน ความเจ้าชู้หรือเรื่องผู้หญิงลดน้อยลงไหม
แตน ราตรี : ก็ยังคงมีเหมือนเดิม จนถึงตอนนี้ก็ยังคงมีหรือเปล่าไม่รู้ แต่ก็ต้องขอบพระคุณผู้ที่หวังดีที่ไปไหนเห็นก็ส่งรูปมาให้เราดู
แตน ราตรี : แล้วก็ด้วยความเจ้าชู้ของเขา มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนโทรมาถามเราว่าเลิกกับพี่เพชรแล้วเหรอ เพราะว่าเห็นพี่เพชรพาผู้หญิงมาที่โรงแรม เอากุญแจห้องเบอร์นี้ๆ มาด้วย เพราะว่าเพื่อนเราทำงานอยู่เคาน์เตอร์ เราก็บอกเพื่อนให้ช่วยจำสีเสื้อที่ผู้หญิงใส่ แล้วพี่เพชรใส่ แล้วก็เบอร์ห้องอะไร เราก็ปล่อยเวลาให้เขาอยู่กันให้สบาย 3-4 ชั่วโมง เราค่อยโทรหาเขา
เพชร : เขาก็โทรมาหาเรา ถามว่าอยู่ไหน เราก็บอกว่าอยู่กับเพื่อน เดี๋ยวไปเที่ยวต่อนะ แล้วแตนก็ถามมาว่าผู้หญิงล่ะ เราก็ถามไปอีก ผู้หญิงไหน ไอ้เสื้อลายดอกแดง กระโปรงดำ เขาก็บอกเลขห้องของเรามา พอเรามารู้ทีหลังว่าเพื่อนเขาทำงานที่นั่น เราก็จะไม่ไปอีก (หัวเราะ)
แตน ราตรี : แล้วมีอยู่วันหนึ่งคนนี้รู้สึกว่าเยอะ เยอะมาก แบบว่ามีการป้อนองุ่นในกองถ่าย เราก็ขอพี่เพชร ตรงไหนที่แตนอยู่ อย่าพาไปนะ ให้เกียรติหน่อย ซึ่งเพื่อนเราก็หวังดี ไปสืบบ้านให้ว่าอยู่ที่ไหน รู้แม้กระทั่งบ้านพ่อแม่ รู้หมดเลย เราก็ตามไปดูว่าจริงไหม พอไปถึงก็เห็นรถจอดอยู่หน้าบ้านเลย เราก็คิดว่าเราจะเข้าไปดีไหม ผู้หญิงเขาจะเสียใจไหม เราก็คิดว่าเราหยิบบทละครที่เราเล่นดีกว่า เราก็เปิดประตูเข้าไป เห็นเขากำลังแกะถุงแกงกันอยู่เลย สวัสดีค่ะ มีใครอยู่ไหมคะ (หัวเราะ) พอหันมาเห็นเรา ทั้งคู่เขาสั่น หน้าอึ้งเลย เราก็เรียก พี่เพชร แล้วบอกว่า ไม่มีอะไร บังเอิญผัวพี่หายไปสามวัน ไม่รู้ว่าหายไปไหน นึกว่าเขาตายไปแล้ว เดี๋ยวเอาเสื้อผ้ามาให้นะ ผู้หญิงก็รีบวิ่งข้างบนเลย พ่อแม่เขาก็อยู่นะคะ เราก็ยกมือไหว้พ่อแม่เขา เราก็ขอโทษคุณพ่อคุณแม่เขาว่าเราไม่ได้ตั้งใจ แล้วก็เดินออกมา แล้วพี่เพชรก็วิ่งตามออกมา เราก็บอกไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนั้นไม่ได้ร้องเลยค่ะ แต่เราโกรธ เพราะเรารู้เรื่องผู้หญิงคนนี้มาเกือบปีแล้ว เขาจริงจังแน่ เราก็ต้องเตือนว่าจะเอายังไง พอถึงบ้าน เราก็ให้เขาเลือก เขาก็ขอโทษนะครับ เราก็บอกว่าไม่ต้องขอโทษ เพราะเราให้อภัยจนไม่รู้ว่าจะให้อภัยยังไงแล้ว แต่อันนี้คือเราขอไว้แล้วว่าอย่าเลี้ยงเป็นเรื่องเป็นราว เพราะว่าเวลาที่พี่ต้องให้เขา เราก็สอนเขาสารพัดที่จะสอนตอนนั้น เราก็ให้อภัยเขา
เพชร : แตน เขาให้เกียรติเรามาก ไม่เคยด่าผมต่อหน้าคนอื่น ไม่เคยอาละวาด
แตน ราตรี : แต่ผู้หญิงก็โทรมาขอเราเลยนะคะ ว่าเราจะเลิกกับพี่เพชรจริงๆ หรือเปล่า ขอพี่เพชร พี่เพชรเขาก็บอกเราว่า แตน ก็บอกเขาสิ พี่เอาทั้งสอง (หัวเราะ)
เพชร : ไม่หรอกครับ ครอบครัวสำหรับผมคือใหญ่ที่สุด ลูกสำคัญมากสำหรับผม ถ้าใครจะดึงตัวผมไปเพื่ออยู่กับเขา แล้วทิ้งลูกเมียผมทำไม่เป็น
ถาม แต่ระหว่างทาง ความรักก็มีอีกปัญหาหนึ่งคือ พี่แตนติดการพนันหนักมากจนเกือบคิดสั้น
แตน ราตรี : ใช่ค่ะ ตอนนั้นคิดฆ่าตัวตายเลย เสียไปเป็น 10 ล้าน เครียดมากตอนนั้น
เพชร : เราก็มารู้ทีหลังอีกเรื่องนี้ เราก็เตือนสติเขา
แตน ราตรี : เรื่องแบบนี้ใครก็เตือนไม่ได้หรอก แต่เขาปลอบเราได้ ลึกๆ ในใจเราต้องคิดได้ด้วยตัวเอง เราก็คิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง เพราะเรายิ่งทำไปแบบนี้คือหมดแน่ๆ ลูกหลานเราก็กำลังโต ไม่มีที่อยู่ที่อาศัยแน่ๆ เพราะว่าเราจ้องที่จะเอาคืนอย่างเดียว เสียไปแล้วก็จะเอาคืน ตอนแรกเลยคือเราขายที่ไป เราก็คิดว่าก็ยังเหลือเงินอยู่ เราก็เลยเอาเงินตรงที่เหลือเล่นไปอีก แล้วก็ไม่ได้อีก แล้วยังไงก็ขายบ้านใช้หนี้ที่ยังเหลืออยู่ แล้วก็ยังไม่ได้คืนอีก เรารู้สึกว่าเรายิ่งทำไปก็ยิ่งถม เราเลยคิดว่าถ้าเราไม่ได้ทำอะไรกับตัวเอง ถ้าต้องลุกขึ้นมาให้ได้ เราต้องไม่เป็นคนแบบนี้อีกแล้ว ตอนนั้นเราก็ขับรถไปเรื่อยๆ ร้องไห้ไปด้วย เราก็คิดว่าจะกระโดดน้ำตาย ก็คิดอีกว่ากว่าพ่อแม่เลี้ยงมา กว่าเราจะมีชื่อเสียงได้ขนาดนี้ เราจะมาตายเพราะเรื่องแค่นี้เหรอ เราก็ลองมีอีกวิธีหนึ่งอย่างที่ผู้ใหญ่เขาว่าคือเขียนชื่อตัวเองใส่เสื้อผ้าที่ตัวเองใส่ไปอธิษฐานกับแม่น้ำคงคาว่าคนนี้ได้ตายจากโลกนี้ไปแล้ว เอาชีวิตคนใหม่กับมาหาหนู แล้วเราก็ทำตามที่ผู้ใหญ่บอก เขียนชื่อแล้วก็ตัดเอาเสื้อที่เราใส่แล้วก็หันหลังทิ้งลงแม่น้ำไป เราก็อธิษฐานว่าเราจะไม่เล่น แล้วก็เริ่มใหม่เลยจากที่เหลือเงินในธนาคารร้อยกว่าบาท เราก็สู้มาอีกครั้งหนึ่ง ก็เริ่มไปหาผู้หลักผู้ใหญ่ ไปของานเขา ซึ่งก็ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตาเรานะคะ
ถาม แล้วพี่เพชรมีความรู้สึกน้อยใจไหม เวลาคู่ชีวิตเราเจอปัญหาหนักขนาดไหนมีคำว่าร่วมสุขกับร่วมทุกข์ แล้วก็หันหน้ามาปรึกษากัน แต่พี่อะไรก็ได้ๆ ตามใจไปหมด มีไหมบางครั้งที่อยากให้พี่แตนมาปรึกษาบ้าง
เพชร : จริงๆ เขาก็มาปรึกษานะครับ แต่เพราะผมขอเป็นกองหลังที่ดีที่สุด ถึงเขาจะเป็นกองหน้า เขาจะยิงประตูยังไงก็แล้วแต่ แต่ผมคือกองหลังของเขาที่พอคุณพิงมา เราก็จะหาคำปรึกษาที่ช่วยเขาให้หาทางออกที่ดีที่สุด
แตน ราตรี : แต่ถ้าไม่มีคนเตือนอะไรเยอะๆ มันก็ไม่ดีสำหรับเราเนอะ มันต้องมีคนมาช่วยเบรกเราไว้บ้าง เราก็จะระเริง แต่พอเขาจะเตือนเราก็ไม่ฟังมั่นใจในตัวเอง เราก็เสียตรงนี้
เพชร : พอเราจะเหยียบเบรก เขาก็จะบอกเราว่า พี่จะรู้ดีกว่าแตนได้ยังไง
ถาม ในบทบาทของความเป็นคุณพ่อคุณแม่ตอนนี้มีลูกๆ กี่คนเอ่ย
เพชร : ตอนนี้มีทั้งหมด 4 คนครับ เอามาดูแลใกล้ชิดเลย คนโต 30 คนที่สอง 25 แล้วก็ 15 แล้วก็ 10
แตน ราตรี : ในการเลี้ยงลูก พี่เพชรเขาเป็นแนวเข้าใจ ใช้จิตวิทยา ส่วนตัวของเราคือแนวแม่มด
เพชร : เพราะผมเรียนครูมาทางด้านจิตวิทยาทุกอย่างที่เขามาอยู่ เกี่ยวกับสังคม จิตวิทยาพัฒนาการณ์ จิตวิทยาวัยรุ่น เราก็จะใช้พวกนี้ในการดำเนินชีวิต ตอนแรกคือไม่ชอบมาแต่สุดท้ายเรามาอยู่ในตำแหน่งผู้บริหาร หรือพ่อคน การคุยกับคนบางคนเราต้องใช้จิตวิทยาแต่ละรูปแบบไม่เหมือนกัน อย่างแม่เขาว่าอะไรมา เราก็จะเป็นฝ่ายให้เหตุผลกับลูก
ถาม แล้วความเป็นสามีภรรยา
แตน ราตรี : ตอนนี้ 30 กว่าปีแล้วค่ะ
เพชร : เพื่อนผมยกแตนให้เป็นโคตรเมียมากๆ อยากได้เขาเป็นไอดอล ทำยังไงจับได้แล้วมึงไม่ตาย ถ้าเขาไม่ให้อภัยนะ เรื่องของเราก็อาจจะจบลงตั้งแต่แรกๆ แล้ว แต่ถึงแม้เขาจะผิดผมก็ให้อภัย
แตน ราตรี : เพราะเหตุการณ์มันเกิดขึ้นแล้ว มีอยู่ 2 อย่างคือเลิกกับอยู่ ถ้าเราให้อภัย ก็ยังอยู่ด้วยกันได้ เราก็บอกเขาเสมอว่าทำอะไรก็แล้วแต่ ต้องรู้ตัวเอง อย่าให้คนอื่นเขาเตือนมาก ณ วันนี้ คุณมีภรรยาหรือยัง มีลูกหรือยัง แล้วเราควรอยู่แค่ไหน มีเว้นวรรคให้ถูกต้อง เราไม่ตามจิกตามด่าคุณ แต่คุณต้องดูแลตัวเองนะ ไปหาผู้หญิงแล้วทำอะไรก็ต้องดูแลตัวเอง ไม่ใช่ตายแล้วเขาจูงลูกจูงหลานมานะ เราชั่งน้ำหนักแล้วเขาโอเค พาครอบครัวไปรอด แต่ก็อยากจะขอบคุณเขาหลายๆ อย่างที่อยู่ด้วยกันมา แตนก็นอกลู่นอกทางสิ่งที่ไม่ควรชอบ มันไม่สมควรเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเขาก็ให้อภัยตลอด รักนะจ๊ะ
เพชร : เขาเป็นคนให้เกียรติทุกคนที่อยู่ข้างๆ ตัวเขา
ดูคลิปย้อนหลังรายการ Club Friday Show ได้ทางยูทูป