เข้าได้แต่ไม่ให้ออก! หนุ่มไรเดอร์งงแค่ไม่แลกบัตร ถูกรปภ.สถานีโทรทัศน์ดังรุมซ้อม (คลิป)

กรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ได้ขอความเป็นธรรมและเตือนภัย หลังน้องชายขับ Grab food เข้าไปส่งอาหาร ในสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ย่านพระราม 9 ซึ่งขาเข้าไปส่งอาหาร ทางรปภ.อนุญาตให้เข้าไป โดยไม่ต้องแลกบัตร แต่พอส่งอาหารเสร็จแล้วกลับออกมา กลับถูก รปภ.เรียกตรวจบัตรประชาชน และเอกสารรถ

กระทั่งมีปากเสียงกับน้องชาย รปภ.อ้างว่าน้องชายมีอาวุธปืน ทำให้เกิดเหตุทำร้ายกันเกิดขึ้น น้องชายได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้รปภ.ยังไม่มาแสดงความรับผิดชอบ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ทราบชื่อผู้ก่อเหตุนายสมศักดิ์ (คนล็อกตัว) และนายสุกันธุ์ (คนต่อย)

ล่าสุดวันที่ 19 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปยังบ้านของผู้เสียหายย่านดินแดง นายเกรียงไกร ศิริสม อายุ 23 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ตนไปรับออเดอร์อาหารที่ห้างสรรพสินค้า ย่านรัชดา เพื่อจะไปส่งให้กับลูกค้าที่ทำงานในตึกปฏิบัติการของสถานีโทรศัพท์ช่องหนึ่ง ย่านพระราม 9 ขณะที่ขี่รถเข้าไปที่ป้อมรปภ. ตนเห็นว่ามีรปภ.ดูแลความปลอดภัย 2 คน ซึ่งรปภ.สอบถามว่าจะเข้าไปส่งอาหารตึกไหน ตนจึงแจ้งไปว่า "ตึกปฏิบัติการ" จากนั้นรปภ.ก็อนุญาตให้เข้าไปส่งาหาร โดยไม่ได้ให้ตนแลกบัตรแต่อย่างใด 

เมื่อตนส่งอาหารเสร็จ ตนได้ขี่รถด้วยความเร็ว เนื่องจากรีบไปรับออเดอร์ลูกค้าต่อ แต่ทันใดนั้นนายสมศักดิ์ รปภ.ได้โบกให้จอด ซึ่งตนก็จอด ไม่ได้มีเจตนาที่จะขี่รถพุ่งชน นายสมศักดิ์ จึงบอกให้ตนขี่รถหลบเข้ามาในเลนซ้าย รปภ.ทั้งคู่บอกให้ตนเปิดเบาะใต้รถ เพื่อขอตรวจบัตรประชาชน และใบขับขี่ ตนก็ได้ทำตามทุกอย่าง

จากนั้น รปภ.ทั้งคู่ได้สอบถามตนว่า "ทำไมไม่แลกบัตรเข้าไป" ซึ่งตนก็ตอบไปว่า ส่วนมากที่ตนมาส่งของจะไม่ได้แลกบัตรเข้าไป ตนก็งงกับเหตุการณ์ว่า ขณะที่เข้าไปข้างใน ทำไมไม่ให้ตนแลกบัตร กระทั่งตนขี่รถกลับ ทำไมต้องมายืนขวางรถตน ขณะที่ตนถูกดึงหมวกไอ้โม่งออกและถูกล็อกตัวจนถูกต่อย ตนพยายามเอนตัวให้กล้องวงจรปิดเห็น แต่ถูกลากไปที่มุมอับ นอกจากนี้รปภ.ยังได้ใช้วิทยุสื่อสาร ทุบไปที่ศีรษะและจับศีรษะตนไปกระแทกกับเสาไฟฟ้า พร้อมกับดึงโทรศัพท์ที่แขวนที่คอตนออก ทำให้คอเป็นรอยแดง ซ้ำยังได้กระทืบโทรศัพท์ของตน ทำให้โทรศัพท์หน้าจอแตก ตนพยายามบอกให้หยุด แต่รปภ.กลับข่มขู่จะฆ่า

ผ่านไปครูหนึ่งได้มีหัวหน้ารปภ.เดินเข้ามาห้ามปราม พร้อมกับบอกให้ตนจบเรื่อง หลังจากนั้นตนรีบเดินทางไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และได้กลับเข้าไปที่เกิดเหตุอีกครั้งกับครอบครัว แต่กลับถูกท้าชกต่อย และเจรจากันไม่รู้เรื่อง ซึ่งสาเหตุที่ถูกทำร้ายตนคาดว่าน่าจะเกิดจากการที่ตนขี่รถจักรยานยนต์ด้วยความเร็ว อาจเป็นเหตุที่ทำให้รปภ.หมั่นไส้หรือไม่ 

ส่วนกรณีที่ทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคน อ้างว่าตนนั้นมีอาวุธปืน ไม่ใช่ความจริง หากตนมีปืนจริง ขณะที่ถูกทำร้ายก็คงจะชักออกมาแล้ว ภายหลังจากเกิดเหตุทางผู้ก่อเหตุ และทางต้นสังกัดของรปภ. ก็ไม่เคยเข้ามารับผิดชอบ และยังมีการข่มขู่อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ผู้ก่อเหตุ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกมารับผิดชอบ ไม่ใช่หายเงียบไปอย่างนี้ และพฤติกรรมของเขาก็รุนแรงเกินไป ซึ่งผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ตนก็เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก หากมาขอโทษยินดีให้อภัย แต่จะขอดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้เดินทางไปยังป้อมรปภ.ของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว ย่านพระราม 9 พบว่ามีรปภ.รักษาความปลอดภัย 4 คน เมื่อสอบถามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทางกลุ่ม รปภ. ระบุว่า พวกตนทราบว่ามีการทำร้ายกันเกิดขึ้น แต่รปภ.ทั้ง 2 คน ไม่ได้มาเล่าให้ฟัง เพราะเข้าเวรกันคนละเวลา แต่มีผู้อื่นมาเล่าให้ฟังว่าผู้เสียหายเป็นคนเริ่มผลักอกของรปภ.ก่อน และข่มขู่ชักปืนออกมาจะยิงรปภ. เป็นเหตุทำให้ รปภ.ต้องป้องกันตัวเอง

ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์ ตนก็พบว่ามีรปภ.จำนวน 1 คนที่ได้รับบาดเจ็บบริเวณมือ ส่วนอีกคนไม่ทราบ นอกจากนี้ทั้ง 2 คนไม่ได้ทำอะไรผิด ทางบริษัทจึงให้มาทำงานต่อ และไม่มีการลงโทษแต่อย่างใด ส่วนลักษณะนิสัยของรปภ.ทั้งคู่ เป็นคนไม่ก้าวร้าว แต่จะดื่มแอลกอฮอล์ หรือยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติดหรือไม่ ตนไม่ทราบ

นอกจากนี้ทีมข่าวได้ติดต่อไปยังหัวหน้าของรปภ. ปรากฏว่าไม่สะดวกให้ข้อมูล เนื่องจากได้รายงานไปยังบริษัทแล้ว และรปภ.ไม่ได้เป็นพนักงานโดยตรงของสถานีโทรทัศน์ดังกล่าว เรื่องราวที่เกิดขึ้นจึงยังไม่พร้อมที่จะชี้แจง ขอปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย