จากกรณีนายสมบูรณ์ เพ็งเรือง อายุ 74 ปี พ่อของเจ้าของบ้านเลขที่ 9/2 หมู่ที่ 1 ต.ชอนไพร อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์ กำลังขนย้ายของออกจากบ้าน หลังลูกชายและลูกสะใภ้เสียชีวิต โดยมีความเชื่อมาจากร่างทรงทัก ซึ่งบ้านหลังนี้มีคนตายแล้ว 4 ศพ ซึ่งรวมลูกชายและลูกสะใภ้เจ้าตัวอีก 2 ศพ รวมเป็น 6 ศพ ซึ่งบ้านนี้มีดวงวิญญาณสิงอยู่ และจะเอาชีวิตผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านทุก 2 ปี จึงเชื่อว่ามีอาถรรพ์ไม้เก่ามาสร้างบ้าน
ล่าสุด วันที่ 19 เม.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านไม้ผสมปูน ด้านบนเป็นโครงสร้างไม้ทั้งไม้แปรรูป ไม้แดง ไม้ตะแบก และไม้มะขาม หลังคาสังกะสี ส่วนชั้นล่างเป็นโครงสร้างปูน ในพื้นที่ 2 งาน แบ่งเป็นตัวบ้าน 25 ตารางวา เบื้องต้น มีการขนของใช้สำคัญออกจากตัวบ้านทั้งหมดแล้ว
นายสมบูรณ์ ผู้เป็นพ่อ นำทีมข่าวสำรวจตัวบ้าน พบว่าที่ดินผืนนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับอาถรรพ์ แต่อาถรรพ์เกิดจากโครงสร้างของบ้านชั้น 2 ซึ่งเป็นไม้เก่าที่นายสง่า กลขุนทศ อายุ 48 ปี ลูกเขยเป็นเจ้าของบ้าน ไปซื้อไม้จากบ้านเก่าที่มีคนเสียชีวิตถึง 4 ศพ ในหมู่บ้านโคก ห่างจากบ้านหลังนี้ประมาณ 14 กม.
โครงสร้างชั้นบนแบ่งเป็นส่วนที่ซื้อมาจำนวน 6,000 บาท ได้แก่เสาบ้านรวม 12 ต้น แบ่ง 2 ต้น เป็นเสาตกน้ำมันไม้แดง, โครงหลังคาไม้ชั้น 2 ไม้แปรรูป, หลังคาสังกะสี, พื้นไม้ชั้น 2 ทั้งหมด เป็นไม้ตะแบกกับไม่มะขาม และโครงสร้างผนังบ้าน 4 ทิศ ไม้แปรรูปเบญจพรรณ
นายสมบูรณ์ เล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ลูกเขยเสียชีวิต ต่อมาเป็นลูกสาว ล่าสุดคือหลานชายประสบอุบัติเหตุ และหลานสาวป่วย ทำให้ตนเองมานั่งคิดประกอบกับเรื่องราวที่พบในช่วงที่มานอนเป็นเพื่อนหลาน ๆ ในบ้านหลังนี้ ชั้นล่างบ้าน ตกกลางดึกก็ได้ยินเสียงกระโดดและเสียงเดินไปเดินมาอยู่บนชั้นสอง โซนเสาไม้ตกน้ำมัน แต่ด้วยเวลานั้นไม่มีใครอยู่ด้านบน จึงเชื่อว่าเป็นการกระทำวิญญาณหรือสิ่งลี้ลับอย่างแน่นอน บางคืนตนก็ตะโกนไปว่า "อย่ากระโดดหลายระวังหกล้มเด้อ" แล้วเสียงก็เงียบไป
สำหรับบ้านหลังนี้ย้อนไป 20 ปี ที่เริ่มก่อสร้างมีการทำบุญตลอด และต่อมาลูกเขยเสียชีวิตปี 2558 ก็มีการทำบุญใหญ่ และเมื่อบ้านแล้วเสร็จปี 2559 ก็ทำบุญขึ้นบ้านใหม่ จากนั้นทุกปีก็ทำบุญเลี้ยงเพลพระตลอด แต่ไม่วายในปี 2562 ลูกสาวก็มาเสียชีวิตโดยแพทย์ระบุว่าเป็นมะเร็งทั้งที่ผ่านมาลูกก็ปกติดี ส่วนล่าสุดปี 2564 หลานมาประสบอุบัติเหตุอีก จึงต้องเชื่อและตัดสินใจแล้วว่าจะมอบโครงสร้างบ้านทั้งหลังถวายวัดทุ่งเรไร ให้ผีไปอยู่กับวัด ทางวัดก็ตอบรับไม่ขัดข้อง และจะนำไปทำกุฏิพระ
สำหรับความรู้สึกก็เสียดายบ้าน เพราะครอบครัวลงแรงสร้างกันเองจนเสร็จ แต่ครั้งนี้มองว่าอยากเอาชีวิตทุกคนไว้มากกว่าบ้าน เพราะยังไงมีชีวิตอยู่ก็สร้างบ้านใหม่ได้
นายสมเกียรติ กลขุนทศ อายุ 29 ลูกชายคนโตของเจ้าของบ้าน เปิดเผยว่า ในช่วงปี 2568 ที่พ่อเสียชีวิต ขณะนั้นร่างทรงเจ้าพ่อมาประทับร่างญาติ และทักว่าให้มอบโครงสร้างบ้านให้วัด แต่ขณะนั้นไม่ได้ปักใจเชื่อ จนมาล่าสุดช่วงต้นเดือนเมษายน ตนเองไปทำงานก่อสร้างบ้าน และปีนขึ้นหลังคา แต่วันนั้นตนเหยียบโซนที่เป็นคานเหล็ก แต่น้องที่ทำงานด้วยเผลอไปเหยียบตรงหลังคากระเบื้อง ประกอบกับฝนตกทำให้กระเบื้องแตกเกือบทั้งแผง น้องตกลงไปถึงพื้น แต่ไม่เป็นอะไร ส่วนตนเองหล่นค้างคานเหล็กอยู่กระดูกซีโครงร้าว จึงแอบสงสัยว่าทำไมตนเองเจ็บหนักกว่าน้อง และเริ่มรู้สงสัยเพราะปีนี้เข้าสู่ปีที่ 2 ของแม่ที่จากไป
กระทั่งไปเจอร่างทรงอีกเมื่อวันที่ 14 เม.ย. 64 เป็นวันรวมญาติ เทศกาลสงกรานต์ร่างทรงก็ประทับทักอีกว่า บ้านนี้ต้องรื้อถวายวัด เพราะมีวิญญาณเจ้าแม่สิงอยู่ในเสา ซึ่งถ้าไม่รื้อเขาจะเอาชีวิตคนในครอบครัวอีกในเร็ว ๆ นี้ ตนจึงตัดสินใจร่วมกับครอบครัวว่าจะรื้อบ้านถวายวัด เมื่อวัดตอบรับก็สบายใจ แม้เสียดายแต่มองว่าเป็นเรื่องจำเป็นที่สุดแล้ว เพราะสิ่งของนั้นนอกกายและหาใหม่ได้ ตอนนี้ต้องเลือกเอาชีวิตไว้ก่อน
ส่วนกรณีที่โซเชียลฯ ติงว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวตนนั้นเป็นอุบัติเหตุ ตนมองว่าอุบัติเหตุก็ส่วนหนึ่ง ตนเองจะระวังตัวทุกครั้งที่ทำงาน เหตุที่เกิดกับตนในวันนั้นมันก็เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ ดังนั้นเรื่องความเชื่อก็คือเรื่องส่วนบุคคลด้วย