ทุบแน่! รูปปั้นเทพตัดหัวห่วงคนเลียนแบบ ศิษย์ร่วมเผา "ธรรมกร" ส่อผิดย้ายศพ (คลิป)

เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 64 เวลาประมาณ 10.30 น. ได้รับแจ้งว่ามีพระธรรมกร เจ้าอาวาสสำนักสงฆ์ภูหินกอง อยู่บนภูเขาซ้ายมือทางไปบ้านนาแค ในเขตเทศบาลเมืองหนองบัวลำภู เสียชีวิตโดยได้ใช้มีดตัดคอตัวเองจนเสียชีวิตเพื่อถวายให้พระพุทธเจ้า บริเวณจุดที่ฆ่าตัวตายมีรูปปั้นคล้ายกับพระอินทร์ไม่มีศีรษะ และมือทั้ง 2 ข้างได้ถือศีรษะคล้ายกับโดนตัดไว้ในมือนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ศิษย์พระบั่นคอรื้อกิโยตีนใน 41 นาที หอบซ่อนข้ามจังหวัด เผาไม้เปื้อนเลือดพร้อมศพ
- หมอปลาอ้วกพุ่งเจอกระดูกพระตัดหัว ลั่นตายโหงไม่บรรลุธรรม ชูมืออาสาทุบทิ้ง
- มีอึ้ง! ป้ายสำนักพระตัดหัวทำคล้าย "กิโยตีน" เผยก่อนตายยังบิณฑบาตโปรดสัตว์
- บุกสำนักพระตัดหัว อึ้ง "ธรรมกร" ชอบตัดหัวไก่อ้างสัตว์นิพพาน - ซุกกิโยตีนใต้ผ้าขาว
- เปิดคลิปลับศิษย์ "ธรรมกร" ขวางนำศพหัวชันสูตร รอทหารทุบเทวดาถวายหัว

วันที่ 21 เม.ย. 64 ทีมข่าวเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู จ.หนองบัวลำภู เมื่อเวลา 08.00 น. เหล่าลูกศิษย์และแม่ชีของสำนักสงฆ์ ได้มีการนิมนต์พระ 3 รูป รับฉันเช้า พร้อมทั้งมีการสวดเจริญพระพุทธมนต์ และอุทิศส่วนกุศลให้กับพระธรรมกร เนื่องในวันครบ 7 วันของการจากไป หลังจากมีการประกอบพิธีแล้ว ลูกศิษย์และแม่ชีได้ตั้งแถวนั่งพื้นเพื่อกราบนมัสการลา จากนั้นกลุ่มลูกศิษย์และแม่ชีก็แยกย้ายไปทำกิจวัตรประจำวัน

เวลา 12.05 น. พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล เสธ.มทบ.26 พร้อมด้วย นายอำเภอ และนายอนุชา ภู่เปี่ยมศักดิ์ ปลัดอำเภอเมืองหนองบัวลำภู มาพร้อมกับชุดอาสาสมัคร นำผ้าม้วนสีขาวความยาว 20 เมตร และเชือกฟางสีขาวเดินทางไปที่รูปปั้นเทพกุดหัว เพื่อทำการคลุมรูปปั้น มีการเก็บป้ายคำอธิฐานพันรวมไปกับรูปปั้น ส่วนดอกไม้และพานที่ลูกศิษย์นำมาถวายทางเจ้าหน้าที่ได้ยกและเก็บออกทั้งหมด เพื่อไม่ให้ประชาชนหรือนักท่องเที่ยวเดินทางมาถ่ายรูปหรือกราบไหว้ เป็นไปตามมติของที่ประชุมจังหวัด ให้มีการดำเนินการให้ถูกต้อง หลังจากนี้จะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจพื้นที่ อาสาสมัครอำเภอ และเจ้าหน้าที่ทหารมทบ.28 สลับสับเปลี่ยนกันมาประจำเพื่อดูแลความเรียบร้อย พร้อมทั้งจะมีการนำป้ายมาปิดประกาศ แต่ประชาชนและนักท่องเที่ยวยังคงเดินทางมากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์และพระธาตุได้ตามปกติ

ในช่วงที่ได้งานราชการเดินทางมาถึงสำนักสงฆ์ภูหินกอง มีการเตรียมอุปกรณ์โดยเฉพาะผ้าและเชือกฟางสำหรับการคลุมรูปปั้น สังเกตว่าท้องฟ้าเหนือสำนักสงฆ์ มีเมฆดำเข้ามาปลุกคลุม ลมพัดแรง คล้ายกับฝนจะตก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ท้องฟ้าปลอดโปร่ง ระหว่างที่เจ้าหน้าที่เริ่มมีการคลุมผ้า ท้องฟ้าก็เริ่มกลับมาปลอดโปร่งตามปกติ ไม่มีฝนตก

พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล เสธ.มทบ.26 เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่มาในวันนี้ ปฏิบัติตามมติของที่ประชุมระดับจังหวัด ซึ่งมีมติให้มีการนำผ้ามาคลุมรูปปั้นเทพกุดหัว ไม่ให้ประชาชนหรือลูกศิษย์ทำการกราบไหว้ ะมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ซึ่งจะทำให้เกิดอคติหรือการกระทำลอกเลียนแบบ แนวทางการเคลื่อนย้ายหรือการทุบทิ้งก็จะเป็นขั้นตอนที่เกิดขึ้นหลังจากนี้ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในก่อนวันศุกร์ที่ 23 เม.ย. 64

ขณะที่หมอปลา ได้เสนอตัวก่อนหน้านี้ว่าจะอาสาเป็นผู้ที่ถูกทำลายให้นั้น ขอเป็นหน้าที่ของหน่วยงานราชการในการแก้ไขปัญหา และเป็นผู้รับผิดชอบกับรูปปั้นดังกล่าว ทั้งนี้ เรื่องของแนวทางการคืนพื้นที่หรือการเข้ามาบริหารจัดการสำนักสงฆ์ภูหินกอง เบื้องต้นจะมีการประกาศงดไม่ให้มีการก่อสร้างต่อเติมเพิ่มเติมในพื้นที่ และจะไม่อนุญาตให้พระสงฆ์เข้ามาอยู่ ส่วนลูกศิษย์และแม่ชีที่ยังอาศัยอยู่ แนวทางหลังจากนี้ก็ต้องย้ายออกจากพื้นที่ แต่ตอนนี้อยู่ระหว่างการปรึกษาและทำความเข้าใจ อาจจะมีการพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว หรือยกให้เป็นพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบล แต่ก็คงจะไม่มีการทุบทำลายสิ่งก่อสร้างทิ้ง เพราะทุกอย่างก่อสร้างไปแล้วก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องหรือให้ถูกตามระเบียบขั้นตอน เพียงแต่จะไม่ให้เป็นของกลุ่มบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

ขณะที่กลุ่มแม่ชีหรือลูกศิษย์ เบื้องต้นยังไม่มีการแจ้งดำเนินคดีในข้อหาบุกรุก เพราะก่อนหน้านี้ได้มีการขออนุญาตใช้พื้นที่ โดยมีพระมาขออนุญาตใช้เป็นที่พักสงฆ์ชั่วคราว

นายอนุชา ภู่เปี่ยมศักดิ์ ปลัดอำเภอเมืองหนองบัวลำภู เปิดเผยว่า การเดินทางมาปฎิบัติหน้าที่ในวันนี้เป็นไปตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เพราะมีคำสั่งจากที่ประชุม ให้มีการดำเนินการเกี่ยวกับรูปปั้นเทพกุดหัว เนื่องจากเป็นรูปปั้นที่ไม่เหมาะสม และถ้าหากมีการเผยแพร่ออกสื่อหรือมีประชาชนเดินทางมาเคารพกราบไหว้ ก็กลัวว่าจะเกิดภาพลักษณ์ที่กระทบต่อพระพุทธศาสนา ทำให้เกิดการเลียนแบบในทางที่ผิด แนวทางหลังจากนี้ยังไม่ทราบว่าจะเป็นการทุบหรือเคลื่อนย้ายเอาไปเก็บไว้ในสถานที่ที่เหมาะสม เพราะวันนี้เดินทางมาเพื่อคลุมผ้าเอาไว้ก่อน เบื้องต้นได้มีการทำความเข้าใจกับลูกศิษย์และแม่ชีของสำนักสงฆ์แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้มีใครขัดขวางหรือขัดแย้ง

หลังจากที่ หน่วยงานราชการของจังหวัดหนองบัวลำภู ได้มีการคลุมรูปปั้นเทพกุดหัว และมีการจัดเก็บอิฐบล็อก ได้ขึ้นไปด้านบนศาลาเพื่อเป็นการกราบนมัสการหลวงปู่ต๋อง อุตะมะธรรมโม เจ้าอาวาสวัดถ้ำน้ำทิพ จ.หนองบัวลำภู ในฐานะครูอาจารย์ที่พระธรรมกรนับถือ โดยหลวงปู่เดินทางมาเยี่ยมและให้กำลังใจแม่ชีและลูกศิษย์ หลังจากที่สูญเสียพระธรรมกร ระหว่างนั้นกลุ่มแม่ชีและลูกศิษย์ก็ได้นั่งสนทนาธรรมอยู่กับหลวงปู่

จากนั้น พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล เสธ.มทบ.26 ได้ขึ้นไปกราบนมัสการ พร้อมทั้งได้มีการพูดคุยทำความเข้าใจกับแม่ชีและลูกศิษย์ โดยกล่าวถึงแนวทางที่หน่วยงานราชการลงพื้นที่มาคลุมรูปปั้นวันนี้ว่าเป็นไปตามมติของที่ประชุมจังหวัด เพื่อเตรียมที่จะเคลื่อนย้าย ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีมาตรการขับไล่แม่ชีหรือลูกศิษย์ออกจากสำนักสงฆ์ แต่ต้องรอความชัดเจนหลังจากนี้ว่าจะมีแนวทางใดในการแก้ปัญหา

แม่ชี สำนักสงฆ์ภูหินกอง เปิดเผยว่า เรื่องของการเคลื่อนย้ายหรือดำเนินการเกี่ยวกับรูปปั้นเทพกุดหัว ในฐานะลูกศิษย์ก็ให้ว่าไปตามขั้นตอนของหน่วยงานราชการ ไม่ขัดข้องหรือขัดขวาง หากส่วนใดเหมาะสมก็ให้ดำเนินการต่อไป แต่แนวทางการย้ายออกจากสำนักสงฆ์ไปอยู่ที่อื่น ตอนนี้ยังไม่ได้รับคำสั่งหรือคำยืนยันว่าให้ออกจากพื้นที่ ซึ่งยังไม่มีการจัดหาสถานที่หรือจุดที่จะไปปฎิบัติธรรม เป็นเรื่องของอนาคต ขณะที่แนวทางหรือคำสั่งสอนของพระธรรมกรสอนให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ สวดมนต์นั่งสมาธิ ปฏิบัติตามหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา แต่ไม่เคยสอนหรือชี้แนะในการฆ่าตัวตายหรือการกระทำลอกเลียนแบบ ดังนั้น แม่ชีทุกคนก็ปฏิบัติตามหลักคำสั่งสอนทุกอย่าง ส่วนเรื่องของแนวทางของคดีก็ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นคนดำเนินการ ตนเองในฐานะแม่ชีก็ปฏิบัติตามกิจของแม่ชี

วันนี้ตลอดทั้งวันที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง ยังคงมีประชาชนและนักท่องเที่ยว รวมถึงพระสงฆ์จากวัดต่าง ๆ เดินมาเยี่ยมชมและสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งก่อนที่เจ้าหน้าที่ อส. และทหาร จะมีการลงพื้นที่ทำการคลุมรูปปั้นเทพหัวกุด มีประชาชนเข้าไปถ่ายรูปและเดินชมรอบรูปปั้น

พระครูไพร รัตนานุรักษ์ เจ้าอาวาสวัดศรีผดุงพัฒนา เจ้าคณะตำบลศรีสุทโธ จ.อุดรธานี เดินทางมาเพื่อชมสถานที่จริง ช่วงที่พระครูไพรเดินเยี่ยมชมบริเวณรูปปั้นเทพกุดหัว ได้ยืนสังเกตอยู่บริเวณหน้าป้ายคำว่าอธิฐาน บอกว่าการปั้นรูปปั้นเทพกุดหัว เกิดจากบุคคลที่ศึกษาผิด และไม่รู้วิชาที่แท้จริง ไม่รู้ความหมาย มีการสร้างหรือปั้นสิ่งผิด และยังเป็นการบูชาที่ผิด ซึ่งการปฏิบัติที่ถูกต้อง จะต้องมีศีล สมาธิ มีปัญญา เป็นการบำเพ็ญภาวนา แต่ไม่ใช่การสร้างรูปปั้นแบบนี้เพื่อถวายพระพุทธเจ้า

ส่วนบทกลอน เป็นการเขียนขึ้นมาจากการนึกคิด ไม่ใช่สิ่งถูกต้อง คิดแบบไหนก็เขียนลงไปแบบนั้น ไม่ใช่คำอธิฐานหรือการตั้งอธิษฐานจิต ถ้าเกิดบุคคลที่มาอ่านหรืออธิฐาน แล้วบอกว่าถ้อยคำดังกล่าวเป็นการส่งเสริมทำให้บรรลุ ทุกคนที่มาอ่านหรือท่องตามก็คงจะบรรลุเป็นพระอรหันทั้งหมด ฉะนั้นการจะบรรลุที่แท้จริงก็ต้องบำเพ็ญศีลภาวนาที่ยาวนาน

พระครูไพร กล่าวว่า การเดินทางมาในวันนี้ก็เพื่อจะมาดูสถานที่จริงเป็นเพราะว่าทราบข่าว สิ่งที่เจอก็คือการเข้าใจผิด ทั้งเรื่องของการฆ่าตัวตาย และรวมถึงรูปปั้นที่อ้างว่าถวายให้กับพระพุทธเจ้า ตามตำราหรือหนังสือพุทธศาสนา ไม่มีเรื่องใดนิยามหรือเขียนเอาไว้เกี่ยวกับการถวายหัวให้กับพระพุทธเจ้า ดังนั้นการฆ่าตัวตายก็ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดศีล เป็นการกระทำที่บาป ไม่มีอะไรเรียกว่าบรรลุ ต้องตกนรกเพราะฆ่าตัวตาย หรือหากย้อนกลับไปตอนที่เป็นพระ แม้ว่าช่วงที่บวชเป็นพระห่มผ้าเหลือง มีความคิดว่าจะฆ่าตัวตายก็ถือว่าผิดศีล แค่คิดว่าจะฆ่าตัวตายก็ขาดจากความเป็นพระแล้ว ดังนั้นจากข้อมูลที่ทราบมา พระธรรมกรต้องการที่จะฆ่าตัวตายถวายพระพุทธเจ้าในช่วงระยะ 5 ปี ก็ถือว่าไม่ได้มีความเป็นพระนับตั้งแต่ที่มีความคิดแล้ว

ส่วนกรณีที่พระธรรมกรมีการเตรียมการเกี่ยวกับการฆ่าตัวตาย การอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง เป็นการอ่านแล้วเกิดปัญญาที่ผิด เพราะหนังสือเขียนขึ้นมาก็จริง แต่ไม่ควรที่จะกระทำตามหนังสือ ตนเองไม่อยากให้ความเห็นหรือนำหนังสือดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง เพราะเชื่อว่าเป็นการขาดสติปัญญา อีกทั้งการที่พระธรรมกรตัดสินใจก่อเหตุกลัวว่ากลุ่มลูกศิษย์ที่เหลืออยู่ หรือแม้แต่การเห็นรูปปั้นก็จะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ อยากจะให้ถอนหรือทุบทิ้ง เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องในทางพุทธศาสนา