วันที่ 22 เม.ย. 64 บรรยากาศสำนักสงฆ์ภูหินกอง จังหวัดหนองบัวลำภู แม่ชีและลูกศิษย์สำนักสงฆ์ฯ ติดป้ายห้ามเข้าศาลา นักท่องเที่ยวและชาวบ้านเดินทางมากราบพระธาตุ แต่ยุ่งเกี่ยวกับรูปปั้นไม่ได้ เพราะมีตำรวจเฝ้า ชุดสืบจังหวัดลงพื้นที่สอบปากคำแม่ชีและลูกศิษย์คนสนิทรู้เห็นสร้าง-เก็บเครื่องกิโยตีนหรือไม่ หลังพระธรรมกรสร้างรูปปั้นเทพกัวกุดขึ้น และบั่นคอตัวเองถวายให้กับพระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 64 นั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจอหนังสือลับ! "ธรรมกร" สอนกุดหัวสู่อรหันต์ อึ้งจัดสวดบังสุกุลก่อนปลิดชีพ
- ทุบแน่! รูปปั้นเทพตัดหัวห่วงคนเลียนแบบ ศิษย์ร่วมเผา "ธรรมกร" ส่อผิดย้ายศพ
- ศิษย์พระบั่นคอรื้อกิโยตีนใน 41 นาที หอบซ่อนข้ามจังหวัด เผาไม้เปื้อนเลือดพร้อมศพ
เมื่อเวลา 13.50 น. พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล เสธ.มทบ.26 ในฐานะรอง ผอ.กอ.รมน.หนองบัวลำภู ลงพื้นที่สำนักสงฆ์ภูหินกอง บ้านนาแค เทศบาลเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมกับ นายประสิทธิ์ มหาวงศ์ ปลัดอำเภอหนองบัวลำภู เจ้าหน้าที่ อส.จังหวัด เจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัด และทหาร กอ.รมน. รวม 40 นาย ลงพื้นที่มายังสำนักสงฆ์ เพื่อเตรียมความพร้อมในการรื้อถอน ทุบทำลายรูปปั้นเทพกุดหัว
เวลา 14.00 น. นายเผด็จ โยธะพล หรือ พราหมเผด็จ พราหมประจำจังหวัดหนองบัวลำภู ประกอบพิธีพรหมขอภูมิเจ้าที่ ภูมิแผ่นดิน เพื่อสื่อสารและขอทุบรูปปั้นให้ภูมิเจ้าที่อนุญาต โดยพิธีใช้เชือกสีขาวทำเป็นบ่วงตรงกลาง ผูกติดกับหินหรือก้อนดินในพื้นที่ที่ขอภูมิเจ้าที่ทำการเสี่ยงทาย จากนั้นขอให้ผู้สื่อข่าวชาย 3 คน หญิง 1 คน อมรินทร์ ทีวี ช่อง 34 ไทยรัฐ และช่อง 8 ทำการจับปลายเชือกกางออกเป็น 4 มุม ทิศตะวันออก หมายถึงเทวดา ทะตะละโก, ทิศใต้ วิรุณหกะ พญาคุม, ทิศตะวันตก พระคะสะตะ, ทิศเหนือ คือ เท้าเวสสุวรรณ จากนั้นได้นำสวดให้ผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่ว่าตาม
เริ่มต้มการเสี่ยงทายพราหมเผด็จ ได้เสี่ยงทายให้ก้อนหินตรงกลางบ่วงหมุนเป็นวงกลมเวียนตามเข็นนาฬิกา หากแกว่งเป็นวงกลมได้ หมายถึง "อนุญาต" แต่ถ้านิ่งไม่ขยับหมายถึง "ไม่อนุญาต" ผลคือแกว่งเป็นวงกลมตามที่เสี่ยงท้าย คืออนุญาต
จากนั้น มีการยืนยันเสี่ยงท้ายรอบที่ 2 ให้ทุบได้หรือไม่ ผลคืออนุญาต และเพื่อยืนยันเสี่ยงทายครั้งสุดท้าย ให้แกว่งเป็นวงกลมแรงขึ้นอีก พร้อมขอให้ทุกคนพูดพร้อมกันว่า "แรงขึ้น แรงขึ้น แรงขึ้น" ผลคือแกว่งแรงและเร็ว ผลคืออนุญาต
หลังจากเสี่ยงท้ายแล้วพรหมเผด็จได้ไปยืนอยู่หน้ารูปปั้น และทำการเปิดคำภีร์ใบลานที่เขียนคาถาถอน และคำกล่าวขอทุบรื้อถอน โดยเป็นภาษาบูชาเทพเทวดา บทสวด "นะสะโมทะ" แต่ก่อนที่จะท่องบทคาถารื้อถอน ได้มีการท่องบทสวดเพื่อป้องกันภัย รวมถึงสิ่งอัปมงคลให้แก่ผู้ที่มาร่วมงาน เจ้าหน้าที่และผู้สื่อข่าว เพราะเนื่องจากการถอนหรือทุบรูปปั้นอาจมีสิ่งไม่ดี รวมถึงสัมภเวสีที่อยู่รอบพื้นที่อาจมาก่อกวนหรือทำให้งานสะดุด จึงได้มีการท่องบทสวดเพื่อป้องกันภัย
หลังจากมีการประกอบพิธีเสร็จแล้ว ช่วงเวลาประมาณ 15.15 น. นายอภิชาติ ชาตรีเจริฐ ผู้ช่วยพราหม เป็นผู้นำใช้ขวัญสีแดงทุบบริเวณหัวของรูปปั้น แต่ในระหว่างการทุบไม่มีการถอดผ้าคลุมสีขาวออก เพราะป้องกันเศษหินปูนกระเด็น มีการแกะเชือกและผ้าออกบางส่วนเท่านั้น
เมื่อผู้ช่วยพราหมทำการทุบเปิดแล้ว เจ้าหน้าที่อส., กอ.รมน. และ ปภ.จังหวัด ได้ใช้ขวาน เครื่องตัดถ่าง ทำการทุบรูปปั้นทิ้งต่อ โดยต้องการเหลือเพียงฐานด้านล่างเท่านั้น แต่รูปบ้านทั้งหมดจะต้องทุบและขนย้ายออกไปถึงนอกพื้นที่ ซึ่งมีการทุบทำลายแล้วเสร็จเมื่อช่วงเวลา 15.25 น. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ
จากนั้น ได้ขนเศษปูนหิน เหล็ก และส่วนหัวของรูปปั้น ขึ้นรถ อส.จังหวัด เพื่อเตรียมเคลื่อนย้ายนำไปทิ้งถังขยะเขตเทศบาล ไม่ขอระบุพื้นที่ เพราะกลัวว่าลูกศิษย์จะตามไปเก็บนำมาบูชาตามความเชื่อ เจ้าหน้าที่ช่วยกันล้างทำความสะอาดพื้นที่ เพื่อให้กลับสู่สภาพเดิม หลังมีฝุ่นปูนหินกระจายพื้นที่ทุบรูปปั้น
จากนั้นได้นำสติกเกอร์ "นะโม วิมุตตานัง นะโม วิมุติยา" หลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส มาติดให้กับรถที่ขนย้ายเศษปูนหินรูปปั้น เพื่อให้การลำเลียงและการขนย้ายเป็นไปด้วยความราบลื่น ก่อนที่พราหมเผด็จจะกลับ ยังได้มีการอวยพรและเชิญทวยเทพ ให้พรสำหรับผู้ที่ปฏิบัติงาน เกิดความเป็นสิริมงคลด้วย
ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีการทุบรูปปั้น บริเวณรอบนอกได้มีชาวบ้าน 40-50 คน มายืนดูการทุบ บางส่วนได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาบันทึกภาพ บางส่วนได้ยืนมองขั้นตอนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ไม่ได้มีเหตุความวุ่นวายเกิดขึ้น เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ต่างเข้าใจในการปฎิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนกลุ่มลูกศิษย์และแม่ชีของสำนักสงฆ์ฯ ไม่ได้ลงมาสังเกตการณ์
ภายหลังมีการทุบรูปปั้นเทพกุดหัวเสร็จ พราหมเผด็จได้ขอให้เจ้าหน้าที่รวมถึงผู้สื่อข่าว รับการเจิมหน้าผาก เป็นคำว่า “โอม” เพื่อความเป็นสิริมงคลและป้องกันภัย
พ.อ.พุทธิวัฒน์ สิริพงศ์พล เสธ.มทบ.26 รองผอ.กอ.รมน.หนองบัวลำภู เปิดเผยว่า วันนี้ได้ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดและคณะทำงาน ที่มีมติร่วมกันในระดับจังหวัดให้มีการดำเนินการทุบ และเคลื่อนย้ายรูปปั้นออกจากพื้นที่สำนักสงฆ์ เพื่อไม่ให้เกิดเป็นภาพอุจาดตา รวมถึงเป็นสัญลักษณ์ทำให้เกิดการเลียนแบบ
แต่ขั้นตอนหลังจากนี้อยู่ระหว่างการพูดคุยระดับของหน่วยราชการ ที่จะหารือร่วมกับสำนักงานพุทธศาสนาจังหวัด หาแนวทางการดำเนินการแก้ไขเกี่ยวกับสำนักสงฆ์แห่งนี้ และยังไม่มีแนวทางในการย้ายหรือขอให้แม่ชีออกจากสำนักสงฆ์ ซึ่งจะต้องรอความชัดเจนหลังจากนี้ก่อน
เบื้องต้นยังคงปฏิบัติตามคำสั่งของสำนักพุทธศาสนาจังหวัด ห้ามไม่ให้มีพระมาจำอยู่ แต่แม่ชีและลูกศิษย์ยังคงทำกิจตามปกติ ส่วนเรื่องของเจดีย์ด้านล่างที่เป็นจุดเผาศพของพระธรรมกร ยังไม่มีแนวทางในการหารือหรือแก้ไขปัญหา เชื่อว่าจุดดังกล่าวไม่ได้มีการสร้างเป็นลักษณะเชิงสัญลักษณ์ และเป็นการก่อสร้างที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม
พราหมเผด็จ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการเสี่ยงทายเสร็จแล้ว ก็ต้องมีการท่องบทสวดเฉพาะที่เป็นหลักวิชาของพราหม ในการขอขมาและบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงเราถ้วยเทพเทวดาผู้ที่ปกปักษ์รักษาพื้นที่ ปกปักษ์รักษารูปปั้น
แต่ส่วนตัวสัมผัสได้ว่ารูปปั้นนี้ไม่ได้มีเทพประจำอยู่ แต่เป็นมารที่ประจำและรายล้อมด้วยสัมภเวสี ดังนั้นจึงต้องมีการทุบทำลายสิ่งอัปมงคลออกไปจากพื้นที่วัด เพราะไม่เหมาะสม ไม่ควรที่จะตั้งวางอยู่ในสถานที่แห่งนี้ หลังจากที่มีการทำพิธีเสร็จแล้ว ก็สามารถนำไปทิ้งได้ในสถานที่ทั่วไป เพราะเป็นเพียงแค่ปูนหินทั่วไป ไม่มีฤทธิ์ใด ๆ