เผยหลักฐาน! ธรรมกรสร้างกิโยตีนมีฤๅษี - ชีมือขวาช่วย เปิดภาพสุมไม้เชิงตะกอนพร้อมเผา (คลิป)

วันที่ 22 เม.ย. 64 บรรยากาศสำนักสงฆ์ภูหินกอง จังหวัดหนองบัวลำภู แม่ชีและลูกศิษย์สำนักสงฆ์ฯ ติดป้ายห้ามเข้าศาลา นักท่องเที่ยวและชาวบ้านเดินทางมากราบพระธาตุ แต่ยุ่งเกี่ยวกับรูปปั้นไม่ได้ เพราะมีตำรวจเฝ้า ชุดสืบจังหวัดลงพื้นที่สอบปากคำแม่ชีและลูกศิษย์คนสนิทรู้เห็นสร้าง-เก็บเครื่องกิโยตีนหรือไม่ หลังพระธรรมกรสร้างรูปปั้นเทพกัวกุดขึ้น และบั่นคอตัวเองถวายให้กับพระพุทธเจ้า เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 64 ล่าสุดวันนี้มีการทุบรูปปั้นเทพหัวกุดแล้วนั้น

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เจอหนังสือลับ! "ธรรมกร" สอนกุดหัวสู่อรหันต์ อึ้งจัดสวดบังสุกุลก่อนปลิดชีพ
- ศิษย์พระบั่นคอรื้อกิโยตีนใน 41 นาที หอบซ่อนข้ามจังหวัด เผาไม้เปื้อนเลือดพร้อมศพ

นายหิน (นามสมมติ) ลูกศิษย์พระธรรมกร ระยะหลังไม่ได้เดินทางมาสนทนาธรรมกับพระที่สำนักสงฆ์ แต่ยังคงรอใส่บาตรตอนเช้าในที่หมู่บ้านทุกวัน และนายหินเป็นกลุ่มลูกศิษย์ที่ได้รับการติดต่อจากพระธรรมกร ให้ขึ้นไปช่วยเตรียมงานละสังขาร ช่วงวันที่ 21-29 มี.ค. 64 ซึ่งมีการก่อสร้างและเตรียมความพร้อมในหลายส่วน โดยเฉพาะเชิงตะกอน เครื่องกิโยตีน ทำทางสำหรับไปที่เผาศพ

โดยมีภาพชุดหนึ่งของการเตรียมงานสำหรับการละสังขารพระธรรมกร ทุกอย่างได้มีรูปแบบและการเตรียมงาน โดยมีพระธรรมกรเป็นคนควบคุมงานและวางแผนให้ทุกอย่าง ภาพชุดแรกเป็นกลุ่มลูกศิษย์ที่กำลังช่วยกันสร้างเครื่องกิโยตีน มีกลุ่มคนที่สวมใส่ชุดขาว และในภาพยังปรากฏชายแต่งกายคล้ายฤๅษีมายืนควบคุมงาน มีการติดตั้งเชือกพร้อมกับใบมีด คาดว่าวันที่ 25 มี.ค. 64

ส่วนอีกภาพหนึ่ง เป็นภาพที่มีพระธรรมกรยืนอยู่ด้านบนของเครื่องกิโยตีน อยู่บริเวณใบมีด ซึ่งมีการถ่ายภาพและโพสต์เอาไว้เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 64 สังเกตว่ามีแม่ชีคนสนิทยืนอยู่บนไม้ค้ำยันเครื่องกิโยตีน เป็นการตรวจความพร้อมของโครงสร้าง

ภาพเหตุการณ์วันที่ 21 มี.ค. 64 ยังปรากฏภาพกลุ่มแม่ชีกำลังเก็บกวาดพื้นภายในร้านของสำนักสงฆ์ บริเวณด้านหลังขององค์พระเจดีย์ แต่สังเกตว่าบริเวณพื้นมีการนำไม้และโครงเหล็กนำมาวางเอาไว้เป็นส่วนประกอบทำเครื่องกิโยตีน และเมื่อวัน 22 มี.ค. 64 มีการลงเรื่องราวและภาพเกี่ยวกับการเตรียมเชิงตะกอน มีก้อนหินเรียงสองฝั่ง ตรงกลางมีการจัดเรียงฝืน และภาพของลูกศิษย์ที่ได้มีการเก็บกวาดและเตรียมปรับหน้าดิน สำหรับเป็นเส้นทางขึ้นลงไปยังจุดเผาศพ

นายหิน เล่าว่า ตนเองคือศิษย์ที่เคยมีความเลื่อมใสศรัทธาในหลักคำสอนของพระธรรมกร แต่ในระยะหลังเริ่มสังเกตความผิดปกติในหลักคำสอนหรือการละสังขาร รวมถึงเรื่องการฆ่าตัวตาย ทำให้ตนเองไม่ค่อยได้ขึ้นมาสนทนาธรรมที่สำนักสงฆ์ แต่ยังคงรอใส่บาตรอยู่ที่ด้านล่างในหมู่บ้าน มีวันหนึ่งช่วงปลายเดือนมีนาคม มีลูกศิษย์ภายในวัดมาประกาศบอกให้ไปช่วยกันทำอุปกรณ์ละสังขารให้กับพระธรรมกร ตอนนั้นไม่มีใครบอกรายละเอียด มีลูกศิษย์คนสนิทในหมู่บ้านหลายคนเดินทางขึ้นไปร่วมจัดสร้างอุปกรณ์ แต่ตนเองไม่ได้ขึ้นไป เพราะติดธุระ สอบถามกับกลุ่มเพื่อนที่ขึ้นไปทราบว่ามีการเตรียมเครื่องอุปกรณ์บางอย่างที่มีลักษณะสูง จนกระทั่งมาทราบภายหลังว่าเป็นเครื่องประหารหรือกิโยตีน

จากนั้น ในการสร้างเตรียมความพร้อมในงานละสังขาร ทราบว่ากลุ่มเพื่อนได้มีการทำการก่อสร้างเชิงตะกอน ปรับจัดเตรียมพื้นที่เพื่อรองรับการเตรียมงาน ส่วนตัวถือว่าโชคดีที่ไม่ได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างอุปกรณ์ที่ส่งเสริมให้เกิดการกระทำผิดหรือบาป ทุกครั้งที่ตนเองเคยมีโอกาสร่วมงานกับพระธรรมกร ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างหรือสร้างสาธารณูปโภคอื่น ๆ ในสำนักสงฆ์ ทุกการก่อสร้างจะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมงานของพระธรรมกร ถ้าหากลูกศิษย์คนใดทำผิดแบบหรือไม่เชื่อฟัง ทำไม่ได้ตามที่ต้องการ ก็จะถูกขับไล่ออกจากสำนักสงฆ์ ไม่ให้ขึ้นมายุ่งเกี่ยวหรือมาช่วยงานอีก ส่วนตัวมองว่าการกระทำดังกล่าวของพระธรรมกรไม่เหมาะสม เพราะลูกศิษย์ส่วนใหญ่ตั้งใจที่จะมาช่วยงาน แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกขับไล่หรือดุด่าโดยการใช้อารมณ์

นอกจากนี้ ในช่วงวันเกิดเหตุ ส่วนตัวมาทราบภายหลังว่ามีการตัดสินใจตัดหัวตนเองด้วยอุปกรณ์ที่สร้างขึ้นกับลูกศิษย์ ยอมรับว่าเป็นเรื่องที่หดหู่ และเป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญ ไม่คิดว่าจะกล้าทำ ดังนั้นในมุมของทางพุทธศาสนาหรือทางธรรม การกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดบาป การตายมีการลาสิขาไปแล้ว ไม่ใช่ในฐานะความเป็นพระ ส่วนในเรื่องของทางโลก บุคคลที่เกี่ยวข้องในการสร้างหรือซ่อนเร้นอุปกรณ์ก็จะต้องออกมารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น รับโทษตามกฎหมายที่มีส่วนรู้เห็นในการซ่อนอำพรางหรือเคลื่อนย้ายศพ

ส่วนในวันที่พระธรรมกรละสังขาร ได้มีการเขียนพินัยกรรมระบุเกี่ยวกับสำนักสงฆ์ ให้มีพระรูปหนึ่งอายุ 25 ปี เป็นหลานของลูกศิษย์คนสนิทมาจำอยู่ที่สำนักสงฆ์แทน เพื่อขึ้นเป็นสำนักสงฆ์แทนพระธรรมกร พระรูปดังกล่าวพระธรรมกรเป็นผู้อุปสมบทเณรให้ และเคยจำอยู่ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ก่อนที่จะย้ายไปบวชเป็นพระอยู่ในจังหวัดพังงา

ส่วนการจัดงานเรื่องศพ ให้กลุ่มลูกศิษย์ดำเนินการโดยไม่ให้บุคคลอื่นรับรู้ ไม่ให้มีการตรวจสอบหรือส่งศพไปที่อื่น ให้มีการดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 เม.ย. 64 จากนั้น ห้ามไม่ให้ลูกศิษย์เคลื่อนย้ายกระดูกหรือขี้เถ้า ให้มีการใช้หินทับถมเอาไว้ที่เผา อุปกรณ์และสิ่งก่อสร้างที่เป็นประโยชน์ให้มอบเป็นสาธารณะประโยชน์ให้กับสำนักสงฆ์อื่น ให้เป็นผู้ปกครองฝ่ายชีดำเนินการควบคุมให้เกิดความสงบเรียบร้อย