วันที่ 23 เม.ย. 64 บรรยากาศสำนักสงฆ์ภูหินกอง จ.หนองบัวลำภู แม่ชีและลูกศิษย์สำนักสงฆ์ให้ปากคำเพิ่ม ตร.เรียกสอบแล้ว16 ปาก เตรียมเรียกเพิ่มเอี่ยวรู้เห็นการตัดหัวของพระธรรมกร เพื่อถวายให้กับพระพุทธเจ้าตามความเชื่อในหนังสือ แต่ไม่มีในคำสอนตามหลักศาสนาพุทธ ซึ่งล่าสุด วันที่ 22 เม.ย. เจ้าหน้าที่ทุบทำลายรูปปั้นเทพหัวกุดแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นการลอกเลียนแบบนั้น
นายกุศลศรีอริยะ ศรีอารวงศา หรือ กุศล หมีเทศ อดีต ส.ส.สุโขทัย ที่อ้างตัวเป็นพระศรีอริยเมตไตรย เปิดเผยว่า เรื่องพระธรรมกรนั้น ตนเองนั่งสมาธิ และสัมผัสได้ถึงดวงจิตของพระธรรมการมาบอกว่าเกิดเป็นลูกไก่ป่า อยู่บริเวณใต้กุฏิของท่านเอง
โดยไก่ทั้งหมดมี 12 ตัว และพระธรรมกรไปเกิดเป็นลูกไก่ตัวสุดท้าย ตัวที่ 12 หลังจากนั้น 3 เดือน ดวงจิตของพระธรรมกรก็บอกว่าจะถูกงูกิน หลังจากนั้นจะเกิดเป็นคนใหม่ และเพิ่งจะออกไข่มาได้ 3-4 วันที่ผ่านมานี้เอง สามารถพิสูจน์ได้
ทีมข่าวสำรวจไก่ในสำนักสงฆ์ พบว่ามีไก่อู เพศผู้ อายุ 5 ปี ขื่อ "ตอโต้ง" นอนหลบอยู่ใต้ต้นไม้ ไม่มีไก่ตัวเมีย หรือไก่ลูกเจี๊ยบถูกเลี้ยงในสำนักสงฆ์แต่อย่างใด สำรวจใต้ฐานศาลาปฏิบัติธรรมฝั่งซ้าย นายกุศลศรีอริยะบอกว่าใต้กุฏิหรือใต้ศาลามีไก่วางไข่ และมีลูกเจี๊ยบอยู่ 12 ตัว
พบว่าบริเวณใต้ศาลาปฏิบัติธรรมไม่มีลักษณะการสร้างเป็นที่ฟักไข่ของไก่ และไม่มีไก่ตัวเมียอาศัย มีเพียงโขดหินและเนินดิน ทราบว่าเป็นที่อยู่อาศัยของงู มากกว่าที่ไก่จะไปอาศัยอยู่
ส่วนอีกฝั่งหนึ่งของศาลา พบว่าจุดดังกล่าวไม่ได้มีโพรงหรือพื้นที่ยกสูงให้มีพื้นที่ด้านใต้ศาลา เพราะมีการใช้ปูนฉาบปิด จึงไม่มีพื้นที่ที่จะทำให้ไก่ตัวเมียไปวางไข่ได้
แม่ชีของสำนักสงฆ์ภูหินกอง เปิดเผยว่า ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มีเพียงไก่ตัวผู้ ชื่อตอโต้ง มาอาศัยอยู่ประมาณ 4-5 ปี ซึ่งเป็นไก่หลงป่ามา ทางสำนักสงฆ์ก็ได้เลี้ยงเอาไว้ ยอมรับว่าที่สำนักสงฆ์แห่งนี้เคยมีไก่ตัวเมียแต่ก็ไม่ได้เลี้ยงต่อ เนื่องจากมีคนจับไปกินแล้ว ดังนั้นจึงเลี้ยงเอาไว้เพียงแค่ 1 ตัวเท่านั้น และยืนยันว่าที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ไม่มีไก่ตัวเมียที่จะออกไข่ตามที่นายกุศลศรีอริยะอ้างถึง ที่สำคัญไม่มีอะไรฝากบอกถึงคนดังกล่าว เพียงแค่อย่าให้สำนักสงฆ์ต้องมีเรื่องถูกสังคมจับจ้อง
ขณะเดียวกัน แม่ชีชี้แจงกับทีมข่าวอมรินทร์ กรณีการติดป้าย "ห้ามเข้าศาลาหรือพื้นที่โดยไม่ได้รับอนุญาต" ว่าป้ายดังกล่าวมีการติดตั้งเพื่อขอความร่วมมือไม่ให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งในพื้นที่ด้านบนศาลา เพราะก่อนหน้านี้มีสำนักข่าวที่ไม่ใช่อมรินทร์ แอบเข้าไปค้นหนังสือ แล้วทำให้หนังสือหายไป จึงได้มีการติดป้ายขอความร่วมมือ แต่สำหรับลูกศิษย์หรือคนที่เดินทางมาที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ ก็ยังขึ้นไปด้านบนศาลาเพื่อกลับขอพรได้ตามปกติ ไม่ได้มีเจตนาหวงห้ามพื้นที่แต่อย่างใด