เปิดใจแม่ชีมือขวา "ธรรมกร" ปัดร่วมสร้างกิโยตีน ไม่รู้ใช้ตัดหัว ยันสำนักไร้รถหรู (คลิป)

วันที่ 24 เม.ย. 64 มีประกาศคณะสงฆ์จังหวัดหนองบัวลำภู (ธรรมยุต) เรื่องปีดที่พักสงฆ์ภูหินกองตำบลลำภู อำเภอเมืองหนองบัวลำภู จังหวัดหนองบัวลำภู และห้ามพระภิกษุสามเณรเข้าไปปฏิบัติศาสนกิจใด ๆ หรือพำนักอาศัยในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวโดยเด็ดขาด หลังจาก "พระธรรมกร" สร้างเครื่องกิโยตีนบั่นคอตัวเองถวายเป็นพุทธบูชา ตามความเชื่อที่ไม่ใช่หลักศาสนาพุทธนั้น

ทีมข่าวเดินทางไปยังสำนักสงฆ์ภูหินกอง ตลอดทั้งวันมีชาวบ้านและนักท่องเที่ยวเดินทางมากราบสักการะพระธาตุ แม้ว่าจะทุบเทพกุดหัวโดนทุบทำลายไปแล้ว มีประชาชนบางส่วนเดินทางมาเพื่อดูลานพื้นที่เปล่าที่เคยตั้งเทพกุดหัว ส่วนพนักงานสอบสวนเชิญแม่ชีและลูกศิษย์ไปสอบปากคำที่ สภ.เมืองหนองบัวลำภู

หลังจากเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดหนองบัวลำภู ประกาศปีดที่พักสงฆ์ภูหินกอง แม่ชีสุชาวดี หรือ จุ๊บแจง เปิดเผยว่า ตนเองได้รับการส่งต่อเอกสารดังกล่าวจากลูกศิษย์ และพบเห็นในโลกออนไลน์ แต่ยังไม่มีสำนักพุทธฯ ตัวแทนเจ้าคณะสงฆ์จังหวัดหนองบัวลำภู (ธรรมยุต) เดินทางเอาเอกสารดังกล่าวมาให้ที่สำนักสงฆ์รับทราบ ส่วนแนวทางหลังจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นการย้ายออกหรือไปอยู่ที่อื่น ยังไม่มีแนวคิด เพราะเป็นเรื่องของอนาคต ตนเองขออยู่กับปัจจุบันก่อน

ส่วนกรณีที่ปรากฏภาพของแม่ชีสุชาวดีปีนขึ้นไปด้านบนของเครื่องกิโยตีน ช่วยในการจัดสร้างเครื่องประหารนั้น ขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าวตนเองกำลังเก็บกวาดภายในสำนัก พบเห็นพระธรรมกรปีนขึ้นไปข้างบน ตนเองด้วยความเป็นศิษย์กลัวพระเหนื่อย จึงได้ปีนขึ้นไปเพื่อสอบถามว่า "มีอะไรให้ช่วยไหมคะ" แต่ในวันนั้นตนเองถูกขับไล่ว่า "ไม่ต้องมายุ่ง ลงไป" ตนเองก็ปีนลงมา และไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับอุปกรณ์ดังกล่าว ไม่ได้มีการส่งอุปกรณ์ให้กับพระธรรมกร ยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสร้างเครื่องกิโยตีน

สำหรับกรณีที่มีสำนักข่าวบางสำนักที่ไม่ใช่อมรินทร์ เผยแพร่เอกสารคล้ายกับลายมือข้อความขอพระธรรมกร เป็นเอกสารอ้างว่าจดหมายสั่งเสียนั้น เอกสารดังกล่าวไม่ใช่ของจริง ทั้งอักษรลายมือบนกระดาษ และรวมถึงเนื้อหาข้อความในกระดาษ ไม่มีสาระความเป็นจริงที่ตรงกับเอกสารที่ลงมือชื่อด้วยพระธรรมกร ซึ่งไม่รู้ว่าสำนักข่าวดังกล่าวไปเอามาจากไหน ส่วนพินัยกรรมที่อมรินทร์นำเสนอ คือข้อความจริง

ขณะที่ประเด็นเรื่องของรถหรูที่สำนักข่าวบางสำนักนำเสนอว่ามีการเขียนพินัยกรรมมอบรถเบนซ์ให้กับแม่ชีนั้น ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้มีรถเพียงแค่คันเดียว คือคันสีน้ำเงิน และรถคันดังกล่าวเสียตั้งแต่ก่อนที่พระธรรมกรจะก่อเหตุ และไม่ได้ใช้งานจนกระทั่งหลังจากเสร็จงานเผา หลังจากนั้นจึงได้นำรถไปซ่อม เพิ่งใช้ได้ไม่นานมานี้ แต่เรื่องของรถเบนช์และรถหรูที่ถูกอ้างถึง ที่สำนักสงฆ์แห่งนี้ไม่มีรถคันดังกล่าว

นอกจากนี้ ในวันที่เกิดเหตุ แม่ชีและลูกศิษย์ได้นั่งปฏิบัติธรรมอยู่ที่หน้าเจดีย์ ไม่มีใครอยู่ที่ศาลาด้านบน ทุกคนจะได้ยินเสียงของหล่นจึงจะขึ้นมาดูด้านบน และพบว่ามีการก่อเหตุโดยพระธรรมกรแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ในฐานะแม่ชี ลูกศิษย์คนสนิท รวมถึงหมอที่มาด้วย ทุกคนทราบว่าจะมีการละสังขาร แต่ไม่มีใครรู้ว่าจะกระทำการด้วยวิธีใด ทุกคนมีการเกลี่ยกล่อมและขอร้องให้พระธรรมกรไม่จากไปไหน ซึ่งก็ไม่เป็นผล พระธรรมกรบอกว่า "อาตมาทำตามพระโพธิสัตว์ พระศรีอริยเมตไตรย เป็นการสร้างบารมี ซึ่งการตายจะต้องตายในคราบของฆราวาส ต้องไม่มีสมานะเป็นพระ ฉันไม่ต้องการเป็นอรหันต์ที่เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า แต่จะเป็นพระปัจเจก และพระพุทธเจ้าเท่านั้น"

 ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนยังได้มีการตรวจยึดรถของกลาง รถนิสัน สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ผท 5966 อุดรธานี ที่มีการดัดแปลงเป็นท้ายกระบะสำหรับบรรทุกของหนัก เป็นรถของสำนักสงฆ์ใน จ.อุดรธานี ดำเนินการตรวจสอบและใช้เป็นหลักฐานในการขนย้ายอุปกรณ์ประกอบเครื่องกิโยตีน จากสำนักสงฆ์ภูหินกองไปยังสำนักสงฆ์อุดรธานี มีนายหมู อายุ 64 ปี เป็นคนขับบรรทุกอุปกรณ์ไปส่งที่สำนักสงฆ์

นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้ตรวจสอบอุปกรณ์ประกอบทำเครื่องกิโยตีน พบว่ามีการแยกเก็บเป็น 2 ส่วน โครงเหล็ก 4 เส้น ความยาว 6 เมตร ถูกจัดเก็บไว้ภายในกรงล้อมรั้วที่เก็บของกลาง หลัง สภ.เมืองหนองบัวลำภู ส่วนไม้ความยาว 4 เมตร 40 ท่อน ความยาว 1 เมตร 40 ท่อน ได้แยกเก็บเอาไว้ที่ส่วนเก็บของกลางในห้องลูกกรงสีน้ำตาล เจ้าหน้าที่ได้มีการปิดล็อกเอาไว้อย่างเรียบร้อย