จากกรณีวันที่ 22 ก.ค. 61 โลกออนไลน์แชร์คลิปวิดีโอ เจ้าสาวกล่าวขอบคุณแขกร่วมพิธีมงคลสมรส โดยไม่มีเจ้าบ่าวร่วมพิธี หลังจากฝ่ายมะนาว เจ้าสาว อ้างว่าเจ้าบ่าวมีหญิงอื่น แต่ฝ่านนายภาคิน เจ้าบ่าว อ้างว่าเจ้าตัวมีแฟนอยู่แล้วก่อนมารู้จักกับมะนาว โดยเหตุผลที่ไม่ร่วมงานแต่งนั้น เพราะไม่มีเงินค่าสินสอดให้ฝ่ายหญิงนั้น
วันที่ 24 ก.ค. 61
แอม อายุ 35 ปี แฟนของภาคิน ฝ่ายเจ้าบ่าว เปิดเผยว่า หลังจากเหตุการณ์วิวาห์ล่มจนเกิดกระแสสังคมโจมตีภาคินอย่างรุนแรง ตลอดจนโจมตีตนด้วยนั้น ทั้งตนและภาคินต่างก็ให้กำลังใจซึ่งกันและกัน จนสภาพจิตใจของภาคินเริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว ซึ่งก่อนหน้าที่ตนจะมาเจอกับภาคิน ตนเคยมีครอบครัวมาก่อน อยู่กินกับสามีเก่านานถึง 15 ปี มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 12 ปี ขณะนี้อยู่ในการดูแลของพ่อแม่ตน ซึ่งตอนนี้ตนและสามีเก่าได้แยกทางกันแล้ว โดยตนเองอายุห่างจากภาคินถึง 16 ปี
แอม เล่าให้ฟังว่า ตนเองเป็นคนจังหวัดราชบุรี ปัจจุบันทำงานอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานครและสุพรรณบุรี ซึ่งตนจะเดินทางไปๆ มาๆ ระหว่างราชบุรีกับกรุงเทพมหานคร และก็จะเดินทางมาหาภาคินบ่อยครั้ง ตนรู้จักกับภาคินมานานเกือบ 1 ปี ก่อนจะตกลงคบหาดูใจกัน ในระหว่างคบหาดูใจกันนั้น ตนยอมรับว่า ภาคินเป็นผู้ชายเจ้าชู้ โดยมีเรื่องเข้าหูว่าไปกับสาวคนอื่นอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ไม่ติดใจเอาเรื่องอะไร เนื่องจากเข้าใจว่าอยู่ไกลกัน
ตนไม่รู้มาก่อนว่า ภาคินและมะนาวคบหาดูใจกัน ส่วนตัวมะนาวเองก็คงไม่รู้ว่าภาคินและตนคบหาดูใจกันมาก่อน เพราะในระหว่างที่ตนคบกับภาคินนั้น มีบ่อยครั้งที่งอนกัน ทะเลาะกัน และบล็อกเฟซบุ๊กกัน จึงทำให้ไม่เห็นความเคลื่อนไหวของภาคิน หรือการโพสต์รูปของภาคินคู่กับมะนาว
แอม เล่าต่อว่า ก่อนที่ภาคินจะแต่งงานกับมะนาว ได้มาขออนุญาตตนว่า “จะขอไปแต่งงานนะ เพราะทำผู้หญิงท้อง” ซึ่งตอนนั้นตนรู้สึกเสียใจมากและไม่พอใจ จึงตัดสินใจไม่ติดต่อกับภาคินอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกลับมาคืนดีกันเหมือนเดิม ซึ่งตลอดระยะเวลาก่อนถึงวันแต่งงานของภาคิน แอมบอกว่า ตัวเองรู้เรื่องราวทุกอย่างทั้งหมด ทั้งรายละเอียดการเจรจาเรื่องสินสอด รวมทั้งการจัดงานและการถ่ายพรีเว็ดดิ้ง แต่ก็ยอมให้ภาคินไปแต่งงานกับมะนาว
สำหรับข้อความเฟซบุ๊กที่ส่งไปหามะนาว ที่เขียนว่า “ระวัง เป็นหม้ายขันหมาก” นั้น เป็นข้อความที่ส่งจากตนจริง เนื่องจากมีการพูดคุยกับมะนาวทาง แชทเฟซบุ๊กซึ่งตอนนั้นมะนาวคุยด้วยคำพูดที่ไม่ค่อยดี รวมถึงด่าตน จึงได้ส่งข้อความเช่นนั้นไป
แอม บอกกับทีมข่าวด้วยว่า กระแสข่าวที่โจมตีตนกับภาคินในตอนนี้ ทำให้พ่อแม่ครอบครัวของตนรู้สึกไม่สบายใจไปด้วย และส่งผลกระทบต่อความรู้สึกลูกชายที่กำลังจะเตรียมสอบเข้า ม.1 และกระแสข่าวนี้ทำให้ลูกชายของตนไม่สามารถไปโรงเรียนได้ตามปกติ เนื่องจากจะมีคำถามจากเพื่อนๆ จึงให้ลูกอยู่ที่บ้านไปก่อน จนกว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดีขึ้น