จิตตก! สาวจ่อฟ้องญาติพ่อเลี้ยง รู้ตัวติดโควิด-19 แพร่เชื้อ ไอจามใส่หลานทำครอบครัววุ่น (คลิป)

28 เม.ย. 64

กรณีเพจเฟซบุ๊ก "เจ๊ม้อยv plus" แชร์เรื่องราวร้องทุกข์ หลังมีคนในครอบครัวหนึ่งรู้ตัวว่าติดโควิด-19 แต่กลับไม่รับผิดชอบต่อส่วนรวม โดยระบุข้อความว่า "โมโหต่อเนื่อง 3 วันติด ตอนแรกลังเลว่าจะฟ้องร้องคนที่มีเชื้อดีไหม เพราะถือเป็นคนในครอบครัว (ฝั่งพ่อเลี้ยง) แต่แม่เล่าให้ฟังว่าวันนั้นเขาอาสาทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกิน ซึ่งน้องสาวคือผู้ที่ใกล้ชิดมากที่สุด เพราะซ้อนรถมอเตอร์ไซค์ และน้องยังเล่าว่าเขาจามใส่เด็ก ๆ ทั้งหมด 4 คน และจามใส่อาหารที่ทำให้ทุกคนกินด้วย"

673546

นอกจากนี้ ยังระบุว่า "ในใบตรวจเชื้อระบุชัดเจนว่า เขารู้ว่าตัวเองติดเชื้อวันที่ 24 เม.ย.64 แต่เย็นวันนั้นก็ยังไปหาญาติคนอื่น รวมทั้งนอนค้างกับญาติ ๆ และไม่เล่าให้ใครฟัง ปล.ตอนนี้ยังต้องการคำแนะนำและที่ปรึกษาด้านกฎหมายอยู่ค่ะ ต้องการเอาผิดสถานหนักที่สุด"

964093

ล่าสุดวันที่ 28 เม.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้พูดคุยกับ น.ส.กิตติยา เชื้อเมืองพาน อายุ 30 ปี ผู้โพสต์เรื่องราวดังกล่าว เปิดเผยว่า ตนได้รับข่าวจากแม่ที่พักอาศัยอยู่ที่บ้าน จ.นครปฐม เมื่อวันที่ 25 เม.ย.64 ว่าลูกสะใภ้ของพ่อเลี้ยงได้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 คาดว่าทราบผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.64 แต่หลังจากนั้นเขาไม่ได้กักตัว ได้เดินทางมาเที่ยวที่บ้านของพ่อเลี้ยง ที่อาศัยอยู่กัน 3 คน ประกอบด้วย พ่อเลี้ยง แม่ของตน และน้องสาว นอกจากนี้ยังเดินทางไปบ้านของอาที่อยู่ในละแวกเดียวกัน โดยอาศัยอยู่ด้วยกัน 8 คน รวมครอบครัวพ่อเลี้ยงและอา เป็น 11  คนที่ใกล้ชิด

โดยหญิงคนดังกล่าวมาทำอาหารให้ทาน พร้อมกับนอนค้างคืนด้วย และไอจามใส่เด็กที่เป็นลูกหลาน 4 คน กระทั่งวันที่ 25 เม.ย.64 หลานที่เป็นลูกของเขาอายุไม่ถึง 10 ปี มาแจ้งว่าผู้เป็นแม่ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพราะผลตรวจออกแล้ว 

เมื่อทางครอบครัวของพ่อเลี้ยงทราบเรื่อง ก็ได้สอบถามไปยังสะใภ้คนดังกล่าว เขาได้ส่งภาพผลตรวจมาให้ ซึ่งผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ ตนคาดว่าเขาน่าจะทราบผลตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.64 แล้ว เนื่องจากในใบที่เขาส่งมาให้ระบุวันวันที่อย่างชัดเจน

725948

ภายหลังทางครอบครัวและญาติของพ่อเลี้ยง จำนวน 11 คน ได้รีบดำเนินการกักตัว วันที่ 26 เม.ย.64 ได้จองคิวเพื่อไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 และเมื่อวันที่ 27 เม.ย.64 ที่ผ่านมา ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ขณะนี้กำลังรอผล เหตุการณ์ดังกล่าวตนจึงยอมไม่ได้ เพราะถือว่าผู้ป่วยติดเชื้อปล่อยปละละเลย ไม่รับผิดชอบต่อสังคม นิ่งเฉย ตนจึงได้ออกมาโพสต์ผ่านโลกออนไลน์ 

ส่วนสาเหตุที่ตนออกมาโพสต์ ไม่ได้ต้องการให้พวกเขาไม่มีที่ยืนในสังคม แต่ตนไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ตนทำเพื่อทุกคน หากเงียบไปก็อาจจะเป็นอันตราย ขณะเดียวกันญาติทางพ่อเลี้ยงไม่อยากเอาเรื่อง และได้โทรศัพท์มาต่อว่าแม่ของตน ว่าทำไมต้องทำให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ตนมองว่าไม่ใช่เรื่องภายในครอบครัวแล้ว แต่เป็นเรื่องระดับชาติ แม้กระทั่งคนในครอบครัวเขายังปกปิดข้อมูล แล้วคนอื่น ๆ เขาจะไม่ปกปิดหรือไม่

นอกจากนี้ตนยังทราบมาว่า ผู้ป่วยติดเชื้อยังคงไม่ไปรักษา แต่อยู่บ้านกับสามีที่กำลังรอผลตรวจเช่นกัน ซึ่งบ้านของเขาคาดว่าน่าจะพักอาศัยกัน 5 คนที่ย่านบางบอน และแต่ละคนได้กระจายตัวกันไปรักษาแล้ว และขณะนี้ตนและญาติของพ่อเลี้ยงยังไม่ทราบไทม์ไลน์ของผู้ป่วยว่าไปไหนบ้าง และได้ไปรับเชื้อจากที่ไหน และยังไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้ จึงไม่ทราบเขามีอาการอย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้มองว่าผู้ป่วยต้องการแพร่เชื้อ แต่เพียงว่าเขาปล่อยปะละเลย ตนอยากให้คนที่กำลังเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ออกมาเปิดเผยและยอมรับว่าตัวเองว่าป็นผู้ป่วยติดเชื้อ เพื่อจะได้หาทางรักษา ตนเข้าใจว่าอาจจะมีปัญหา ไม่มีเตียงรักษาไม่พอ แต่เราควรออกมาช่วยกันแก้ไข

329665

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี วิดีโอคอลพูดคุยกับนางนวล (นามสมมติ) แม่ของผู้โพสต์ เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 เม.ย.64 ช่วงบ่ายทางลูกชายของสามี พร้อมด้วยลูกสะใภ้และหลาน 2 คน มาเที่ยวที่บ้าน จ.นครปฐม ซึ่งขณะนั้นลูกสะใภ้ (เป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19) ทำตัวปกติ ต่อมาครอบครัวของลูกชายสามีได้เดินทางไปที่บ้านของอาที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกัน ช่วงเย็นลูกสะใภ้ได้ทำกับข้าว จากนั้นนำมาให้ตนที่บ้าน นั่งทานข้าวประกอบกับดื่มเบียร์กัน และกลางคืนลูกสะใภ้ได้ให้ลูกของเขา 2 คนนอนที่บ้านของตน ส่วนเขาและลูกชายของสามีไปนอนบ้านอา

โดยตลอดทั้งวันลูกสะใภ้ก็ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัย ทางครอบครัวของตนก็ไม่มีใครได้สวมใส่หน้ากากอนามัยเช่นดัน เนื่องจากเห็นว่าอยู่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน และก็ไม่ได้เอะใจว่าลูกสะใภ้ของสามีจะติดเชื้อโควิด-19 ต่อมาเช้าวันที่ 25 เม.ย.64 ได้หยุดงานกัน ตนจึงได้ออกไปขนกระเบื้อง พอกลับมาถึงบ้านลูกสาววัย 10 ขวบ แจ้งว่าพี่ชายและพี่สะใภ้กลับบ้านย่านบางบอนไปแล้ว เนื่องจากมีโทรศัพท์เข้ามาแจ้งว่าพี่สะใภ้ติดเชื้อโควิด-19

จากนั้นครอบครัวของตนได้โทรศัพท์ติดต่อไปสอบถามทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ของสามี แต่ไม่มีใครรับสาย กระทั่งติดต่อไปทางญาติที่อยู่ในซอยเดียวกัน ซึ่งทางญาติบอกว่าลูกสะใภ้ของสามีติดโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 24 เม.ย.64 นอกจากนี้ทางเด็ก ๆ จำนวน 4 คนได้เล่าว่าขณะที่ลูกสะใภ้ได้ประกอบอาหาร ได้มีการไอจามใส่พวกเด็ก ๆ ทั้ง 4 คน และไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยด้วย

123570

ขณะเดียวกันตนทราบมาว่า ลูกสะใภ้ของสามีได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด-19 มาแล้ว 1 รอบแต่ไม่พบ ส่วนรอบ 2 ตนไม่ทราบ ซึ่งเขาไม่ได้มาบอกแต่อย่างใด ขณะนี้ตนมองว่าลูกสะใภ้ปกปิดข้อมูล แต่ไม่ได้จงใจที่จะมาแพร่เชื้อ แต่ถึงอย่างไรตนก็มองว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่เหมาะสม หากไปตรวจเชื้อก็ควรจะกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ไม่ควรออกมาจากนอกบ้าน คาดว่าน่าจะรับเชื้อมาจากห้างฯ เนื่องจากลูกสะใภ้ทำงานห้างฯ

อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ (28 เม.ย.64) ลูกสะใภ้ของสามีได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแล้ว ส่วนลูกชายและหลานอีก 2 คนของสามียังคงกักตัวอยู่ที่บ้านย่านบางบอน ตนยอมรับว่าเป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว เพราะจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนไปด้วย นอกจากนี้ครอบครัวของตน และครอบครัวของอา รวม 11 คน เมื่อวานที่ผ่านมา (27 เม.ย.64)ได้เดินทางไปตรวจหาเชื้อเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ผลยังไม่ออก สำหรับวันนี้ตนจิตตก ซึ่งมีอาการน้ำมูกไหลออกมา และสภาพจิตใจยอมรับว่าเครียด ไม่สามารถออกไปทำมาหากินได้ ขณะนี้อยู่กันแบบไม่มีเงิน

ทั้งนี้ ตนมีความกังวลว่าหนึ่งใน 11 คน จะมีผู้ที่ได้รับเชื้อไปด้วย ตนกลัวว่าลูก ๆ หลาน ๆ จะได้รับเชื้อ ทั้งนี้ตนก็อยากให้เคสของตนนั้นเป็นอุทาหรณ์ คนที่ติดเชื้อก็ควรอยู่บ้านกัดตัว ไม่อยากให้เดินทางไปไหนมาไหน ควรรับผิดชอบต่อสังคม

advertisement

ข่าวยอดนิยม