ภายหลังจากพลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มอบหมายให้ พลตำรวจโท ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ติดตามคดีนายธนิต ทัฬหสุนทร ถูกคนร้ายใช้มีดแทงจนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 59 พื้นที่สน.ดินแดง จนศาลนัดฟังคำพิพากษายกฟ้อง และเป็นเหตุให้นายศุภชัย ทัฬหสุนทร เกิดความเครียด ตัดสินใจกระโดดลงมาจากชั้น 8 ของอาคารศาลอาญารัชดาเสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา
วันที่ 26 ก.ค. 61
พ.ต.อ.ต่อเกียรติ พรหมบุตร ผกก. สน.ดินแดง ให้ข้อมูลเพียงว่า ขณะนี้เรื่องดังกล่าวได้ถูกส่งไปยังกองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้ว จึงไม่สามารถให้ข้อมูลหรือรายละเอียดได้ ส่วนกรณีที่มีการเรียกให้หัวหน้างานสอบสวน สน.ดินแดง เข้าไปพบนั้น ทางพนักงานสอบสวนก็ได้ไปเข้าพบกับผู้บัญชาการตำรวจนครบาลเรียบร้อยแล้ว
ด้าน
พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า นางเรวดี ทัฬหสุนทร แม่ของนายธนิต ทัฬหสุนทร หรือน้องเต้ผู้ตาย ได้นำไฟล์เอกสารที่บิดาของน้องเต้รวบรวมไว้ มามอบให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้ทำการตรวจสอบ เพราะต้องถ่ายโอนไฟล์ซึ่งใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งตำรวจต้องการนำไฟล์ตรงนี้มาตรวจสอบว่าผู้ตายทำอะไรบ้าง หรือเขียนอะไรไว้บ้าง ส่วนคำพิพากษาของศาลอย่างละเอียดนั้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้รับ
พล.ต.ท.ชาญเทพ ยังบอกอีกว่า สำหรับพยานที่เคยให้การไว้แต่ในชั้นศาลกลับเป็นผู้วิกลจริตนั้น จะต้องมีการเริ่มสอบสวนใหม่ตั้งแต่เริ่มต้น ส่วนความบกพร่องในการฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะต้องมาตรวจสอบกันอีกครั้งซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชา ซึ่งยังไม่ได้มีการพิสูจน์ว่าเหตุใดจึงมีประจักษ์พยานเพียงรายเดียว แต่ส่วนสำคัญคือต้องทำการตรวจสอบทั้งพยานหลักฐาน เอกสาร ให้กับพนักงานอัยการ เพื่อยื่นต่อศาลในการอุทธรณ์ ทั้งนี้ ยังอยู่ในระหว่างการตรวจสอบทั้งคดีที่เกิดขึ้นในท้องที่ สน.ห้วยขวาง ซึ่งเป็นเหตุยิงกันเสียชีวิตที่หน้าวัดกุนนทีรุทธาราม
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจนั้น มีการกำชับและเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวนอยู่แล้วในการรวมรวมพยานหลักฐาน และหากพนักงานสอบสวนทำสำนวนไม่รัดกุมพอ อัยการก็จะต้องสั่งให้ตรวจสอบพยานหลักฐานให้เพียงพอก่อนที่จะสั่งฟ้อง
สำหรับความรู้สึกของนางเรวดี ขณะนี้สภาพจิตใจค่อนข้างมีความเครียด ตนไม่อยากให้มีการไปกดดันมากนัก และหากฝ่ายคู่กรณีของผู้ตายต้องการแถลงข่าว ก็เป็นสิทธิ์ของเขา แต่ใครทำอะไรไว้ก็ต้องรับผิดชอบ และหากเขาไม่ใช่ผู้กระทำผิด จะต้องมีการหาพยานหลักฐานใหม่ และรื้อคดีอย่างถึงที่สุดคือในชั้นศาลอุทธรณ์หรือฎีกา ซึ่งจะต้องนำสิ่งที่ศาลพิจารณาสั่งการหรือพิพากษานำเข้ามาพิจารณาด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังจากการประชุมในวันนี้ จะเป็นหน้าที่ของพล.ต.ต.สมพงษ์ ชิงดวง รองผู้บัญชาการ ตำรวจนครบาลเป็นผู้ติดตาม ซึ่งคาดว่าจะมีความคืบหน้าภายใน 15 วันนับจากนี้ ส่วนตัวมองว่าคดีนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องของสถาบัน บุคคลกระทำผิดก็ต้องยอมรับผิด ส่วนเรื่องเสื้อผู้ตายที่ต้องนำมาตรวจสอบดีเอ็นเอ ยังให้คำตอบไม่ได้ เพราะต้องทำการตรวจสอบก่อน