กรณีผู้ใช้เฟชบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์เรื่องราวว่า "เหตุเกิดที่บ้านท้องฟ้า อำเภอบ้านตาก ผู้ตายกำลังท้องได้ 7 เดือน ถูกยิงด้วยอาวุธปืน 9 มม. ผู้ตายโดนไป 8 เม็ด แม่ยายโดนไป 4 เม็ด ในรถมีอีก 30 กว่านัด..."นั้น
วันที่ 10 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังที่เกิดเหตุ บ้านท้องฟ้า อ.บ้านตาก จ.ตาก ลักษณะที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ มีรั้วรอบขอบชิด จุดเกิดเหตุจุดแรกเป็นบริเวณประตูรั้วหน้าบ้านที่สิบเอกณัฐพล หรือ เอส ก่อเหตุยิงนางมาลี ศรีประเทือง อายุ 63 ปี แม่ยาย และนางสาววศินี ศรีประเทือง หรือ กวาง อายุ 29 ปี ภรรยาเสียชีวิต
ส่วนจุดเกิดเหตุจุดที่ 2 คือบริเวณชั้น 2 ของบ้าน เป็นจุดที่นางสาวกวางถูกผู้ก่อเหตุใช้ปืนขนาด 9 มม. ยิงเสียชีวิต มีคราบเลือดของผู้บาดเจ็บติดอยู่ที่พื้นปูนชั้น 1 ของบ้าน และมีร่องรอยคราบเลือดของผู้เสียชีวิต ติดอยู่ที่บริเวณพื้นไม้ชั้น 2 ของบ้าน
นางสาวพรชนก ศรีประเทือง อายุ 26 ปี น้องสาวผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 64 เวลาประมาณ 21.00 น. นายสิบเอกณัฐพล หรือ เอส ได้ขับรถฮอนด้าซิตี้ สีดำ มาจอดที่ประตูรั้วหน้าบ้านตน บริเวณบ้านมีกำแพงปูนกั้น จากนั้นแม่ตนจึงเดินออกมาหาสิบเอกเอส แต่ไม่ได้เปิดประตูให้สิบเอกเอสเข้าไปในบ้าน
สิบเอกเอสบอกกับแม่ตนว่าขอเข้าบ้านไปคุยกับนางสาวกวาง พี่สาวของตน ซึ่งเป็นแฟนกับเอส และมีลูกสาวในครรภ์ 7 เดือน โดยสิบเอกเอสพูดกับแม่ตนว่า "ขอเข้าไปหากวางหน่อย กวางมีคนอื่น กวางไปกับผู้ชายคนอื่น" แม่ตนจึงบอกสิบเอกเอสว่าไม่ให้เข้าบ้าน เพราะเอสมาจากพื้นที่เสี่ยงโควิด-19 และแม่ของตนได้นำโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาผู้ใหญ่บ้าน แต่นายเอสได้แย่งโทรศัพท์แม่มาเขวี้ยงทิ้ง
จากนั้น แม่ของตนได้พูดว่า "ทีตอนอยากให้มาก็ไม่มา ทีตอนไม่อยากให้มาก็มา" แม่ตนหมายถึงเมื่อ 4 เดือนที่แล้ว พี่สาวได้จัดงานแต่งงานกับสิบเอกเอส แต่เขาไม่มางานแต่ง ให้แต่พ่อแม่มา เพราะเขาอ้างว่าลูกในท้องพี่สาวของตนไม่ใช่ลูกของเขา หลังจากแม่ตนพูดเสร็จ สิบเอกเอสได้ใช้อาวุธปืนยิงแม่ตนประมาณ 4 นัด กระสุนเข้าที่มือทั้ง 2 ข้าง หน้าท้องถึงลำไส้ใหญ่ และเท้าขวา จากนั้นคนก่อเหตุได้ปืนกำแพงเข้าไปในบ้านของตน จนแม่ตนได้วิ่งตะเกียกตะกายเข้าไปในตัวบ้าน เพื่อจะไปขวางประตูบ้านชั้น 1 เอาไว้ แต่แม่ก็ไม่มีแรงพอที่จะขวางคนร้ายเอาไว้ได้
จากนั้น คนก่อเหตุได้วิ่งขึ้นไปชั้น 2 ของบ้าน พี่สาวของตนอยู่กับลูกสาวของตนวัย 5 ขวบ ยลูกสาวตนได้วิ่งไปหลบในตู้เสื้อผ้า ส่วนคนก่อเหตุได้พูดกับพี่สาวว่า "มึงมันมีคนอื่น" จากนั้นพี่สาวตนจึงตอบกลับว่าไม่ได้มีใคร อยู่แต่บ้าน จะมีเวลาไปตอนไหน แต่คนก่อเหตุก็ไม่ฟัง และได้ใช้ปืนจ่อยิงพี่สาวตน 8 นัด พี่สาวได้เอามือกุมท้องเอาไว้ ทำให้กระสุนเข้าที่มือทั้ง 2 ข้าง แขนทั้ง 2 ข้าง และบริเวณหน้าอก จากนั้นคนก่อเหตุได้วิ่งออกจากบ้านตน แล้วขับรถหลบหนีไป ซึ่งคนก่อเหตุไม่รู้พื้นที่ทำให้ขับรถไปถึงจุดคัดกรองโควิด ไม่สามารถไปต่อได้ และเจ้าหน้าที่ได้คุมตัวไว้ได้ ส่วนพี่สาวตนมาเสียชีวิตก่อนถึงโรงพยาบาลบ้านตาก พร้อมกับลูกที่อยู่ในครรภ์
ปมที่ก่อเหตุตนคาดว่าคนร้ายน่าจะหึงหวง คิดว่าพี่สาวมีผู้ชายคนอื่น พร้อมกล่าวหาว่าพี่สาวตนนำเงินที่ครอบครัวฝ่ายชายให้มาเป็นค่ารักษาพยาบาลในการฝากครรภ์จำนวน 20,000 บาท ไปใช้ในเรื่องอื่น ตนยืนยันว่าพี่สาวตนไม่ได้มีคนใหม่ ตั้งแต่พี่สาวตั้งครรภ์ เขาก็ลาออกจากงานประจำ มาทำขนมขายอยู่ที่บ้าน ไม่ได้ออกไปไหน
สำหรับพี่สาวตน คบกับสิบเอกเอสได้ประมาณ 1 ปี ก่อนหน้านี้ได้ไปอาศัยอยู่ในค่ายทหาร กับผู้ก่อเหตุ และเมื่อตั้งครรภ์พี่สาวได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านใน จ.ตาก เพื่อเข้าพิธีแต่งงาน และอยู่บ้านได้ประมาณ 4 เดือน ตั้งแต่พี่สาวย้ายมาอยู่ที่บ้านคนก่อเหตุก็ไม่ได้มาที่บ้านตนเลยสักครั้ง ผู้ก่อเหตุได้รับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาก่อเหตุเพราะแค้นพี่สาวตนมีคนอื่น หลังเกิดเหตุครอบครัวคนก่อเหตุได้มาร่วมงานศพพี่สาวตน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. แต่เขาก็ยังไม่ได้เข้ามาขอโทษครอบครัว
สำหรับตอนนี้อาการแม่ตนยังสาหัส ตนก็ไม่รู้ว่าแม่จะมีชีวิตรอดหรือไม่ เพราะกระสุนปืนที่คนก่อเหตุยิงนั้นไม่โดนลำไส้ใหญ่ และท่อปัสสาวะ จนแพทย์ต้องทำการผ่าตัดแม่ตนจนถึง 3 ครั้ง ตอนนี้ตนไม่ต้องการคำขอโทษจากผู้ก่อเหตุและครอบครัว แต่ตนยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ในวันเสาร์ 15 พ.ค. นจะเจรจากับครอบครัวคนก่อเหตุอีกครั้ง ตอนลอยอังคารพี่สาวตน ได้บอกพี่สาวว่าไม่ต้องห่วง ตนจะดำเนินคดีกับคนร้ายให้ถึงที่สุด
ทีมข่าวได้ตรวจสอบเฟซบุ๊กของผู้ก่อเหตุ พบว่าวันก่อเหตุ 3 พ.ค. ผู้ก่อเหตุได้โพสต์ว่า "อย่างน้อยขอโทษแม่ผม ขอโทษพี่สาวผม สักหน่อยก็ยังดีนะ" และ "ไหนๆมาถึงที่นี่แล้ว ขอติดไม้ติดมือไปสักคนนะ ไม่ได้ไม่กลับ" และมีการแท็กถึงเฟซบุ๊กแฟนเก่าว่า "ที่ผ่านมาพี่ขอโทษนะ"
นางดวล วันทะคำ อายุ 68 ปี ป้าผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณ 20.50 น. วันที่ 3 พ.ค. นางสาวกวางได้โทรศัพท์ไปหาตน และบอกว่า "ป้ามาหาหนูหน่อย เอสมาหาหนูที่บ้าน ตอนนี้กำลังคุยกับแม่หนูหน้าบ้าน" จากนั้นตนได้บอกหลานสาวว่า มันไม่เอาปืนมาหรอกวาง และนางสาวกวางก็ได้บอกตนว่าไม่รู้ จากนั้นก็มีเสียงปืนดังขึ้นติดต่อกันหลายนัด และมีเสียงผู้หญิงร้องกรี๊ด จากนั้นตนจึงขับรถมอเตอร์ไซค์ไปที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน เพื่อไปแจ้งเรื่องดังกล่าว กระทั่งมาถึงที่บ้านของนางสาวกวาง ก็พบว่านางสาวกวางและน้องสาวตนได้ถูกสิบเอกเอสยิงแล้ว กระทั่งนางสาวกวางไปเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล
นางดวล เล่าต่อว่า สำหรับบาดแผลตามหน้าอก และมือของนางสาวกวาง ตนคาดว่าตอนเกิดเหตุ นางสาวกวางคงเอามือมากันลูกในครรภ์เอาไว้ คิดว่ากวางคงกลัวลูกในครรภ์จะเสียชีวิต ก่อนหน้านี้สิบเอกเอสไม่เคยมาก่อเหตุที่บ้านนางสาวกวาง ครั้งที่เกิดเหตุเป็นครั้งแรก ส่วนปมที่สิบเอกเอาก่อเหตุ คาดว่าน่าจะมาจากเรื่องหึงหวง เพราะกวางเคยบอกกับตนว่าเอสเขาต้องการมาเจรจาเรื่องที่ว่ากวางไปกับผู้ชายคนอื่น
สำหรับศพของนางสาวกวาง ไม่สามารถที่จะทำพิธีเผาศพที่หมู่บ้านของตนได้ เนื่องจากเป็นศพที่ตายทั้งกลม ถ้าหากเผาในหมู่บ้าน จะทำให้วิญญาณเฮี้ยน ทำให้หมู่บ้านเกิดความวุ่นวาย หลังเกิดเหตุก็ไม่มีชาวบ้านได้ยินเสียงวิญญาณของคนตาย รวมถึงไม่มีเสียงหมาเห่าอีกด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนรู้สึกเสียใจมาก ทำไมเอสเขาถึงก่อเหตุขนาดนี้ ถ้ากวางทำผิด ทำไมเขาถึงไม่มาบอกญาติผู้ใหญ่ว่ากวางเป็นคนไม่ดี ญาติจะได้รับฟัง ส่วนลูกที่อยู่ในครรภ์ผู้ตาย คนก่อเหตุเขาเคยมาบอกกับครอบครัวตนว่าไม่ใช่ลูกของเขา ซึ่งตนเคยบอกให้ตรวจไปตรวจดีเอ็นเอมายืนยันให้ฝ่ายชายดูอีกด้วย
นอกจากนี้ ศพของนางสาวกวางให้เจ้าหน้าที่ทำการผ่าศพแม่และลูกออกจากกัน ก่อนนำใส่โลงศพเดียวกัน และเผาพร้อมกัน เมื่อวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ที่วัดเขาแก้ว อ.เมือง จ.ตาก ซึ่งไม่เผาในหมู่บ้านคนตาย เนื่องจากชาวบ้านกลัวเรื่องอาถรรพ์ หลังจากเผาศพ ครอบครัวได้เก็บอัฐิทั้ง 2 แล้วไปลอยอังคารมนแม่น้ำปิง อ.เมือง จ.ตากแล้ว
นอกจากนี้ มีแชตที่คนตายทักไปหาเพื่อนช่วงก่อเกิดเหตุ โดยมีการแคบโพสต์ของผู้ก่อเหตุไปให้เพื่อนดู และบอกว่า "ตลกดี ไปง้อกันละมั้ง พี่เอสตามหาเรื่องด่ากู หาว่ากูไปแอบคบคนนั้นคนนี้ กูไม่รู้เขาต้องการอะไร" คนตายได้บอกกับเพื่อนว่า "เหมือนทำอยากให้กูผิด เพื่อตัวเองจะได้ไม่ต้องถูกใครว่าว่าไม่รับผิดชอบลูกงี้", "ด่ากูไม่ได้ไปหาหมอ ไม่ได้ไปฝากครรภ์ เอาเงินไปเที่ยวกับไอ้นั่น ไปสำราญ", "กูอยากถามกลับว่าเอาหลักฐานมา ดูถูกผู้หญิงมากๆเลย"
ทั้งนี้ ผู้ตายได้บอกกับเพื่อนว่า "จะให้กูต้องไปขอโทษพี่สาวเค้า ขอโทษแม่เค้า กูต้องขอโทษอะไร", "เค้าแชตมาด่าว่ากูเอาเงินที่พี่เค้าให้ ไม่ได้ไปหาหมอ เอาไปเที่ยวกับไอ้คนนั้น ไปสำราญ ว่ากูไปนอนกับไอ้นั่น มีคลิปอะไรของเค้าก็ไม่รู้" คนตายได้บอกกับเพื่อนว่า "มาที่บ้านกูนี่แล้ว"
สำหรับคนก่อเหตุ เป็นทหารยศสิบเอกที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จ.พิษณุโลก ทีมข่าวได้โทรศัพท์ไปยังเบอร์โทร ที่แม่ผู้ก่อเหตุโทรติดต่อมายังน้องสาวคนตายเป็นประจำ พบว่ามีผู้หญิงรับสายทีมข่าว และบอกว่าตนเองไม่ใช่แม่ของผู้ก่อเหตุ เป็นแต่เพียงเพื่อนบ้านที่มารับสายแทนเท่านั้น และบอกว่าครอบครัวคนก่อเหตุไม่มีใครอยู่บ้าน พร้อมกับงดตอบคำถามเกี่ยวกับผู้ก่อเหตุ
โดยคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาสิบเอกณัฐพลในข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, พยายามฆ่า, พกพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ และข้อหาบุกรุกเคหะสถาน และได้นำตัวส่งฝากขังที่ศาลมณฑลทหารบก 310 จ.ตาก เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 64
ทีมข่าวสังเกตที่บ้านของผู้เสียชีวิต มีสายสิญจน์ล้อมทั้งบ้านเอาไว้ นายเวียน จันมา อายุ 63 ปี มัคนายก กล่าวว่า ที่มีสายสิญจน์ล้อมบ้านผู้ตายนั้นเนื่องจากหลังเผาศพผู้ตายในวันที่ 6 พ.ค. ที่ผ่านมา ทางครอบครัวได้นิมนต์พระสงค์ 5 รูป พร้อมกับตนให้มาทำพิธีถอดถอนวิญญาณออกจากบ้านคนตาย โดยตอนทำพิธีจะมีพระสงฆ์ 5 รูป นำสวดมนต์
จากนั้นได้นำกระทงใส่ของเซ่นไหว้ไปวางไว้ 4 ทิศรอบบ้าน และนำสายสิญจน์มาพันล้อมบ้านเอาไว้ เพื่อถอดถอนวิญญาณคนตายให้ออกจากบ้าน และไปสู่สุคติ วิญญาณจะได้ไม่เฮี้ยน เพราะถือว่าศพดังกล่าวตายทั้งกลม และวิญญาณจะรุนแรงกว่าศพอื่น ซึ่งประเพณีถอดถอนวิญญาณดังกล่าว เป็นประเพณีที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ
ด้านนางมาลี ศรีประเทือง ผู้บาดเจ็บ แม่ของผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการบาเจ็บและรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ได้รับการผ่าตัดไปแล้วนั้น เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 21.00 น. สิบเอกเอส ได้มาจอดรถยนต์หน้าบ้าน และพยายามจะขอเข้าบ้านแต่ตนไม่ให้เข้าบ้าน เนื่องจากมีการแพร่ระบาดโควิด-19 แต่เอสก็ไม่ฟังตน ได้ยิงตนจนล้ม ก่อนจะปีนเข้าบ้าน และตนได้พยายามวิ่งนำหน้าผู้ก่อเหตุไปปิดประตูบ้านเอาไว้ แต่ไม่สามารถกันคนก่อเหตุไว้ได้ จากนั้นสิบเอกเอสได้ไปก่อเหตุยิงลูกสาวตนจนเสียชีวิต ก่อนจะก่อเหตุยิงลูกสาว ตนได้ยินคนก่อเหตุพูดกับลูกสาวว่ามีคนอื่น ก่อนที่ลูกสาวตนจะบอกว่าหนูไม่มี หนูอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ไปไหน พี่ฟังหนูก่อน จากนั้นคนก่อเหตุก็ได้กระหน่ำยิงลูกสาวตน
หลังคนร้ายหลบหนีไปนอกบ้าน ตนได้เดินขึ้นไปหาลูกสาว และให้หลานสาววัย 5 ขวบ ไปหายาดมให้ลูกสาวดม สำหรับตอนนี้อาการของตนยังเจ็บบาดแผลที่ถูกยิง และตนไม่มีอะไรจะพูดกับสิบเอกเอส ส่วนสิบเอกเอสเขาจะให้การณ์กับตำรวจอย่างไร ก็เป็นเรื่อของเขา ตนคิดว่าเขาคงพูดเข้าข้างตนเองว่าเขาก่อเหตุเพราะลูกสาวตนมีคนอื่น