จากกรณีพริตตี้หลายรายที่รับงานเอ็นเตอร์เทนลูกค้านอกสถานที่ ถูกนายเด่นภูมิ วัฒนโชติภิญโญ หรือ โจอี้ อายุ 39 ปี จ้างให้ไปรับงาน ก่อนบังคับให้เสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกายและข่มขืนกระทำชำเรา โดยมีผู้เสียหายกว่า 36 คนที่เข้าแจ้งความแล้ว
ล่าสุด วันที่ 11 พ.ค. 64 ช่วงบ่ายที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปรามกองกำกับการ 1 และกองกำกับการ 3 กองปราบปรามฯ เข้าจับกุมต้วนายเด่นภูมิ ได้ที่คอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง ในซอยเพิ่มสิน 20 ย่านสายไหม
จากนั้นในเวลา 15.00 น. เจ้าหน้าที่ได้คุมตัวนายเด่นภูมิมาถึงที่กองปราบปรามฯ ระหว่างนั้นทีมข่าวได้พยายามสอบถามข้อเท็จจริงจากนายเด่นภูมิ เจ้าตัวกล่าวสั้น ๆ ว่า "ผมไปให้การที่ศาล และผมปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา" ก่อนที่จะถูกคุมตัวขึ้นไปสอบสวนเพิ่มเติม
ต่อมาเมื่อนำตัวมาถึงกองปราบฯ นายเด่นภูมิได้ใส่ชุด PPE เพราะยังไม่ได้ผ่านการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จึงถือเป็นกลุ่มเสี่ยง โดยนำแผ่นพลาสติกใสกั้นไว้กลางโต๊ะระหว่างสอบสวนเพิ่มเติม พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เป็นผู้สอบปากคำด้วยตนเอง 15 นาที
พล.ต.ต.จิรภพ ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ระบุว่าเบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถเอาผิดนายเด่นภูมิได้ จากการสอบสวนนายเด่นภูมิให้การว่าติดคุกมาแล้วหลายครั้ง ในข้อหาชิงทรัพย์ ครอบครองเสพสารเสพติด และพกพาอาวุธปืน ล่าสุดเพิ่งพ้นโทษจากเรือนจำเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 64
จากการสืบสวนพบว่านายเด่นภูมิมีพฤติกรรมในการแอบอ้างเป็นโมเดลลิ่ง ก่อนจะชักชวนหญิงสาวผู้เสียหายให้มาทำงานด้วยและล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้มีผู้เสียหายหลายคนทยอยเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษกว่า 30 ราย ส่วนใหญ่ก่อเหตุในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ล่าสุดตำรวจขอออกหมายจับนายเด่นภูมิแล้ว 3 หมายจับ
สำหรับประวัติของนายเด่นภูมิ เคยต้องโทษมาแล้ว 4 ครั้ง ความผิดเกี่ยวกับอาวุธปืนและเสพยาเสพติด ตำรวจพบว่านายเด่นภูมิเคยก่อคดีกับหญิงสาวผู้เสียหายกว่า 30 คน นอกจากนี้ นายเด่นภูมิยังให้ข้อมูลกับตำรวจอีกว่าในวัยเด็กเป็นเด็กกำพร้าจึงอาจจะมีปมในชีวิต ประกอบกับเคยเสพยาเสพติดจึงอาจเป็นแรงจูงใจให้หลงกระทำความผิด สำหรับนายเด่นภูมิก่อเหตุล่อลวงหญิงสาวมารับงานให้ค่าตอบแทนสูงเพื่อล่อใจ ก่อนบังคับเสพยาเสพติด และกระทำชำเรา รวมทั้งลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 36 คน หลังจากนี้จะส่งตัวนายเด่นภูมิให้พนักงานสอบสวนตำรวจนครบาลบางขุนเทียนรับตัวไปดำเนินคดีทันที
นางสาวนุช (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 1 พ.ค. 64 ตนเจอนายเด่นภูมิในกลุ่มไลน์เอ็มซีพริตตี้ จากนั้นทางนายเด่นภูมิได้ส่งข้อความส่วนตัวมาหาตนชักชวนให้มาทำงานเอ็นเตอร์เทนลูกค้า 5-6 ชม. จะมีเพื่อนสาวคนอื่นอยู่ด้วยประมาณ 3-4 ด้วย โดยมีการตั้งจำนวนเงินไว้ให้ตน 3,000 บาท และจะนัดให้ตนมาเจอกันที่คอนโดแห่งหนึ่ง เวลา 21.00 น.
จากนั้น ตนจึงได้เดินทางไปยังจุดที่นายเด่นภูมินัดหมายไว้ เมื่อไปถึงพบว่าภายในห้องไม่พบเพื่อนสาวคนอื่น ๆ มีเพียงนายเด่นภูมิที่อยู่ในห้องคนเดียว ตนได้สอบถามหลายครั้งว่าทำไมถึงมีแค่ตนเพียงคนเดียว ทางนายเด่นภูมิให้เหตุผลว่า "น้องอีกคนกลับไปแล้ว แต่จะมีการจ้างมาอีกคน"
ขณะนั้นตนอยู่กับนายเด่นภูมิจนถึงเที่ยงคืน แต่ก็ไม่มีใครมา ตนจึงเห็นท่าไม่ดีพยายามขอยกเลิก แต่ทางนายเด่นภูมิได้เริ่มบังคับให้ตนเสพยาเสพติด ตนพยายามจัดขืนหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล กลัวถูกทำร้ายจึงต้องยอมเสพยาเสพติดตามที่ทางนายเด่นภูมิบังคับ ไม่นานนายเด่นภูมิก็ได้ข่มขืนตนทันที
เวลาผ่านไป 1 ชั่วโมง ทางนายเด่นภูมิเริ่มหมดสติ หลับไปแบบไม่รู้ตัว ซึ่งร่างกายอาจจะอ่อนเพลียจากการเสพยาเสพติด ตนจึงพยายามหากุญแจคีย์การ์ดห้อง เพื่อที่จะออกจากห้องคอนโดดังกล่าว และได้เอาชีวิตรอดออกมาได้ ส่วนเรื่องผลการตรวจร่างกายนั้น แพทย์วินิจฉัยว่าปกติปลอดภัยทุกอย่าง และได้มีการฉีดวัคซีนไวรัสตับเสบบีเพื่อป้องกันการติดเชื้อแล้ว
ขณะนี้ ตนได้กลับมาทำงานตามปกติแล้ว แต่มีการระวังตัวมากขึ้น และอยากจะฝากถึงเพื่อนคนอื่น ๆ ที่ทำงานในลักษณะนี้ว่า ก่อนจะรับงานใดก็จะตรวจสอบอย่างรอบคอบ ส่วนตนจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้กับใครอีก
ขณะที่นิติบุคคลอาคารที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับกุมนายเด่นภูมินั้น ระบุว่าเห็นนายเด่นภูมิเข้ามากับผู้ที่มาเช่าพักอาศัยก่อนที่จะถูกตำรวจจับกุมได้นั้น
ล่าสุด ทีมข่าวลงพื้นที่คอนโดมิเนียมที่นายเด่นภูมิถูกจับกุม ชั้น 2 ของตึก ก่อนหน้านี้มีชายคนหนึ่งคือ นายนิค อายุประมาณ 35-40 ปี อาศัยอยู่เพียงคนเดียว เป็นเจ้าของห้อง ภายในห้องจากที่นักข่าวเห็นก็จะมีข้อความเขียนอยู่บนฝาผนังเยอะมากด้วยดินสอสีหลากหลายสี ซึ่งเจ้าของห้องบอกว่าข้อความส่วนใหญ่ตนเป็นคนเขียนและเป็นข้อความไร้สาระเกี่ยวกับครอบครัว
นายนิค บอกว่า ตนเป็นเพื่อนของนายเด่นภูมิมาประมาณ 5-6 ปีแล้ว เคยเจอกันครั้งแรกคือช่วงฝึกทหาร และหลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก กระทั่งเมื่อคืนที่ผ่านมาในขณะที่ตนกำลังหลับ นายเด่นภูมิก็ขึ้นมาเคาะห้อง ตนเปิดประตูออกมาตอนแรกก็แค่คุ้นหน้า ยังจำไม่ได้ว่าเป็นใคร แต่เขาก็พยายามเล่าให้ฟังว่าเคยเจอกันตอนฝึกทหาร จึงทำให้ตนจำได้ บวกกับตนกำลังรอเพื่อนอีกคนด้วย จึงอนุญาตให้นายเด่นภูมิเข้ามาพักอาศัยอยู่ที่ห้อง ถือว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ได้เจอกัน นายเด่นภูมิอยากจะขอนอนด้วยกัน 1 คืน บอกแค่ว่าไม่มีเงิน รอญาติโอนมาให้ ซึ่งจากที่ตนสังเกตสีหน้าแววตาก็ดูว่าเครียด แต่ส่วนตัวไม่ได้ติดตามข่าว ก็เลยไม่ได้เอะใจ
จากนั้นตอนเช้า ก่อนที่นายเด่นภูมิจะโดนจับ ตนก็ถามว่า "มึงไปข่มขืนผู้หญิงมาปะเนี่ย มึงไม่น่าไปทำร้ายใครนะ" เขาก็ตอบมาว่า "เออ...มึงรู้ได้ไงเนี่ย" หลังจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรกันอีกเลย แล้วตนก็ไม่ได้ถามต่อ ก่อนที่ตนจะออกไปข้างนอก จนกระทั่งมาทราบว่านายเด่นภูมิถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมไป นอกจากนี้นายเด่นภูมิก็ดูเป็นคนดี แถมตอนที่เลิกกับแฟนสาว เขาก็เลี้ยงดูลูกเองด้วย 1 คน แต่ตนไม่เคยเจอ ไม่รู้ว่ากี่ขวบ คาดว่าหลังจากนี้พ่อของนายเด่นภูมิก็คงจะเป็นคนเลี้ยงดูลูกคนนี้แทน
ทั้งนี้ ตนยังบอกอีกว่าเท่าที่รู้ นายเด่นภูมิก็ไม่เห็นจะมีเรื่องหรือมีปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงด้วย เพียงแค่เขาไม่ประกอบอาชีพก็เท่านั้น เพราะเขาเคยบอกกับตนว่าตั้งแต่เรียนจบมาก็ไม่เคยทำงาน มีแต่คุณพ่อให้เงินใช้ตลอด ส่วนเรื่องข่าวโมเดลลิ่งนั้น ตนก็เพิ่งทราบ ตนยืนยันว่าในเมื่อตนไม่ได้ทำอะไรผิดก็ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัว และตนก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะให้นายเด่นภูมิเข้ามาพัก ในเมื่อเขามาขอและตนก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นมาก่อน ทั้งนี้ ตนตกใจว่าผู้เสียหาย 36 รายก็ถึงกับตกใจ "ถ้ารู้งี้ก็คงไม่กล้าให้เข้ามาพัก เท่าที่ตนเห็นโดยที่ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรมาก่อน ก็น่าสงสารนะ เขามาตอนไม่ได้ตั้งหลัก แต่ถ้าผมรู้ว่าเขาอะไรมาเยอะขนาดนี้ก็คงต้องนั่งคุยกันนานอะ"
นายป๋อง (นามสมมติ) เพื่อนของเจ้าของห้องที่เด่นภูมิมาอาศัยอยู่ กล่าวว่า ตนเองเป็นเพื่อนกับเพื่อนของเด่นภูมิ ที่เป็นเจ้าของห้องที่จับกุมนายเด่นภูมิได้ แต่ตนไม่รู้จักกับนายเด่นภูมิ และไม่เคยเห็นหน้า แต่นายนิคได้บอกกับตนอยู่ว่านายเด่นภูมิมาอาศัยอยู่ด้วย ส่วนภาพวาดในผนังห้องนายนิคนั้น ตนยืนยันว่านายนิคเป็นคนวาด ไม่ใช่นายเด่นภูมิ มีการวาดรูปจักรวาล ดวงดาว และกาแลกซี่ พร้อมกับมีการเขียนข้อความถึงการบูชากาแลกซี่ แต่ตนไม่ทราบความหมาย
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่ไปยังบ้านของอดีตพ่อบุญธรรมนายเด่นภูมิ ลักษณะเป็นบ้าน 2 ชั้นสีฟ้า มีรั้วรอบขอบชิด เป็นบ้านที่เด่นภูมิ อาศัยอยู่กับครอบครัวตั้งแต่วัยเด็ก นายประสงค์ วัฒนโชติภิญโญ พ่อบุญธรรมนายเด่นภูมิ กล่าวว่า ตนไปรับนายเด่นภูมิจากโรงพยาบาล มาเลี้ยงดูเป็นลูกของตนตั้งแต่เด่นภูมิอายุ 7 ขวบ และมีการส่งเสียเด่นภูมิเรียนมาตั้งแต่เด็ก แต่เขาก็ไม่ใฝ่เรียน เกเร จนต้องออกจากโรงเรียน เริ่มเกเรตั้งแต่อายุ 10 ขวบ โดยมีนิสัยชกต่อยกับเพื่อนที่โรงเรียนทุกวัน ทำร้ายร่างกายเด็ก ผู้หญิง และคนชรา
จนกระทั่งอายุ 15 ปี เด่นภูมิจะเริ่มติดยา แอบดูผู้หญิงอาบน้ำ จนมีผู้เสียหายโทรมาบอกตนหลายคน ตอนนั้นตนรู้สึกรับนิสัยเด่นภูมิไม่ได้ จนต้องไปเช่าอะพาร์ตเมนต์อีกที่หนึ่งให้เขาอยู่ กระทั่งปี 2545 พฤติกรรมเด่นภูมิเริ่มหนักมากขึ้น ตนได้ไปร้องขอต่อศาลเพื่อยกเลิกเด่นภูมิเป็นบุตรบุญธรรม เพราะเด่นภูมิเป็นบุคคลอันตราย ไปก่อเหตุมาแล้วตนรับผิดชอบไม่ไหว สำหรับตนและภรรยาไม่เคยถูกนายเด่นภูมิทำร้ายร่างกาย เคยถูกแต่เขาด่าด้วยคำหยาบคายเท่านั้น
สำหรับภรรยาตน ตอนนี้อยู่ในบ้านพักคนชรา และภรรยาตนก็รักเด่นภูมิมากเหมือนลูกแท้ ๆ เพราะเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก วันนี้หลังจากตนทราบข่าวว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเด่นภูมิได้แล้ว ตนรู้สึกดีใจมากจนถึงขั้นจะไปซื้อทุเรียนมาทาน เพื่อฉลองที่ตำรวจจับตัวเด่นภูมิได้ และเป็นการทานทุเรียนเพื่อฉลองที่ตนนอนไม่หลับมาหลายวัน ตั้งแต่เด่นภูมิเป็นข่าว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 64 เด่นภูมิได้โทรมาขอเงินตน และตนได้โอนเงินให้เขาเป็นเงินจำนวน 1,500 บาท วันที่ 3 พ.ค. เด่นภูมิได้โทรมาขอเงินตนอีก 5,000 บาท จากนั้นตนก็ติดต่อกับเขาไม่ได้อีกเลย ตนอยากให้กลุ่มผู้เสียหายเอาเรื่องเด่นภูมิให้ถึงที่สุด ยิ่งได้รับโทษหนักยิ่งดี และในอนาคตตนก็ไม่มีทางจะประกันตัวเด่นภูมิแน่นอน ตนไม่มีคำพูดจะฝากถึงเด่นภูมิ เพราะบอกอะไรไปเขาก็ไม่รับฟัง เด่นภูมิยากที่เขาจะปรับตัวแล้ว ตอนที่เด่นภูมิอาศัยอยู่กับตน เขาก็มีเมียประมาณ 10 คน และมีลูกชายด้วย