จากเหตุการณ์กระหน่ำยิง เป็นเหตุให้นายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอร์ช อายุ 20 ปีและน.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี เสียชีวิตที่ลานจอดรถสถานที่ท่องเที่ยวเขาชีจรรย์ จ.ชลบุรี หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับ และคาดว่าเป็นผู้ว่าจ้างฆ่าในครั้งนี้ คือ นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน อายุ 39 ปี เจ้าของสถานบันเทิงชื่อดังใน จ.ภูเก็ต โดยเจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายเกียรติศักดิ์ สุรางแสงมีบุญ หรือ บอล หนึ่งในทีมฆ่าแล้ว ต่อมานายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อปปี้ คนสนิทของเสี่ยอ้วน ผู้ร่วมขบวนการ ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วเช่นกัน (อ่าน :
“แม่บอล” เสียใจลูกร่วมทีมฆ่า “ฟอร์ช-สปาย” เผยจ่อพาลูกมอบตัว แต่ถูกจับก่อน)
วันที่ 3 ส.ค. 61 เวลา 16.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อปปี้ ผู้ต้องหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น จาก สภ.เมืองพัทยา มาที่ห้องสืบสวน สภ.นาจอมเทียน ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้นำรถเช่า โตโยต้ายารีส กลับมาจอดภายในโรงพัก หลังจากที่เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้นำรถยนต์ไปตรวจหารอยนิ้วมือแล้ว
ต่อมาเวลา 18.30 น.
พ.ต.อ.อาทร ชิ้นทอง ผู้กำกับ สภ.นาจอมเทียน เดินทางกลับมายัง สภ.นาจอมเทียน ภายหลังจากที่มีรายงานว่าตลอดทั้งวัน พ.ต.อ.อาทร ไปสอบปากคำเพิ่มเติม นายสายันต์ ศรีสุข ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่น ที่เรือนจำพิเศษพัทยา โดย พ.ต.อ.อาทร ตอบคำถามผู้สิ่อข่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ความคืบหน้าด้านคดี ขณะนี้ขอเวลาในการทำงานก่อน แต่มีพยานหลักฐานที่ค่อนข้างแน่ชัด ส่วนวันนี้จะยังไม่มีการนำผู้ต้องหาไปชี้จุดหรือทำแผน ซึ่งจะต้องรอดูสถานการณ์ในวันพรุ่งนี้ก่อน เพราะอยู่ระหว่างการวางแผนร่วมกัน
ด้าน
น.ส.ออย (นามสมมติ) อดีตพนักงานร้านของเสี่ยอ้วน เปิดเผยว่า นายบอลคือมือขวาของเสี่ยอ้วน เป็นคนดูแลบาร์ ทำหน้าที่คุมทั้ง การ์ด และดอร์แมน โดยทำงานกับเสี่ยอ้วนมา 2 ปี เริ่มต้นจากการเป็นการ์ด ก่อนเลื่อนขั้นเป็นหัวหน้าการ์ด และกลายเป็นคนสนิท โดยบอลเป็นคนใจร้อน มักจะด่าพนักงานเวลาไม่พอใจ ซึ่งวันที่ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา มีประชุมร้าน แต่บอลไม่ได้เข้าประชุม ทั้งที่ปกติต้องเข้าทุกครั้ง ซึ่งเสี่ยอ้วน บอกกลางที่ประชุมว่า บอลไปทำธุระที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นตนก็ไม่ได้เอะใจ จนเจ้าตัวถูกจับ
ส่วนเรื่องที่เสี่ยอ้วนทุ่มเงินให้น้องสปายไป 4 ล้านบาท และอยากได้คืนนั้น ตนเคยได้ยินเสี่ยอ้วนพูดตอนเมาว่า ให้เงินน้องสปายไป 4-5 ล้านบาท ถ้าคืนเงินก็จบ แต่ไม่เคยได้ยินเสี่ยอ้วนพูดว่าแค้น มีแต่พูดว่ารักผู้หญิงคนนี้มาก ซึ่งที่ผ่านมา เสี่ยอ้วนมีผู้หญิงหลายคน แต่น้องสปายคือคนที่เจ้าตัวทุ่มเทมากที่สุด ถึงขั้นจะแต่งงาน สร้างบ้านให้ผู้หญิง รวมทั้งโอนเงินให้ทางบ้านของน้องสปายบ่อยครั้ง
ทั้งนี้ เรื่องที่น้องสปายส่งเงินให้ทางบ้านเดือนละ 20,000-30,000 บาท เป็นเงินของเสี่ยอ้วนหรือไม่นั้น
น.ส.ออย ระบุว่า เสี่ยอ้วนน่าจะให้เงินมากกว่านั้น เพราะตนเคยเห็นเสี่ยอ้วนโอนเงินให้บ้านน้องสปายจำนวน 1 ล้านบาท และบางครั้งก็หลักแสน หรือ 50,000 บาท รวมทั้งเสี่ยอ้วนเคยเล่าว่า เคยวิดีโอคอลคุยกับพ่อแม่น้องสปาย ซึ่งการที่หลายคนมองว่าเสี่ยอ้วนตามตื๊อน้องสปาย และทุ่มเงินให้นั้น ตนคิดว่าหากอีกฝ่ายไม่ให้ความหวัง ก็คงไม่มีใครยอมโดนหลอกซ้ำ ๆ แบบนี้โดยตนยืนยันในฐานะอดีตคนเคยร่วมงานของเสี่ยอ้วนว่า เสี่ยอ้วนเป็นเจ้านายที่ดีกับลูกน้อง ส่วนคลิปที่ไปทำร้ายคนอื่นนั้น ตนไม่ทราบรายละเอียด แต่คิดว่าหากไม่มีใครมาทำร้ายเจ้าตัว หรือลูกน้องตัวเองก่อน เสี่ยอ้วนก็จะไม่ทำร้ายคนอื่น
ด้าน
น.ส.ไอซ์ (นามสมมติ) พี่สาวของน้องฟอร์ช และสนิทกับน้องสปาย เปิดเผยว่า ตนรู้จักกับเสี่ยอ้วนมาประมาณ 2 ปี โดยน้องสปายเป็นคนแนะนำให้รู้จัก เสี่ยอ้วนจะเข้าใจว่าตนเป็นพี่สาวของน้องสปาย อีกทั้งตนเคยได้เข้าไปทำความสะอาดในบ้านของเสี่ยอ้วน ในห้องนอนของเสี่ยอ้วนจะมีตู้เซฟไว้เก็บปืน ซึ่งเสี่ยอ้วนเป็นคนชอบสะสมปืน ไม่ว่าจะออกไปไหนเสี่ยอ้วนก็จะพกปืนติดตัวตลอดเวลา แต่ตนไม่เคยเห็นเสี่ยอ้วนยิงใคร ยอมรับว่าเคยเห็นเสี่ยอ้วน ในเวลาหึงหวงน้องสปาย ก็จะชักปืนออกมาวางบนโต๊ะเพื่อขู่น้องสปาย แต่ตนก็ไม่คิดว่าจะยิงน้องสปายจริง
น.ส.ไอซ์ เล่าต่อว่า น้องสปายเคยเล่าให้ตนฟังว่า เสี่ยอ้วนเป็นคนอารมณ์ร้อนและโมโหร้าย ก่อนหน้านี้ก็เคยยัดเยียดข้อเสนอเพื่อขอแต่งงานกับน้องสปาย ซึ่งเสี่ยอ้วนก็เคยพูดกับตนว่าอยากแต่งงานกับน้องสปาย ถึงขั้นไปขอกับพ่อแม่ของน้องสปาย โดยเสนอว่า อยากได้อะไรก็ขอให้บอกจะจัดหามาให้ และไม่รังเกียจหากจะพาญาติพี่น้องย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านของเสี่ยอ้วนด้วยกัน
สำหรับเรื่องเงิน 4 ล้านบาท ที่เสี่ยอ้วนให้น้องสปาย
น.ส.ไอซ์ บอกว่า ตนไม่เคยทราบมาก่อนว่าเสี่ยอ้วนเคยให้เงินกับครอบครัวของสปายถึง 4 ล้าน ซึ่งตนก็คิดว่าน้องสปายอาจจะไม่ได้รับไว้ แต่เรื่องเงิน 1 ล้าน ยอมรับว่ามีการโอนให้จริง แต่ตนก็มารู้ตอนที่น้องสปายนำมาซื้อรถยนต์คันใหม่แล้ว
น.ส.ไอซ์ ยังบอกอีกว่า เสี่ยอ้วนรู้มาตลอดว่าน้องฟอร์ชไม่ได้ชอบผู้หญิง เพราะทุกครั้งที่ไปเที่ยวด้วยกัน เสี่ยอ้วนก็เคยเรียกนายแบบผู้ชายมาให้บริการน้องฟอร์ช นอกจากนี้ น้องฟอร์ชเคยพูดกับตนว่า ถ้าน้องฟอร์ชเป็นผู้ชาย ก็คงชอบน้องสปายเพราะน้องสปายเป็นคนดี แต่น้องฟอร์ชมีจิตใจที่เป็นผู้หญิงตั้งแต่เด็ก จึงไม่สามารถเปลี่ยนได้ เพียงแต่ตนสังเกตว่า ตั้งแต่ ม.3 น้องฟอร์ชไม่เคยแต่งหญิงอีกเลย และเริ่มมีความเป็นผู้ชายมากขึ้น ซึ่งตนก็คิดว่าน้องฟอร์ชอาจจะยอมเปลี่ยนเป็นผู้ชายเพื่อจะได้รักกับน้องสปาย แต่เหตุที่ฟอร์ชกลับมาจากภูเก็ตพร้อมกับน้องสปายนั้น ไม่ใช่เพราะเป็นแฟนกัน แต่เพราะว่าฟอร์ชกำลังจะเปลี่ยนงานแล้วไปอยู่ต่างประเทศ
นอกจากนี้ เพจเฟซบุ๊ก
“บิ๊กเกรียน” โพสต์คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต โดยมีข้อมูลอ้างว่า เป็นเสี่ยอ้วนกับพวก ที่ก่อเหตุใน จ.ภูเก็ต จากคลิปจะเห็นชายเสื้อดำ รูปร่างท้วม ถือค้อนไล่ตีชายชาวต่างชาติ โดยมีลูกน้องตามกันมาด้วยเป็นกลุ่ม ทั้งนี้ ภาพจากในคลิปวิดีโอช่วงสุดท้าย จะเห็น “เสี่ยอ้วน” หวดฝรั่งด้วยค้อนจนร่วงล้มลงกับพื้นคามือ ก่อนเจ้าตัวจะรีบหนีไปอย่างรวดเร็ว (อ่าน :
เผยนาที “เสี่ยอ้วน” ขาใหญ่แห่งป่าตอง ค้อนไล่หวดฝรั่งร่วงกองพื้น แฉใช้เงินครึ่งล้านไกล่เกลี่ย)
นายธรรมรัตน์ สุวรรณโพธิศรี หรือ โจ้ สปอตไลท์ กล่าวถึงเรื่องที่มีการเผยแพร่คลิปที่เสี่ยอ้วน ถือค้อนไล่ตีชายชาวต่างชาติ โดยมีลูกน้องร่วมช่วยว่า เสี่ยอ้วนจะมีเรื่องทุบตีแบบนี้เป็นประจำ เนื่องจากเสี่ยอ้วนมีนิสัยเป็นคนโมโหร้าย ชอบทะเลาะกับนักท่องเที่ยวและลูกน้องของร้านอื่น ๆ รอบข้าง วันเกิดเหตุ นักท่องเที่ยวฝรั่งคนนั้นเมาและไม่จ่ายเงิน เมื่อไปห้ามก็เกิดทะเลาะวิวาท และเสี่ยอ้วนก็คว้าค้อนทุบหัวฝรั่ง แต่สุดท้ายก็ไกล่เกลี่ยกันแต่จบลงที่เสี่ยอ้วนชดใช้ค่าเสียหายร่วมแสนบาท ซึ่งเสี่ยอ้วนจะมีเหตุทะเลาะแบบนี้ค่อยข้างบ่อย เปรียบเหมือนกับวันพระที่ต้องมีทุกเดือน ซึ่งคนที่ทะเลาะด้วยส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเที่ยวในร้านของเสี่ยอ้วน
โจ้ สปอตไลท์ ยังเปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ยิงนั้น ต้องสังเกตว่าในจุดเกิดเหตุมีกระสุนกี่ขนาด เพราะจากการค้นบ้านของเสี่ยอ้วน พบวัตถุกระสุนร้อยกว่านัด อีกทั้งมีคนยืนยันว่าก่อนเกิดเหตุ เสี่ยอ้วนมีปืนเก็บไว้ในบ้าน 4 กระบอก ประกอบด้วยปืนขนาด 9 มม. 2 กระบอก, ปืน ขนาด .357 จำนวน 1 กระบอก และปืนขนาด ขนาด .38 อีก 1 กระบอก ซึ่งเมื่อเช็กจากฝ่ายทะเบียนกลับพบว่าเสี่ยอ้วนมีชื่อครอบครองปืนเพียง 1 กระบอก ซึ่งถูกยึดไว้หลังจากก่อคดีฆ่าคนในปี 2560 ซึ่งตนคิดว่าการจะรู้ว่าใครเป็นคนยิง จะต้องดูในร่างของผู้เสียชีวิตว่ามีหัวกระสุนขนาดใดบ้าง ส่วนตัว ตนคิดว่าเสี่ยอ้วนไม่ใช่คนที่ชำนาญในการยิง ซึ่งจะมีคนยิงกี่คนนั้นตนก็ไม่สามารถบอกได้ แต่ตนสันนิษฐานว่า คงไม่มีใครไปคนเดียวแล้วพกปืนครั้งละ 3 กระบอก และตนก็คิดว่าอาจจะบางคนในทีมฆ่าอาจไม่ได้เป็นคนลั่นไก แต่ตนก็มองตามตำรวจที่ออกหมายจับเสี่ยอ้วน
ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า นายบ่าวกับนายมอส ลูกน้องในร้านของเสี่ยอ้วน เดินทางไปที่เขาชีจรรย์ด้วยในวันเกิดเหตุ ตนตอบไม่ได้ว่า บ่าวกับมอสอยู่ในวันเกิดเหตุหรือไม่ แต่เป็นคำให้การจากนายจิรศักดิ์ อุนัยบัน หรือ ป๊อปปี้ ซึ่งให้การประมาณว่า ในวันเกิดเหตุไปกัน 4 คน โดยเห็นนายบ่าวและนายมอส เดินลงจากรถด้วย และเห็นทั้ง 3 ยกปืนขึ้นหันปืนไปที่ผู้ตาย แต่ตนก็ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ยิง
โจ้ สปอตไลท์ กล่าวว่า สาเหตุที่ฟอร์ชถูกยิงด้วย ตนมองว่าอาจเป็นเพราะฟอร์ชอยู่กับสปายและสนิทกันมาก ทำให้นายสายันต์อาจเข้าใจผิดว่าทั้งคู่เป็นแฟนกัน จึงอาจจะบอกเสี่ยอ้วนให้ทราบ คล้ายพวกฤาษีแปลงสาร ก็จะทำให้เสี่ยอ้วนเกิดบันดาลโทสะ หรือหึงหวงได้ จนเกิดเป็นการยิงกันตามมา
โจ้ สปอตไลท์ กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนกังวลคือกลัวว่าเสี่ยอ้วนจะเสียชีวิต ด้วยนิสัยของเสี่ยอ้วน เป็นคนที่ไม่มีคนใกล้ชิด เป็นคนที่ชอบพกสมบัติติดตัวไปด้วยจำนวนมาก และคนที่ไปกับเสี่ยอ้วนไว้ใจได้หรือไม่ อาจจะถูกปล้น หรือฆ่าหมกข้างทางก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม อยากบอกเสี่ยอ้วนว่า หากไม่อยากตายก็ออกมามอบตัว โดยก่อนหน้านี้เจ้าตัวติดต่อมาผ่านทางเพื่อนของตน เพื่อให้ช่วยดูวงเงินประกันให้ แต่เพื่อนของตนก็บอกกลับไปว่าคงจะประกันยาก เพราะเป็นคดีดัง หลังจากนั้นเสี่ยอ้วนก็เงียบหายไป ทั้งนี้ ที่เสี่ยอ้วนได้เบิกเงินไป 7 ล้านบาท และบอกคนอื่นว่ากำลังจะไปทวงหนี้ ซึ่งจากการเบิกเงินเยอะ ตนก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องแปลก เพราะโดยปกติเสี่ยอ้วนจะเป็นคนที่พกเงินครั้งละเยอะ ๆ อยู่แล้ว
โจ้ สปอตไลท์ กล่าวต่อว่า หลังจากวันเกิดเรื่อง 1 วัน (30 ก.ค.) เพื่อน ๆ ได้ถามเสี่ยอ้วนว่าเป็นคนยิงจริงหรือไม่ แต่เสี่ยอ้วนปฏิเสธ เมื่อถามว่าอยู่ที่ไหน เสี่ยอ้วนบอกว่าอยู่ที่ประเทศกัมพูชา