เปิดใจ! ผัวพริตตี้โดดถีบ “เด่นภูมิ” รับแค้นขืนใจเมีย เจ้าตัวปัดทำแผนหวั่นโดนสหบาทา (คลิป)

จากกรณีความคืบหน้าคดีนายเด่นภูมิ วัฒนโชติภิญโญ หรือ โจอี้ อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาคดีลวงพริตตี้สาว จ้างให้ไปรับงานเอนเตอร์เทน ก่อนบังคับให้เสพยาเสพติด ทำร้ายร่างกายและข่มขืนถึง 36 รายนั้น

ซึ่งวันที่ 12 พ.ค. 64 ทางทีมข่าวอมรินทร์ทีวียังเกาะติดความเคลื่อนไหวลงอยู่ที่ สน.บางขุนเทียน โดยได้พบกับ น.ส.ฟ้า และ น.ส.ผิง พริตตี้ผู้เสียหาย เดินทางมาชี้ตัวผู้ต้องหาด้วยตัวเอง น.ส.ฟ้า ยืนยันว่า การเข้าชี้ตัวในวันนี้สามารถจดจำผู้ต้องหาได้แม่นยำ และเชื่อว่าชี้ไม่ผิดตัวแน่นอน ส่วนกรณีที่ปรากฏข้อมูลก่อนหน้านี้ที่นายเด่นภูมิอ้างว่าไม่ได้บังคับ แต่เกิดจากความสมัครใจของผู้เสียหายเอง ไม่ได้เป็นความจริงอย่างที่นายเด่นภูมิกล่าวอ้างเลย ส่วนกรณีที่นายเด่นภูมิอ้างว่ายาเสพติดเป็นของที่ผู้เสียหายที่เตรียมมานั้น ก็ยังยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากขณะเกิดเหตุตนเองถูกข่มขู่ด้วยอาวุธมีดให้ยอมทำตาม

ขณะที่นายวรกร พงศ์ธนากุล ทนายความ ระบุว่า ไม่ว่าผู้ต้องหาจะให้การอย่างไร เชื่อว่าจะสามารถเอาผิดได้แน่นอน นอกจากนี้ทราบว่าผู้ต้องหาได้ใช้หลอดไฟในห้องน้ำโรงแรม มาทำอุปกรณ์เพื่อบังคับให้ผู้เสียหายเสพยาเสพติด ซึ่งเรื่องแบบนี้คนทั่วไปไม่มีใครทราบว่าต้องทำกันอย่างไร อีกทั้งพฤติการณ์ที่เคยก่อเหตุกับเหยื่อกว่า 30 คน ก็เพียงพอชี้ให้ศาลเห็นได้ว่าผู้ต้องหาได้ก่อเหตุจริง นอกจากนี้ยังมีพยานหลักฐานอื่น เช่น คลิปเสียงบันทึกการสนทนาที่สามารถนำไปประกอบสำนวนคดีเอาผิดกับผู้ต้องหาได้

น.ส.ฝน ผู้เสียหาย กล่าวว่า ในช่วงวันที่ 8 พ.ค. 64 เวลา 23.00 น. นายเด่นภูมิได้ใช้ไลน์ส่วนตัวโพสต์หาเด็กเอนเตอร์เทน ที่พร้อมรับงานในกลุ่มพริตตี้ โดยตนเป็นเหยื่อรายที่ 2 หลงเชื่อ เพราะนายเด่นภูมิบอกว่ามีพริตตี้รายอื่นอยู่ในห้องด้วย ไม่ต้องกลัวอันตราย ทำให้ตนตัดสินใจรับงานและมาถึงที่โรงแรมในเวลาประมาณ 01.00 น. ของวันที่ 9 เม.ย. ซึ่งเมื่อเดินทางมาถึงได้ยึดโทรศัพท์มือถือไป พร้อมเงินสดในกระเป๋าประมาณ 7,500 บาท จากนั้นก็โดนกระทำบังคับให้เสพยาไอซ์และถูกข่มขืน โดยตลอดทั้งคืนที่ตนถูกย่ำยีนั้น ต้องยอมแลกตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด พร้อมทั้งมีเหยื่อรายที่ 1 อยู่ภายในห้องด้วย

จนเวลาผ่านไปถึงช่วงสายของ วันที่ 9 เม.ย. นายเด่นภูมิได้วางแผนให้ตนหลอกพริตตี้รายอื่นมาให้อีก ซึ่งก็มีเหยื่อหลงเชื่อ โดยเหยื่อรายที่ 3 นี้ตนเองไม่ทราบชื่อ เดินทางจากย่านปากเกร็ด มาถึงที่โรงแรมประมาณ 11.00 น. พอมาถึงห้องก็ถูกย่ำยีเช่นกัน ระหว่างนั้น ทั้งตนและเหยื่อรายแรกที่อยู่ในห้องถูกนายเด่นภูมิจับไปขังไว้ในห้องน้ำ จึงได้พูดคุยกันตัดสินใจออกอุบายขอโทรศัพท์มือถือคืนจากนายเด่นภูมิ จากนั้นก็ได้ใช้โทรศัพท์เรียกแกร็บให้มาเคาะห้อง จากนั้นก็แยกย้ายกันหลบหนีกลับที่พักทันที

แต่หลังจากนั้นตนก็มีภาวะเครียด และซึมเศร้า สภาพจิตใจค่อนข้างย่ำแย่ ยังคงมีอาการหวาดกลัว เพราะกังวลว่าหากผู้ต้องหามีโรค ก็อาจจะติดโรคจากผู้ต้องหาได้ จากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาที่ตนคือหนึ่งในเข้ารุมประชาทัณฑ์ตัวนายเด่นภูมิ เป็นเพราะรู้สึกคับแค้นใจมาก มายืนรออยู่ตั้งแต่ช่วงเย็น พอรู้ว่าทางตำรวจจะนำตัวมาฝากขังไว้ที่ สน.บางขุนเทียน และตนยืนยันว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด

ด้านนายเทพ (นามสมมติ) สามีของผู้เสียหาย กล่าวว่า ภรรยาของตนเป็นเหยื่อของนายเด่นภูมิ เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 64 ซึ่งก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุ ตนกับภรรยาได้ทะเลาะกัน ภรรยาได้ย้ายไปอยู่บ้านอีกหลังชั่วคราว จากนั้นไม่นานผ่านไปประมาณ 2 วัน ภรรยาของตนได้โทรศัพท์มาหาตนพร้อมกับร้องไห้ บอกกับตนว่าถูกนายเด่นภูมิใช้มีดจี้บังคับให้เสพยาและข่มขืน ตอนนั้นที่ทราบเรื่องรู้สึกตกใจมาก คิดไม่ถึงว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้กับภรรยาได้

จากนั้น ภรรยาของตนได้กลับมาหาตนพร้อมกับหลักฐานการคุยแชตไลน์ส่วนตัวกับทางนายเด่นภูมิ นายเด่นภูมิมีการกล่าวอ้างชักชวนให้มาทำงานเอนเตอร์เทนลูกค้าใช้เวลา 4 ชั่วโมง ให้ในเงินจำนวน 3,500 บาท ก่อนหน้านี้ตอนที่ภรรยาตนยังไม่มีลูก เคยรับงานในลักษณะมาก่อน แต่พอมีลูกถึง 2 คน ภรรยาของตนก็ไม่เคยเข้ารับงานอีกเลย แต่ครั้งนี้อาจจะมาจากที่ตนและภรรยาทะเลาะกัน จึงได้หางานทำ หลังจากนั้นตนก็ได้ภรรยาไปแจ้งความทันที

จนล่าสุดเมื่อวานที่ผ่านมานี้ตำรวจได้จับตัวนายเด่นภูมิได้ ตนก็ได้ไปรอดูหน้าที่ สน.บางขุนเทียน ระหว่างที่นายเด่นภูมิได้เดินลงจากรถ ตนคือคนที่เข้าประชาทัณฑ์เป็นคนแรก เพราะช่วงนั้นความรู้สึกและอารมณ์ที่อยู่ภายในมีแต่ความแค้นใจเป็นอย่างมาก และผู้ต้องหาที่มีพฤติกรรมก่อเหตุแบบนี้ ตนคิดว่าถึงเข้าถามไปก็ไม่รู้เรื่อง และยังมีท่าทางที่ไม่รู้สึกผิดกับการก่อเหตุอีก