พิษโควิด “น้อย โพธิ์งาม” ร้านส้มตำยอดตก ได้เงินแค่หลักร้อย กัดฟันสู้ไม่ทิ้งลูกน้อง (คลิป)

13 พ.ค. 64

ยังคงตามต่อกับเรื่องราวของคนในวงการบันเทิงที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 หนึ่งในนั้นคือศิลปินนักแสดงสายฮาชื่อดังอย่าง "แม่น้อย โพธิ์งาม" แม่ของนักแสดงสาว "หญิง รฐา" ที่หลายคนทราบว่าแม่น้อยมีธุรกิจร้านส้มตำ "แม่น้อย โพธิ์งาม" แต่ขณะนี้ได้รับผลกระทบถึงขั้นรายได้หดหายเหลือแค่วันละ 800 - 1,000 บาท

482557

ล่าสุดวันที่ 13 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ "แม่น้อย โพธิ์งาม" เพื่อสอบถามถึงผลกระทบและการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ โดย "แม่น้อย"เปิดเผยว่า ในส่วนของธุรกิจร้านอาหารอีสานนั้น ต้องบอกว่าได้รับผลกระทบอย่างหนักระลอกแรก ๆ ก็พอปรับตัวได้ แต่พอระลอกที่ 3 ก็ยอมรับว่าค่อนข้างหนัก จากเดิมรายได้ช่วงวันหยุด 20,000 บาทต่อวัน ตอนนี้ลดเหลือแค่หลักพัน บางวันได้แค่ 800 บาท ทางร้านก็ต้องปรับตัวเน้นขายออนไลน์ งดบริการนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน ซื้อกลับได้อย่างเดียวผ่านเดลิเวอรี่

852017

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าส่วนตัวจะได้รับผลกระทบค่อนข้างหนัก แต่ยังโชคดีที่พนักงานในร้านก็เข้าใจ ถึงขั้นมาบอกตนว่าอย่าเพิ่งปิดร้าน แต่ขอลดเงินเดือนก็ได้ เพราะลูกจ้างเข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็โชคดีที่มีพนักงานที่เข้าใจ ขณะที่ภาระที่ต้องแบกรับเดือนละ 1 แสนบาท ยอมรับว่าเคยถอดใจว่าจะปิดร้าน แต่ด้วยสงสารลูกน้องเลยต้องต่อสู้กันไป เช่นเดียวกับทางลูกสาว "หญิง รฐา" ก็แอบเป็นห่วงไม่ค่อยอยากให้ตนออกจากบ้าน แต่ส่วนตัวก็อดใจไม่ไหว เป็นห่วงร้านและลูกน้อง

250716

ส่วนธุรกิจน้ำปลาร้าตอนนี้ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด ธุรกิจยังเดินหน้าไปด้วยดี ทั้งตลาดในเมืองไทยและเมืองนอก อาจจะมีชะงักเล็กน้อย แต่โดยรวมถือว่าไปได้ดี ส่วนตัวก็อยากฝากธุรกิจทั้งร้านส้มตำและน้ำปลาร้าไว้กับทุกคนด้วย เพราะเชื่อมั่นว่าสินค้าของตนอร่อยแน่นอน 

225095

อย่างไรก็ตาม ตนจะได้คิวเข้ารับการฉีดในช่วงวันที่ 28 มิ.ย.64 ซึ่งลูกสาวเป็นผู้จัดการให้ ส่วนตัวรู้สึกกลัวเข็มอยู่แล้ว แต่พอมานั่งฟังข่าวและข้อมูลต่าง ๆ "ญาญ่าหญิง" ก็บอกว่าหากไม่ฉีดก็ไม่ต้องออกจากบ้านไปไหน ให้อยู่ในบ้านแลกกลับไม่ฉีดวัคซีน จึงยอมตกลงฉีดวัคซีน ตอนนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายแล้วไม่ค่อยกังวล ทุกวันนี้ก็เน้นออกกำลังกายมากขึ้น เพราะเกรงว่าร่างกายจะไม่แข็งแรง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส