วันที่ 8 ส.ค.61 ร.ต.อ.พัชร์ธนพล รัชตาธารากาญจน์ รองสารวัตรสอบสวนสภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้รับแจ้งว่า มีคนร้ายใช้อาวุธมีดจี้คอเด็ก เหตุเกิดบริเวณสะพานคู่ใกล้เคียงโรงงานกรีนสปอร์ต ถ.เสมา-ฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี หลังรับแจ้งจึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบพร้อมทั้งรีบรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยพ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสายตรวจและอาสาสมัครกู้ชีพเทศบาลนครรังสิต
โดยพบคนร้ายอยู่ภายในน้ำคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ห่างจากจุดเกิดเหตุเล็กน้อยทราบชื่อภายหลังคือ
นายทนงศักดิ์ ชวนชม อายุ 27 ปี มีประชาชนและพลเมืองดีช่วยกันติดตามและพยายามตะโกนให้เข้าฝั่ง แต่นายทนงศักดิ์ไม่มีท่าทีจะยินยอม กลับว่ายน้ำหนี โดยในมือทั้งสองข้างยังคงถือมีดและไม้อยู่ จนเจ้าหน้าที่ต้องวิทยุขอเรือจากเจ้าหน้าที่เทศบาลนครรังสิต โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 40 นาที เมื่อเรือมาถึง จึงได้ช่วยกันต้อนให้เข้ามาใกล้ฝั่ง ก่อนที่อาสาสมัครกู้ชีพเทศบาลนครรังสิตจะกระโดดลงไปในน้ำเพื่อเข้าไปล็อกตัวได้สำเร็จ ก่อนนำตัวขึ้นมาเพื่อนำส่งโรงพักแต่นายทนงศักดิ์กลับไม่ยินยอม โดยดิ้นไปมาตลอดซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ตำรวจและกู้ภัยกว่า 6 คนช่วยกันหามไปที่รถก่อนนำตัวไปสอบสวนที่โรงพัก นอกจากนี้ยังพบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กชาย 1 ราย โดยมีบาดแผลที่นิ้วมือซ้ายและมีบาดแผลเล็กน้อยที่ลำคอแขนขาจึงได้รีบให้กู้ภัยปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำตัวส่งโรงพยาบาลประชาธิปัตย์เพื่อให้เย็บแผล
จากการสอบสวนนายทนงศักดิ์ ให้การว่าตนทำงานอยู่ที่ย่านมีนบุรี แต่ก็ไม่รู้ว่ามาอยู่ที่ซอยอุสาหะได้อย่างไร โดยที่เดินผ่านหน้าบ้านเด็กชายจึงได้ใช้อาวุธมีดจี้คอพร้อมกับบอกให้อยู่เฉยๆ เพราะตนอยากได้รถจักรยานยนต์เพื่อกลับไปหาแฟนที่เลิกกันไปได้ 3 วัน จังหวะนั้นได้มีรถจักรยานยนต์ขับผ่านมา จึงเรียกพร้อมกับบังคับเด็กให้ขึ้นรถมาด้วย โดยบอกวินให้ไปปากทาง เมื่อถึงปากทางก็บอกให้ขับไปเรื่อยๆจนมาถึงจุดเกิดเหตุคนขับรถจักรยานยนต์ได้ดับเครื่องแล้ววิ่งหนี ก่อนที่จะจับเด็กไว้เป็นตัวประกัน ขณะนั้นมีพลเมืองดีเข้ามาช่วยจึงได้รีบวิ่งหนีลงไปในน้ำก่อนที่เจ้าหน้าที่จะช่วยกันจับตัวมาได้โดยตนรับสารภาพว่าได้กินเหล้าเบียร์มาตั้งแต่ 16.00 น. และได้เสพยาไอซ์เข้าไป
ด้าน
นายนพนันต์ กรุตสัมพันธ์ พลเมืองดี เผยว่าตนกำลังจะกลับบ้านเมื่อขับมาถึงจุดเกิดเหตุ ก็พบว่ามีคนร้ายกำลังใช้มีดจี้คอเด็ก จึงได้ลงไปช่วยห้าม แต่คนร้ายกลับพาเด็กเดินหนี ตนก็เดินตามซึ่งคนร้ายก็บอกว่า "อย่าเข้ามาไม่งั้นเด็กตาย" ตนก็พยายามตามห่างๆ จนคนเริ่มเยอะตนเห็นคนร้ายยกมีดขึ้นแล้วแทงไปที่เด็ก จังหวะนั้นเด็กก็สะบัดจนหลุด ตนจึงจะวิ่งเข้าไปจับ แต่คนร้ายก็วิ่งกระโดดลงไปในตามดังกล่าว
ด้าน
นายมงคล กิ่งเกษม คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้าง ให้การว่า ขณะที่ตนขับรถรับจ้างตามปกติออกมาจากท้ายซอยได้มีคนร้ายและเด็กชายโบกรถก่อนที่จะให้ไปส่งที่ปากทาง แต่เมื่อมาถึงปากทางกลับบอกว่าให้ไปส่งที่ห้างและบอกว่าให้บิดแรงๆ ถ้าหยุดจะแทงให้ทะลุทั้ง 2 คนซึ่งในตอนแรกตนไม่เห็นว่าคนร้ายมีมีด ก็พยายามมองกระจกข้าง จนเห็นมีดที่คนร้ายถือจึงได้ขับไปตามที่คนร้ายบอก แต่เมื่อขับมาถึงคลองหนึ่งคนร้ายกลับบอกว่า ให้เลี้ยวขึ้นสะพานและพาย้อนมาเส้นเลียบคลอง จังหวะนั้นแฟนสาวโทรศัพท์มาพอดี แต่คนร้ายกลับบอกว่าให้เอาโทรศัพท์มาซึ่งตนคิดในใจว่าถ้าคนร้ายให้ไปใช้เส้นทางที่เปลี่ยวจะต้องทำอะไรสักอย่าง จนกระทั่งตนย้อนมาถึงตรงโรงงาน จังหวะนั้นรถคนงานเลิกพอดี ตนจึงชะลอรถแต่คนร้ายบอกว่าให้ขับออกไป ตนจึงตัดสินใจดับเครื่องแล้วทิ้งรถพร้อมกับหยิบกุญแจรถมาด้วย ก่อนจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและก็มีพลเมืองดีขับรถผ่านมาและเข้ามาช่วยตามคนร้ายไปจนเจ้าหน้าที่ตำรวจมาและจับกุมได้ดังกล่าว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.ปัณณพัฒน์ เดชโชติพิสิฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบประวัตินายทนงศักดิ์ พบว่ามีหมายจับของศาลจังหวัดชัยนาท ในข้อหาพกพาอาวุธปืน ตั้งแต่ปี 2557 ในเบื้องต้นจากการสอบสวนแล้วผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เสพยามาแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องทำการส่งตรวจหาสารเสพติดอีกครั้ง แต่ในเบื้องต้นได้แจ้งข้อหากับนายทนงศักดิ์คือ 1.ชิงทรัพย์ผู้อื่นโดยมีอาวุธ 2.ทำร้ายร่างกายผู้อื่น 3.กักขังหน่วงเหนี่ยว 4.ข่มขืนใจโดยใช้อาวุธ 5.พาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรและตรวจร่างกายแล้วเจอสารเสพติดก็จะเพิ่มข้อหาเสพสารเสพติดให้โทษอีกข้อหาซึ่งในเบื้องต้นได้มอบตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป