จากกรณีภรรยาของนายโกศล ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วย ต่อมาตำรวจออกหมายจับ 8 รายแล้วนั้น
ล่าสุดได้รับรายงานจากชุดสืบสวนจังหวัดสุราษฎร์ธานี มีการตรวจยึดรถที่ผู้ต้องหาใช้ก่อเหตุ และเกี่ยวข้องในคดีอุ้มฆ่า รวมทั้งสิ้น 4 คัน พร้อมทั้งจอบที่ใช้ก่อเหตุนั้น
ล่าสุด วันที่ 19 พ.ค. 64 ความเคลื่อนไหวของครอบครัวเสี่ยโกศล วันนี้ตั้งแต่เวลา 08.00 น. ได้มีการออกเรือประมง 2 ลำ ไปที่หมู่เกาะอ่างทอง พิกัดเดิมทึ่นายนัด พยาน ได้มีการชี้เป้าจุดทิ้งศพให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้ ล่าสุดมีเรือประมงของชาวบ้าน 2 ลำ ออกหาปลาบริเวณรอบหมู่เกาะอ่างทอง เมื่อช่วงค่ำวานนี้ และได้มีการทอดสมอเรือทำการประมง
แต่ช่วงที่มีการถอนสมอเรือ เพื่อจะกลับเข้าฝั่ง ได้เกี่ยวติดเชือกและของขางอย่าง มีลักษณะถูกมัดติดกับเสาปูน ทำการยกสมอขึ้นมาจากก้นทะเล ความลึกประมาณ 14-16 เมตร แต่ยังยกขึ้นมาไม่ถึงผิวน้ำ ยกขึ้นมาได้เพียงครึ่งเดียว เพราะยกไม่ค่อยขึ้น จึงพากันมองลงไปในทะเล วันดังกล่าวน้ำค่อนข้างใสกว่าปกติ ชาวประมงที่อยู่บนเรือชะโงกหน้าลงไปมองในน้ำ เพื่อมองว่ามีอะไรติดอยู่ที่สมอเรือ ทุกคนต่างตกใจ เห็นลักษณะคล้ายผ้าใบหอหุ้มของบางอย่าง และมีเสาปูนผูกมัดติดเอาไว้ ด้วยความตกใจจึงตัดสินใจตัดสมอเรือทิ้ง เพื่อให้สิ่งของดังกล่าวที่มองเห็นตกลงไปที่ก้นทะเลดังเดิม พร้อมกับมีการปักหมุดในระบบ GPS ของเรือ เพื่อที่จะส่งเบาะแสดังกล่าวให้กับครอบครัวของเสี่ยโกศล แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เข้าไปทำการตรวจสอบ
นางจินดาหรา วสินทรัพย์ ภรรยาของเสี่ยโกศล เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ตนเองได้รับแจ้งจากชาวประมงที่ออกหาปลาบริเวณรอบหมู่เกาะอ่างทอง ตนเองก็ได้รับภาพถ่ายดังกล่าวมาจากชาวประมง วันนี้กลุ่มลูกน้องพร้อมกับชุดทีมของกำนัน จึงได้มีการลงเรือไปยังพิกัดดังกล่าวเพื่อค้นหาเบาะแส มีความหวังว่าจะเป็นข่าวดีที่ครอบครัวจะเจอร่างของเสี่ยโกศล เพราะที่ผ่านมายอมรับว่าการค้นหาก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร
ส่วนกรณีที่ครอบครัวของนายสุรัตน์ และนายสุรชัยออกมาโต้ข่าวและอยากจะแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับศึก 2 ตระกูล แต่เกิดจากเสี่ยโกศลมีการส่งลูกน้องไปล้อมเรือดักยิงกลางทะเล เป็นชนวนเหตุทำให้เกิดเรื่องบานปลาย ตนเองไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับเรื่องศึก 2 ตระกูลหรือไม่ แต่เป็นเหตุการณ์ที่คาราคาซังมานาน ถ้าหากบอกว่าเรื่องดังกล่าวจบไปนานแล้วก็ควรจะจบที่การดื่มน้ำสาบาน ไม่ใช่เป็นการเอาคืนหรือหาเรื่องจนกระทั่งล่าสุดสามีของตนเองหายตัวไป
ขณะเดียวกันที่กล่าวอ้างว่าเสี่ยโกศลยกพวกนำเรือประมง 3 ลำ บุกปิดล้อมเรือของเสี่ยโกศลกลางทะเล ยืนยันว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เพราะเป็นเหตุการณ์ระหว่างลูกน้องทะเลาะกันเอง แต่เพียงเสี่ยโกศลเข้าไปเคลียร์ใจและเป็นตัวกลางให้ ทำให้เกิดเหตุการณ์อุ้มฆ่าเกิดขึ้น เชื่อว่าเหตุการณ์ในวันดังกล่าวมีการเคลียร์ใจกันจบแล้ว มีเพียงแค่คำขู่ แต่ไม่มีเหตุการณ์ยิงกัน และที่สำคัญเสี่ยโกศลก็ไม่ได้อยู่ในเรือตามที่ครอบครัวของนายสุรัตน์กล่าวหา ครอบครัวของตนเองเป็นเพียงแค่ชาวประมงหาหอย ไม่มีปืนพกพา ดังนั้นจึงไม่สามารถที่จะเอาปืนไปยิงใครได้
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทราบรายงานเบื้องต้นว่า นายตั้ม ลูกน้องคนสนิทของเสี่ยโกศล, นายนัท นายโข่ง ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ในวันที่เสี่ยโกศลถูกอุ้มฆ่า เดินทางไปให้ปากคำต่อศาลจังหวัดไชยาในฐานะพยาน ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็ต้องขอบคุณศาลและกระบวนการยุติธรรมที่ยอมรับฟังความฝ่ายของครอบครัวของตนเองในฐานะครอบครัวผู้สูญเสีย ตนเองก็ยังเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม แต่ในวันนี้ตนเองไม่ค่อยได้ออกไปไหน เพราะต้องเก็บตัว รวมถึงระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ เพราะกลุ่มผู้ต้องหาบางคนยังอยู่ในพื้นที่
ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านตะกรบ ต.ตะกรบ อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เดินทางไปที่บ้านของนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ ผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนี พบว่าที่บ้านยังคงปิดเงียบ ไม่มีคนในครอบครัวออกมาชี้แจง นายบุญ (นามสมมติ) อ้างว่าเป็นเครือญาติของนายสุรัตน์ ลักษณะออกอาการโวยวาย และต้องการออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจให้กับนายสุรัตน์ และนายสุรชัย หลานทั้ง 2 คนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี อ้างว่าตำรวจจับผิดคน เอาคนในเครือญาติและนามสกุลเศวตศิลป์มาโยงเข้าด้วยกัน
นายบุญ กล่าวว่า ตนเองต้องการที่จะออกมาแก้ข่าวให้สัมคมเข้าใจว่าครอบครัวของตนเองถูกใส่ร้าย ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเสี่ยโกศล อ้างว่าครอบครัวของเศวตศิลป์ไปรังแกทำร้ายครอบครัวของเสี่ยโกศล ทั้งที่ข้อเท็จจริงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง 2 ตระกูล เพราะเรื่องเหล่านั้นมันจบไปนานแล้ว แต่สิ่งที่สังคมควรจะต้องรู้ เกิดจาก 2 วันก่อนที่เสี่ยโกศลจะหายไป เป็นเพราะว่านำเรือหาหอย 3 ลำออกเรือทะเลอ่าวไทย แล้วไม่พอใจ จึงได้นำเรือไปปิดล้อมเรือหาหอยของนายสุรัตน์ แล้วยังมีการใช้อาวุธปืนไล่ยิงเพื่อขับไล่ไม่ให้หาหอย หรือจอดเรือบริเวณดังกล่าว เพราะต้องการหากินโดยไม่แบ่งพื้นทึ่ใคร แต่โชคดีที่การใช้อาวุธปืนยิงไม่โดนใคร เพราะเรือของฝั่งนายสุรันต์ยอมถอยหนี จากนั้นจึงเป็นที่มาของการนัดเคลียร์ใจกัน
ทั้งนี้ ถ้าดูจากพฤติกรรมของฝั่งของเสี่ยโกศลแล้ว ก็จะรู้กันดีว่าเรือนายสุรัตน์ถูกกลั่นแกล้งก่อน ตนยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าฝั่งของนายสุรัตน์ไม่ได้ไปก่อเหตุหรือเปิดประเด็นความขัดแย้งครั้งนี้ ส่วนตัวในฐานะเครือญาติ ขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจให้กับนายสุรัตน์ และนายสุรชัยว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เกิดจากความเข้าใจผิดและโยงเรื่องของประเด็นความขัดแย้งของตระกูล ทำให้ถูกออกหมายจับ ซึ่งวันเกิดเหตุคนเหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ร่วมในการก่อเหตุ ตนเองจึงอยากจะออกมาพูดเพื่อให้สังคมเข้าใจ
นายอ๊อด (นามสมมติ) ชาวประมง ลูกเรือที่ออกงมหอยกลางทะเล ร่วมกับนายตั้มก่อนที่เสี่ยโกศลจะถูกอุ้มฆ่า เปิดเผยว่า ตนเองจำได้ว่าช่วงดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนประมาณ 2 วัน ก่อนที่เสี่ยโกศลจะถูกอุ้มฆ่า มีเรือประมง 2 ลำ คือลำของบ่าวตั้ม และของนายแน็ก หลานของนายสุรัตน์ ซึ่งในการออกเรือวันดังกล่าวไม่มีเสี่ยโกศลและนายสุรัตน์อยู่ในเรือ มีเพียงกลุ่มลูกน้องและชาวประมงที่ออกหาหอยเท่านั้น
หลังจากที่มีการงมหอยในทะเลเสร็จแล้ว กำลังนำเรือเข้ามาเทียบท่าบริเวณท่ากระจาย ขณะนั้นนำเรือมาจอดเทียบใกล้กันห่างไม่ถึง 2 ศอก เรือของนายแน็กได้เทียบท่าก่อน เรือของบ่าวตั้มเข้ามาจอดทีหลัง นายแน็กตะโกนว่า "อย่าให้เรือของมึงมาชนเรือกู และอย่ามาชนสายชาวเตอร์ ถ้าหากนำเรือมากระทบหรือโดน มึงจะได้รับอันตรายถึงชีวิต" ทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน และเคลียร์ใจกัน แต่ก็ไม่ถึงขั้นยิงกัน เพราะไม่มีใครพกปืน
หากย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น ตนเองก็มักออกเรือไปพร้อมกับบ่าวตั้ม และไม่ได้มีการทำประมงใกล้เคียงกับเรือของนายแน็ก ต่างคนต่างหาหอย ก็ไม่มีเรื่องกระทบกระทั่งกันกลางทะเล และไม่มีเหตุการณ์ขู่ยิงตามที่กล่าวถึง ตนเองอยู่ในทุกเหตุการณ์จึงยืนยันได้ว่าไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าว ส่วนในวันนี้ทราบว่าบ่าวตั้ม นายนัท นายโข่ว ได้เข้าให้ปากคำต่อศาลจังหวัดไชยาในฐานะพยาน ตนเองเชื่อว่ากลุ่มคนเหล่านั้นมีส่วนเกี่ยวข้องและรู้เห็นในวันที่เสี่ยโกศลถูกอุ้มหาย
ทีมข่าวย้อนเส้นทางจุดเกิดเหตุ ในคืนวันที่ 3 พ.ค. ช่วงเวลาประมาณ 00.20-01.00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาคาดการณ์ว่ากลุ่มคนก่อเหตุจะมีการลำเลียงล่างของเสี่ยโกศล ออกจากบ้านที่มีการนัดเคลียร์ใจกัน ที่บ้านนายบำรุงขับไปตามเส้นทางสวนปาล์ม มุ่งหน้าไปที่วัดตะกรบ ก่อนที่รถจะประสบอุบัติเหตุ และเปลี่ยนรถมุ่งหน้าไปต่อที่จุดฝั่งบริเวณบ่อทรายของนายสุรัตน์
โดยตลอดเส้นทางทีมข่าวได้พบกับกล้องวงจรปิดชุดหนึ่งที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ช่วงเวลาดังกล่าวได้ เวลาจริงช่วงหลัง 00.30 น. ซึ่งปรากฏรถกระบะคันแรกสีดำ เป็นรถที่พุ่งชนเสาไฟฟ้าบริเวณวัดตะกรบ มีนายโจ้เป็นขับผ่านกล้องวงจรปิดด้วยความเร็ว จากนั้นห่างกันประมาณ 1 นาที จะมีรถกระบะสีขาวขับตามมาด้วยความเร็วเช่นเดียวกัน รถคันดังกล่าวเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดการณ์ว่าเป็นรถที่มีร่างของเสี่ยโกศลอยู่ หลังจากที่รถผ่านกล้องวงจรปิดไปแล้วก็มุ่งหน้าออกไปที่ถนนเรียบชายทะเล เพื่อมุ่งหน้าไปที่บ่อทรายของนายสุรัตน์
ทีมข่าวได้รับการติดต่อจากชาวบ้านในพื้นที่อำเภอไชยา แจ้งว่ารถที่เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปร่วมในการแถลงข่าวเมื่อวานนี้ เป็นรถอีซูซุสีขาวตู้ทึบ ทะเบียน ทะเบียน ผต. 1549 สุราษฎร์ธานี เป็นรถของชาวบ้านในพื้นที่ที่ไปติดต่อราชการ แต่เคลื่อนย้ายออกจากบริเวณจุดแถลงข่าวไม่ทันเวลา จึงติดเป็นภาพอยู่ในการแถลงข่าว และถูกเชื่อมโยงว่าเป็นรถของผู้ต้องหาที่ใช้ก่อเหตุ
สำหรับระหว่างการตามหาร่างนายโกศลนั้น ภรรยาของนายโกศลได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กต่อเนื่อง ระบุว่า "16 วันที่ชีวิตอันตรายไม่รู้จุดหมายและปลายทาง, วันนี้วันพระ จงใช้ชีวิตทางธรรม, ศพก็ไม่เจอ คนร้ายก็จับไม่ได้ จะทำไงดีเราก็หาทุกวิถีทาง และมีภาพหน้าศพไว้รอประกอบพิธีหากเจอร่างสามีด้วย