กรณีภรรยาของนายโกศล ผู้สูญหาย ได้ยินเสียงปืนจากบ้านหลังหนึ่ง หลังจากที่สามีไปดื่มเหล้าที่บ้านหลังดังกล่าว จึงไปตามถึงบ้าน แต่เจ้าของบ้านยังไม่ยอมออกมา สุดท้ายบอกว่าไม่ทราบว่าสามีไปไหนเพราะขณะนั้นกำลังนอนหลับ แต่ภรรยาผู้สูญหายสังเกตเห็นมีรอยเลือดเป็นทาง มีร่องรอยการล้างเลือดตามพื้นถนน มีรอยเลือดติดบนใบหญ้า แต่ไม่พบตัวสามี ซึ่งในวันดังกล่าวสามีได้สวมสร้อยคอทองคำและเลสข้อมือหนัก 10 บาทออกไปด้วยนั้น
วันที่ 24 พ.ค. 64 กรณีการทดสอบสมไฟเผาอิฐมวลเบา ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ของเมื่อวานนี้กระทั่งถึงเมื่อเวลา 10.00 น. ของวันนี้ ประมาณ 10 ชั่วโมง หลังจากที่กองไฟมอด ทีมข่าวได้ย้อนกลับไปที่กองไฟ ดูลักษณะของอิฐมวลเบาที่มีการสุมไฟเอาไว้ 1 คืน มีลักษณะไฟมอด มีความอุ่นร้อน
โดยทีมข่าวได้มีการขุดคุ้ย เพื่อหาเศษของอิฐมวลเบา 2 แบบ ที่โยนเข้ากองไฟเมื่อวานนี้คือ แบบเศษเล็ก และแบบก้อนใหญ่ ซึ่งหลังถูกทิ้งไว้ในกองไฟ 1 คืนผ่านไป เศษเล็กของอิฐมวลเบาลักษณะค่อนข้างหายาก บางส่วนแตกและถูกไฟเผาจนละลายไปกับกองขี้เถ้า บางชิ้นที่ยังพอหลงเหลือเป็นรูปร่างเดิม เมื่อสัมผัสหรือบีบเล็กน้อยก็จะแตกออกเป็นผงทันที ส่วนอิฐมวลเบาก้อนใหญ่ ที่สุมไฟทิ้งไว้ 1 คือยังคงมีลักษณะเหมือนเดิม หักเล็กน้อยบริเวณขอบ ทุบลงบนพื้นดินหรือใช้ไม้ตีเบา ๆ ก็แตกออกเป็นชิ้นเล็ก นำมาเทียบเคียงกับภาพคล้ายกระดูกที่ชาวบ้านเจอในกองเผานั่งยาง ลักษณะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ด้วยสีและลักษณะเป็นรู
นายน้ำ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่ร่วมการทดสอบกับทีมข่าวตั้งแต่เมื่อวาน คนที่ลงพื้นที่ไปค้นหาจนกระทั่งเจอเศษคล้ายกระดูกบริเวณกองเผานั่งยาง เปิดใจว่า ตนเองเคยนำเศษคล้ายกระดูกที่เจอในกองเผานั่งยาง มาเทียบกับกระดูกที่อยู่ในโกฐกระดูกคนตายที่ตั้งอยู่ในบ้านของตัวเอง เทียบกับเศษที่ได้มาจากกองเผานั่งยาง มีลักษณะแบน มีลวดลายเป็นเส้น ไม่เป็นรูคล้ายอิฐมวลเบา ต่างกันเล็กน้อยคือสีขาวกับสีเทา เชื่อว่าเศษคล้ายกระดูกที่เจอในกองเขานั่งยางมีความใกล้เคียงกับกระดูกที่อยู่ในโกฐคนตายที่บ้าน ดังนั้นถ้าหากจะยืนยันว่าเป็นวัตถุหรือสิ่งของอื่นก็ต้องมีคำยืนยันที่ชัดเจนจากผู้เชี่ยวชาญ
ขณะที่นักวิชาการ มองจากกายภาพเบื้องต้นของเศษกระดูกในกองเผานั่งยาง ยืนยันเบื้องต้นว่ามีความคล้ายคลึงกับอิฐมวลเบานั้น แม้ว่าอิฐมวลเบาจะถูกเผาไฟทิ้งเอาไว้ 1 คืน ไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ลักษณะของอิฐมวลเบามีลักษณะแตกง่าย เพราะเกิดจากความร้อนที่สุมทิ้ง เมื่อมองจากลักษณะกายภาพแล้วไม่มีความใกล้เคียงกับเศษคล้ายกระดูกที่ชาวบ้านเก็บมาจากกองเผานั่งยาง ตนจึงมองว่าค่อนข้างแตกต่าง และกระดูกที่พบนั้นไม่ใช่อิฐมวลเบาอย่างแน่นอน
ครอบครัวเสี่ยโกศล ไม่ได้มีปฏิบัติการค้นหาทั้งทางบกและทางทะเล เนื่องจากทางทะเลมีขึ้นลมแรงจากฤดูมรสุมในช่วงนี้ ส่วนทางบกเบาะแสเดียวที่มีการค้นหาคือกล่องเผานั่งยาง 2 กอง บริเวณแหลมซุย ล่าสุดเมื่อวานนี้ค้นหาหัวกระสุน M16 อย่างละเอียด ที่ฝังอยู่ในร่างกายของเสี่ยโกศลเหตุการณ์ถูกลอบยิงเมื่อ 20 ปีก่อน โดยรอผลการตรวจกระดูก เพื่อยืนยันว่ากระดูกดังกล่าวที่มีการเจอเป็นกระดูกของมนุษย์หรือสัตว์ ถึงวันนี้ครอบครัวยอมรับว่าค่อนข้างสิ้นหวังเกี่ยวกับเบาะแส
โดยหลังวันที่ 27 พ.ค. 64 ตามประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา มรสุมและขึ้นลมในทะเลลดลง ชาวบ้านเตรียมที่จะประสานเรือลำใหญ่ ซึ่งเป็นเรือใช้ประมง อยู่กับคลื่นทะเลได้สูงถึง 2 เมตร ที่ไม่ใช่รูปแบบเรือหางยาวที่เคยออกไปใช้ค้นหาเหมือนเช่นทุกครั้ง โดยจะย้อนกลับไปที่หมู่เกาะอ่างทอง พิกัดที่มีชาวบ้านเคยเจออวนถูกพันด้วยเสาปูนอีกครั้ง จุดดังกล่าวบริเวณความลึกที่ 30-40 เมตร เป็นระดับความลึกที่ยังไม่มีการค้นหา ชาวบ้านจะย้อนกลับไปค้นหาอีกครั้งเพื่อความสบายใจ
นางจินดาหรา วสินทรัพย์ ภรรยาของเสี่ยโกศล เปิดใจว่า ตนเองเดินทางไปที่กระทรวงยุติธรรมจังหวัด และกรมบังคับคดี เพื่อติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับการออกใบมรณบัตรของเสี่ยโกศล เนื่องจากพยานรวมถึงผู้ต้องหาบางคนมีการรับสารภาพและให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกระบุเอาไว้ในสำนวนคดีแล้ว การตายของสามีคือการตายแบบฆาตกรรม เพราะเกิดจากการถูกยิง ก่อนที่จะนำไปฝัง และซ่อนอำพรางด้วยการทิ้งกลางทะเล ทำให้ระบุชี้ชัดว่าสามีเสียชีวิตแล้ว จึงสามารถออกใบมรณบัตรได้โดยทันที
ซึ่งความจำเป็นที่ต้องใช้ใบมรณบัตร เพราะว่าต้องนำไปติดต่อเรื่องของกองทุนยุติธรรม เกี่ยวกับการตายที่จะได้รับการเยียวยาจากหน่วยงานรัฐ รวมถึงจะนำไปมอบให้กับบริษัทประกันชีวิต ซึ่งจะได้รับเงินจำนวนหนึ่ง ตนเองได้มีการทำประกันเอาไว้ให้กับเสี่ยโกศล ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวจะต้องนำมาใช้จ่ายในการออกเรือและหาเบาะแส รวมถึงออกไปหาร่างกลางทะเล ทุกครั้งที่ออกไปก็จะมีค่าใช้จ่ายค่อนข้างมาก ดังนั้นเงินประกันชีวิตที่จะนำมาใช้ก็จะเพื่อค้นหาเบาะแสของเสี่ยโกศลต่อไป แต่แม้ว่าวันนี้เบาะแสจะยังไม่ชัดเจน ยังค้นหาร่างของสามีไม่เจอ แต่ถ้าหากมรสุมและขึ้นลมในทะเลลดลง หลังจากวันที่ 27 พ.ค. ก็จะมีการออกเรือมุ่งหน้าไปที่หมู่เกาะอ่างทองอีกครั้ง เพื่อค้นหาในจุดเดิม
ส่วนกรณีที่นักวิชาการ ออกมาระบุว่าเศษคล้ายกระดูกที่เจอในกองเผานั่งยาง มีลักษณะใกล้เคียงกับอิฐมวลเบา ตนเองไม่รู้ว่าสิ่งที่เจอนั้นมีความใกล้เคียงกันหรือไม่ เพียงแค่อยากได้รับคำตอบที่ชัดเจนว่าสิ่งที่เจอนั้นคือกระดูกหรือไม่ ถ้าหากเป็นไปตามการการทดสอบของทีมข่าวนำไปทดสอบเผาไฟ อิฐมวลเบาจะมีลักษณะเป็นรู ดังนั้นถ้านำมาเทียบกับสิ่งที่เจอมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะเศษคล้ายกระดูกที่เจอมีลักษณะเป็นเส้นเป็นชั้น แต่ตนเองก็ไม่ได้มั่นใจว่าจะต้องเป็นกระดูกของสามีหรือไม่
ขณะเดียวกัน กรณีที่ผู้มีวิชาไสยศาสตร์ ระบุว่าตอนนี้ร่างของสามีถูกทวงอยู่กลางทะเล ไม่ต้องค้นหาทางบก ตนเองไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้ เพราะขณะคนที่เป็นพยานหรือผู้ต้องหาชี้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจไปค้นหายังไม่มีแนวโน้มที่จะเจอ ยังเป็นการชี้เป้ามั่วและสับขาหรอ ฉะนั้นยิ่งหมอดูออกมาพูดมันเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น ที่บอกว่าให้พี่สาวของเสี่ยโกศลเป็นคนเรียกขึ้นมาจากน้ำ ตนเองมองว่าใครเรียกก็เหมือนกัน ถ้าเทียบความรักที่เสี่ยโกศลมีให้กับคนในครอบครัว ตนเองก็เป็นภรรยาที่เสี่ยโกศลรักและห่วงใยเหมือนกัน ทำไมถึงเรียกขึ้นมาจากน้ำไม่ได้ แต่ตนเองมีความเชื่ออยู่เรื่องหนึ่งที่ตรงกับหมอไสยศาสตร์พูด คือคดีการตายนายเหม๋ มีการถ่วงทะเล มีการสะกดดวงวิญญาณ คล้ายกับการตายของสามี ดังนั้นจึงเชื่อว่ามีการประกอบพิธีดังกล่าว แต่ก็ไม่ปักใจเชื่อว่าต้องเป็นตัวของนายสุรัตน์หรือไม่
ส่วนความเคลื่อนไหวบนเฟซบุ๊กของนายจินดาหรา ภรรยาเสี่ยโกศล มีการโพสต์ข้อความและภาพคลิปบนเฟซบุ๊กว่า "วันนี้หมดเวลาของฉัน ตรงนี้มันโคตรเสียใจ ไปไวแค่ไหนได้ยิ่งดี" และภาพการค้นหาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หวังว่าจะเจอเบาะสาของสามี และมีการทำงานใช้ชีวิตต่อ หาหอยปลาหาปลากับคนงานต่อไปเพื่อเลี้ยงชีพ
ส่วนกรณีที่นางจินดาหรา ภรรยาของเสี่ยโกศล ตั้งข้อสังเกตการตายของสามี นอกจากจะถูกอุ้มฆ่าโยนทิ้งทะเล ต้องมีการทำพิธีเพื่อสะกดลงวิญญาณ หรือปิดวาจาไม่ให้สื่อสารกับคนในครอบครัวนั้น ผู้มีวิชาด้านไสยศาสตร์ในพื้นที่ อ้างตัวเองว่าเป็นคนมีของ และได้รับการติดต่อสื่อสารกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาในทะเล มีการสื่อสารกับดวงวิญญาณของเสี่ยโกศล เพื่อที่จะพาไปเจอร่างที่จมอยู่ใต้ทะเลลึก
นายดำ (นามสมมติ) ผู้มีวิชาไสยศาสตร์ เปิดเผยว่า ตนเองได้สื่อสารกับพญานาคที่ปกปักรักษาอยู่ในท้องทะเล เป็นวังบาดาล ปู่ศรีสุทโธ โดยบอกพิกัดที่ร่างของเสี่ยโกศลจมอยู่ใต้ทะเล ไม่ไกลจากหมู่เกาะอ่างทองที่ครอบครัวออกค้นหา กรณีจะเจอได้นั้นต้องมีการประกอบพิธีขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ปกปักรักษาในท้องทะเล จะต้องมีพี่สาวของเสี่ยโกศลเป็นคนเรียกให้ขึ้นมาจากน้ำ ตอนนี้ร่างของเสี่ยโกศลถูกพันด้วยผ้าใบ มัดด้วยเชือก 6 จุด คือหัว คอ หน้าอก เอว ต้นขา และเท้า จากนั้นนำเสาปูน 3 เสาประกอบซ้ายขวาและทับที่หน้า มัดด้วยโซ่เหล็กไม่ให้ร่างหลุดหรือลอยขึ้นมาจากน้ำได้ ร่างของเสี่ยโกศลมีลักษณะนอนหงายจมอยู่ในก้นทะเลลึก
ทั้งนี้ สิ่งที่ดวงวิญญาณของเสี่ยโกศลไม่สามารถบอกหรือมาเข้าฝันคนในครอบครัวได้ เพราะว่าถูกสะกดดวงวิญญาณ คาถาอาคมมีการปิดหู ปิดตา ปิดจมูก และปิดปาก ห้ามไม่ให้มองเห็นหรือสื่อสารกับใคร คาถาอาคมดังกล่าวก็คือหนึ่งในคนที่ก่อเหตุเป็นผู้มีวิชาอาคมคือนายสุรัตน์ เพราะเคยมีญาติหรือบรรพบุรุษที่เป็นร่างทรงเก่า มีวิชาอาคมเรื่องการสะกดดวงวิญญาณ หลังจากที่เสียชีวิตไปแล้วได้มีการรับขันธ์มาไว้ ทำให้มีวิชาอาคมที่สามารถสะกดดวงวิญญาณใครก็ได้ เป็นการสะกดดวงวิญญาณก่อนที่จะนำไปทิ้งทะเล
สำหรับแนวทางแก้ไข ตนเองจะต้องออกเรือไปพร้อมกับคนในครอบครัว ประกอบพิธีขอขมาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้มีการเปิดทางให้เจอร่าง จากนั้นก็จะมีการถอนคาถาอาคมที่มีการปิดวาจาหรือสะกดดวงวิญญาณของเสี่ยโกศล แนวทางไม่สามารถเปิดเผยได้มาก เพราะเป็นความลับหรือสิ่งที่พิสูจน์ไม่ได้ เชื่อว่าหากครอบครัวพร้อมแล้วติดต่อมายังตนเองออกเรือไปพร้อมกัน และมีการประกอบพิธีก็จะเจอร่างโดยทันที เพราะตนเองได้รับการติดต่อมาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วว่าร่างของเสี่ยโกศลอยู่บริเวณจุดใด
นอกจากนี้ ทีมข่าวได้พยายามติดต่อไปหานางสาวฝน ภรรยาของนายสุรัตน์ เศวตศิลป์ เจ้าตัวยังคงปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลหรือตอบประเด็นความสงสัย อ้างว่าไม่มีอะไรที่จะชี้แจงหรือพูดคุย ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย และเมื่อทีมข่าวพยายามสอบถามเกี่ยวกับการสะกดดวงวิญญาณ เพราะหมอไสยศาสตร์อ้างว่านายสุรัตน์เป็นคนเล่นของ นางสาวฝนปฏิเสธตอบคำถามอีกเช่น