จากกรณีมีคนร้ายลงมือโหดฆ่าชิงทรัพย์คุณตาวัย 88 ปี คาบ้านพักพร้อมกวาดทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 6,000 บาท และแหวนทอง 2 สลึง
วันที่ 11 ส.ค. 61 หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว ตำรวจได้ลงพื้นที่เพื่อติดตามหาตัวคนร้ายโดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายไปที่กลุ่มวัยรุ่นที่มีประวัติติดยาเสพติดและเคยก่อเหตุคดีลักทรัพย์ซึ่งจากการลงพื้นที่ในหมู่บ้านดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้นำตัวกลุ่มวัยรุ่นผู้ต้องสงสัยมาทำการสอบสวนเกือบทั้งหมดแต่ก็ไม่พบพิรุธแต่อย่างใด กระทั่งเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาในฐานะผู้ต้องสงสัยคือ นายเอ (นามสมมุติ) อายุ 19 ปี ซึ่งเป็นหลานชายของผู้ตายและบ้านอยู่ติดกันกับบ้านของผู้ตายเพราะและนายเอก็มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยเมื่อได้ทดสอบหาสารเสพติดในปัสสาวะของผู้ต้องสงสัยก็พบว่ามีสารเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 อยู่ในร่างกายเจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหาเสพยาเสพติดประเภทที่ 1 โดยผิดกฎหมาย
เมื่อตำรวจตรวจค้นที่บ้านของผู้ต้องหาพบและสามารถยึดของกลางได้จากบ้านผู้ต้องหาคือกระเป๋าสะพายของลูกสาวผู้ตายที่เก็บแหวนทองไว้และพบแหวนทองคำหนัก 2 สลึง จำนวน 1 วง บัตรผู้สูงอายุของผู้ตาย และค้อนที่ผู้ต้องหาใช่ในการลงมือฆ่าคุณตายจนเสียชีวิตซุกซ่อนไว้ใต้คานบ้าน ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาไปสอบสวนที่ สภ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ
ภายหลังการสอบสวนใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ตำรวจ เผยว่า ผู้ต้องหาได้รับสารภาพว่าได้ลงมือฆ่าคุณตาวัย 88 ปีจริง โดยวันที่เกิดเหตุนั่นผู้ต้องหาได้เดินทางเข้าไปหาผู้ตายเพื่อจะไปขอพริกคั่วเพื่อนำไปปรุงอาหาร แต่ในขณะนั้นผู้ต้องหาก็เกิดความเครียดซึ่งอาจเป็นผลมาจากอาการเสพยาเสพติด และผลมาจากการที่กำลังอารมณ์หงุดหงิดมาจากการเล่นเกมส์ มองไปเห็นค้อนที่วางอยู่บนตะกร้าภายในบ้านจึงหยิบค้อนดังกล่าว ใช้บริเวณหลังค้อนที่มีปลายแหลมทุบเข้าไปที่บริเวณด้านศีรษะด้านข้างของคุณตายซึ่งกำลังยืนดูทีวีอยู่ในขณะนั้น ก่อนที่คุณตาจะล้มลงไปนอนกับพื้นและคนร้ายก็ได้ใช้ค้อนตีเข้าไปซ้ำอีก 2-3 ครั้ง ก่อนที่คุณตาจะหมดสติ และจากนั้นผู้ต้องหาจึงหยิบเอากระเป๋าเงินของผู้ตายและกระเป๋าสะพายของลูกสาวผู้ตายที่มีแหวนอยู่หนึ่ง 1 วงก่อนที่จะรีบหลบหนีออกมาจากบ้านหลังดังกล่าว หลังจากก่อเหตุ วันรุ่งขึ้นผู้ต้องหาก็ได้นำกระเป๋าเงินของคุณตาไปโยนทิ้งที่คลองน้ำใกล้กับสวนสัตว์ อ.หัวตะพาน ซึ่งห่าจากตัวบ้านประมาณ 800 เมตรก่อนที่จะนำเงินจำนวน 1,900 บาทไปจ่ายค่างวดรถจักรยานยนต์ และกลับบ้านอย่างปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ด้าน
นางลาวัลย์ ภักดียศ อายุ 49 ปี ญาติของผู้ตาย เล่าว่า ตนไม่คิดว่าหลานชายจะเป็นผู้ก่อเหตุเพราะในคืนวันที่เกิดเหตุผู้ต้องหาก็ยังมาช่วยงานศพของตาอย่างปกติทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่อย่างใดแต่หลังผลการสอบสวนออกมา ตนและบรรดาญาติๆก็แทบไม่อยากเชื่อว่าหลานคนนี้จะทำกับคุณตาได้ลงคอเพราะคุณตาจะเป็นห่วงเป็นใยหลานคนนี้มาก เนื่องจากหลานคนนี้ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่เพราะพ่อแม่แยกทางกัน
ด้าน
พ.ต.อ.วิเชียร โชคพิพัฒน์ทวี ผกก.สภ.หัวตะพาน เผยว่า เหตุจูงใจในการฆ่านี้อาจจะมาจากการที่ครอบครัวผู้ต้องหาแตกแยกทำให้ผู้ต้องหาขาดความอบอุ่นอีกทั้งติดยาเสพติดและมีความเครียดเนื่องจากเงินที่แม่ส่งมาให้นั้นเอาไปใช้ซื้อยาเสพติดจนหมดและคิดหาทางออกไม่ได้จึงได้ลงมือฆ่าคุณตาเพื่อที่จะเอาเงินไปจ่ายค่างวดรถและซื้อยาเสพติดมาเสพ ซึ่งขณะที่กำลังควบคุมตัวผู้ต้องหาเพื่อนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพนั้นผู้ต้องหาเกิดเปลี่ยนใจไม่ยอมที่จะทำแผนเพราะเกรงว่าหากเข้าไปในบ้านทีเกิดเหตุจะถูกรุมประชาทัณฑ์ ตำรวจจึงได้ให้ผู้ต้องหามาชี้จุดที่โยนกระเป๋าเงินของผู้ตายทิ้งเพื่อเก็บหลักฐานขึ้นมาและเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและชิงทรัพย์จนทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายก่อนที่จะควบคุมตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.หัวตะพานดำเนินคดีตามกฎหมายและเตรียมตัวนำตัวผู้ต้องหาฝากขังศาลจังหวัดอำนาจเจริญต่อไป