กรณีเมื่อวันที่ 25 พ.ค. 64 กลางดึกที่ผ่านมา ร.ต.อ.สุริยันต์ เรืองนุ้ย รอง สว.สอบสวน สภ.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิต อยู่ริมถนนสายบ้านควนรา-วิภาวดี จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบผู้เสียชีวิต 1 ราย เป็นชายทราบชื่อคือ นายประเสริฐ ชูทรัพย์ อายุ 60 ปี สภาพนอนหงาย อยู่ริมถนน แต่งกายด้วยเสื้อยืดคอปกสีเหลือง นุ่งกางเกงขาสามส่วน สีเทา คาดเข็มขัดหนังสีดำ ไม่สวมรองเท้า สูงประมาณ 160 ซม. ผิวขาว ลักษณะผมบาง ใบหน้ามีแผลฉกรรจ์ ศีรษะแตกเลือดไหลนองพื้น
จากการตรวจชันสูตรในเบื้องต้น บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลถูกยิง 1 นัด กระสุนทะลุปลายคาง บนศีรษะมีรอยบาดแผลคล้ายถูกแทงด้วยเหล็กแหลม 4-5 แผล ที่ใบหน้าถูกฟันด้วยของมีคม ส่วนตามร่างกายและลำตัวไม่พบบาดแผลใด ๆ แต่ที่ขาทั้งสองข้างมีรอยมือติดคราบเลือดลักษณะถูกจับ ตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุไม่พบพยานหลักฐานใด ๆ จึงนำศพส่งนิติเวช โรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณบ้านของชาวบ้าน เลยจุดเกิดเหตุมาประมาณ 200 เมตร เวลา 22.45.39 น. มีรถต้องสงสัยขับมาจาก อ.วิภาวดี มีรถมอเตอร์ไซค์ 1 คัน ขับสวนกับรถยนต์คันดังกล่าวเวลา 22.45.52 น. และเวลา 22.45.57 น. รถคันต้องสงสัยได้ขับวนรถกลับไปทาง อ.วิภาวดี อีกครั้ง แต่ในกล้องไม่เห็นตอนที่ทิ้งศพ
วันที่ 26 พ.ค. 64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่มายังจุดเกิดเหตุ ถ.สายควนราวิภาวดี บริเวณบ้านห้วยหราย ม.2 ต.ปากฉลุย อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ลักษณะที่เกิดเหตุ เป็นถนนสองเลน ข้างทางฝั่งพบศพเป็นสวนปาล์ม ส่วนฝั่งตรงข้ามจุดพบศพมีบ้านอยู่ 1 หลัง ห่างจากจุดพบศพประมาณ 70 เมตร
บริเวณจุดเกิดเหตุพบคราบเลือดของผู้ตายติดอยู่ตามพื้นถนน แต่สีของเลือดค่อนข้างที่จะเจือจาง เนื่องจากถูกฝนตกลงมาก่อนหน้านี้ และยังพบเศษของกะโหลกศีรษะหลงเหลืออยู่ตามพื้นถนน
เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เสวียด อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี ลงพื้นที่มาหาหลักฐานเพิ่มเติมที่จุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยอื่นใด เชื่อว่าศพดังกล่าวน่าจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตมาจากที่อื่น แล้วนำร่างของผู้ตายขึ้นรถยนต์มาทิ้งยังจุดดังกล่าว
นายหนุ่ม (นามสมมติ) ชาวบ้านที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อคืนนี้กลางดึก เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเรียกตนให้ไปดูศพในที่เกิดเหตุ เมื่อตนไปถึงที่เกิดเหตุ เห็นผู้ชายนอนหงายเสียชีวิตบนถนน ลักษณะมีบาดแผลบริเวณศีรษะ มีเลือดไหลนอง เจ้าหน้าที่ได้สอบถามตนว่ารู้จักผู้ชายที่นอนเสียชีวิตดังกล่าวหรือไม่ ตนได้ตอบเจ้าหน้าที่ไปว่าตนไม่รู้จักและชายคนดังกล่าวก็ไม่ใช่คนในพื้นที่
โดยเมื่อคืนนี้ตนเองไม่ได้ยินเสียงปืน หรือเสียงคนทะเลาะกันแต่อย่างใด ตนนอนอยู่ในบ้านปกติ คิดว่าผู้ตายน่าจะถูกฆ่ามาจากที่อื่น แล้วเอาศพมาทิ้งกลางถนน เพราะถ้าเขาถูกคนร้ายก่อเหตุยิงที่จุดเจอศพ ตนจะได้ยินเสียงปืนแน่นอน และอีกอย่างที่ศพของคนตาย ตนก็ไม่พบรองเท้าอีกด้วย ทั้งนี้ ตนยังไม่ได้ยินเสียงของรถยนต์ขับมาจอดแถวจุดเกิดเหตุ หรือเสียงของสิ่งของที่หล่นตามถนน เพราะในบ้านตนนอนเปิดแอร์ เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าคนร้ายก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม เพราะศพของผู้ตายมีบาดแผลฉกรรจ์ ศีรษะก็เละ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมายังวัดหนองบัวเจริญธรรม อ.ท่าฉาง จ.สุราษฎร์ธานี สถานที่เตรียมตั้งศพของนายประเสิรฐ ชูทรัพย์ ผู้เสียชีวิต นางสาวเกศิริ จันพฤกษ์ อายุ 34 ปี ลูกสาวภรรยาคนที่ 6 ของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับพ่อของตนมีภรรยาประมาณ 9 คน และมีลูกกับภรรยาแต่ละคน 1 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด ตนเองทราบข่าวว่าพ่อเสียชีวิตประมาณ เวลา 15.00 น. ของวันนี้ ตอนที่ตนทราบข่าวยอมรับว่าตนเจ็บปวดหัวใจหนักมาก
โดยเมื่อประมาณเดือนมีนาคม พ่อของตนได้มานอนกับตนอยู่ที่บ้านประมาณ 5 วัน แล้วพ่อได้บอกกับตนว่า "เดี๋ยวพ่อจะไปเปิดร้านตัดผมที่ตลาดท่าข้าม พ่อคิดถึงลูกหลานทุกคน พ่อกลับไปครั้งนี้ เดี๋ยวพ่อจะไม่มาหาอีกแล้วนะ พ่อคิดถึงลูก พ่อขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบลูก" ตนตอบกลับพ่อว่า "พ่ออย่าพูดแบบนี้" คิดว่าสิ่งที่พ่อพูดกับตนครั้งสุดท้าย พ่อน่าจะรู้ว่าจะมีคนมาเอาคืน
เมื่อเช้าตนยังขับรถผ่านจุดเกิดเหตุ และเห็นตำรวจยืนตรวจสอบที่เกิดเหตุ ไม่คิดว่าจุดที่ตำรวจตรวจสอบนั้นจะเป็นจุดที่พบศพพ่อ กระทั่งตนมาทราบข่าวช่วงบ่ายวันนี้ ดูรูปสภาพศพของพ่อ จำใบหน้าพ่อไม่ได้ เนื่องจากศีรษะมีบาดแผลเละไปหมด แต่ตนจำได้ว่านาฬิกาที่พ่อใส่ และเสื้อที่พ่อใส่เป็นเสื้อของพ่อแน่นอน ส่วนตัวไม่ทราบปมก่อเหตุ พ่อของตนเป็นคนชอบเที่ยว หน้าตาดี เจ้าชู้ ปากหวาน ติดเหล้า ขี้เมา เวลามีเรื่องกับใครจะเอาคืนให้ได้ เวลาที่พ่อมีปัญหากับใคร พ่อจะไม่เล่าให้ใครฟัง ตนเคยขอร้องพ่อให้พ่อเลิกดื่มเหล้า แต่พ่อก็ไม่ยอมเลิก
"ตั้งแต่เกิดมา ตนไม่เคยกอดพ่อ ไม่เคยแสดงความรักต่อพ่อ ตนอยากบอกพ่อว่า รักพ่อนะ" ตนอยากฝากถึงคนร้ายว่า ถ้าคุณไม่ได้เป็นคนที่สูญเสีย คุณจะไม่รู้เลยว่าคนที่เขาสูญเสียเขารู้สึกเจ็บปวดแค่ไหน อย่างน้อยคุณไม่พอใจ คุณเดินมาบอกเขาได้ไหม และตนอยากให้คนร้ายได้รับโทษประหารชีวิต อีกทั้งคิดว่าคนก่อเหตุน่าจะไม่ต่ำกว่า 2 คน พ่อน่าจะถูกฆ่าจากที่อื่นแล้วคนร้ายนำศพมาทิ้ง
วันนี้เวลา 15.44 น. เบอร์ของนายประเสิรฐ ที่ตนบันทึกไว้ในโทรศัพท์ว่า "พ่อเพ้ง" ได้มีข้อความส่งมาว่า "สามารถติดต่อได้แล้วในขณะนี้" ซึ่งเป็นเวลาที่ตนทราบแล้วว่าพ่อเสียชีวิต จากนั้นเวลา 16.02 น. ตนได้โทรไปหาพ่อ แต่โทรไม่ติด ตนจึงคิดว่าคนร้ายน่าจะเอาโทรศัพท์ของพ่อไปด้วย
พี่ชายของผู้เสียชีวิต ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 2 ปีที่แล้วน้องชายเคยเล่าให้ตนฟังว่าเขามีปัญหาเรื่องชู้สาว และเคยเอาไม้ไปตีศีรษะคู่อริที่ จ.นครศรีธรรมราช แต่ตนไม่รู้ว่าอริของน้องชายตนเป็นใคร จากนั้นก็ไม่เห็นน้องชายมีเรื่องกับใคร สำหรับนายประเสริฐน้องชายตนเป็นคนขี้เมา พูดจาโผงผาง และน้องชายตนเป็นคนเจ้าชู้ มีภรรยาถึง 9 คน ลูกสาว 9 คน
ข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ คืนวันที่ 24 พ.ค. ก่อนเกิดเหตุ 1 คืน ผู้เสียชีวิตได้ไปดื่มเหล้ากับผู้ชายคนหนึ่งชื่อ นายวิโรจน์ มากชูทรัพย์ หรือ ธง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เชิญนายธงมาสอบปากคำช่วงเช้าของวันนี้แล้ว
นายวิโรจน์ มากชูทรัพย์ ญาติผู้ตาย เปิดใจว่า เมื่อเวลา 20.00 น. นายประเสริฐ ผู้เสียชีวิต ได้ขับรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่บ้านของตนเอง พร้อมกับถือขวดเหล้าขาวติดมือ มา 1 ขวด สภาพนายประเสริฐขณะนั้น อยู่ในอาการเมา ทีแรกตนตั้งใจจะดื่มเหล้ากับนายประเสริฐ แต่ตนเห็นว่าเขาเมาหนักแล้ว ตนจึงหาข้าวให้เขากิน และให้นายประเสิรฐนอนอยู่ในบ้าน ตลอดทั้งคืนนายประเสริฐไม่ได้เล่าปัญหาให้ตนฟังหรือปรึกษาตนแต่อย่างใด กระทั่งเวลา 06.00 น. ของวันที่ 25 พ.ค. 64 นายประเสิรฐขับรถออกจากบ้านตนไป
นายธง เล่าต่อว่า สำหรับนายประเสริฐเป็นคนนิสัยเกเร ขี้เมา พูดจาโผงผางไปนั่งบ้านใครก็ชอบหาเรื่อง จนชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่อยากให้นายประเสิรฐมานั่งที่บ้าน ส่วนเรื่องชู้สาวเวลาอยู่กับตนไม่เคยเจอ แต่ไม่รู่เวลาอยู่ที่อื่นผู้ตายจะมีปัญหาเรื่องชู้สาวหรือไม่ ตนก็พอทราบข่าวว่านายประเสิรฐมีเมียหลายคน แต่ไม่เคยเจอเมียแต่ละคนของเขา เมื่อเช้าวันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มาเชิญตัวตนเองไปให้ปากคำ เพราะว่าตนอยู่กับผู้ตายในคืนวันที่ 24 พ.ค. ตนก็ได้ให้ปากคำตำรวจไปแล้ว ตนยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตาย
ทั้งนี้ นายประเสิรฐเคยบอกกับตนว่าเป็นโรคเส้นเลือดตีบ ทำให้แขน 1 ข้างชา จากที่เคยทำงานตัดผม ก็ไม่สามารถทำได้ ตนเป็นลูกพี่ลูกน้องกับคนตาย ยอมรับว่าตนตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก เพราะจากสภาพศพของประเสริฐ คิดว่าคนร้ายก่อเหตุอย่างโหดเหี้ยม ก่อนเกิดเหตุ นายประเสริฐน่าจะดื่มเหล้ากับผู้ก่อเหตุแล้วไปพูดไม่เข้าหูเข้าตาเขาจึงโดนเขาก่อเหตุจนเสียชีวิตหรือไม่