เปิดใจ! สาวฉีดฟิลเลอร์เสริมอึ๋ม สยองเน่าไหลลงท้อง รักษาสูญเฉียดล้าน ลั่นฟ้องคลินิก (คลิป)

กรณีเพจเฟซบุ๊ก “ทนายนิด้า” โพสต์อุทาหรณ์หลังจากมีหญิงสาวรายหนึ่ง ได้เข้ามาร้องเรียนว่าเดือดร้อนหนัก หลังจากไปฉีดฟิลเลอร์เสริมหน้าอก แล้วเกิดปัญหา หน้าอกเน่า ฟิลเลอร์ไหลย้อยมาที่หน้าท้อง จนช่องท้องเน่าด้วยนั้น

วันที่ 12 ส.ค. 61 ทีมข่าวเดินทางมาที่บ้านของผู้เสียหายย่านรังสิต นางสาวฟ้า (นามสมมติ) อายุ 27 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า ตนได้ไปเสริมหน้าอกให้ใหญ่ขึ้น โดยเปิดดูรีวิวตามเว็บไซต์ ซึ่งเจอคลินิกย่านสาทร มีดาราศิลปินรีวิวเยอะ ตนจึงมองว่าเชื่อถือได้ จึงตัดสินใจเข้าไปทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก เมื่อต้นปี 2555 ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ ค่าใช้จ่าย 120,000 บาท ซึ่งแพทย์ศัลยกรรม ระบุว่า เวลาผ่านไป อาจจะมียุบบ้าง ให้มาเติมเพิ่มได้ ผ่านไป 3 เดือน ตนกลับเข้าไปที่คลินิกอีกครั้ง แพทย์จึงได้เติมเพิ่มให้หน้าอก 2 ข้างมีขนาดเท่ากัน หลังจากนั้น ผ่านไป 7 เดือน ตนเริ่มเห็นความผิดปกติ หน้าอกเล็กลง และมีน้ำไหลอยู่ในท้อง ขณะที่นอนหรือเดิน ตนจะรู้สึกว่าเหมือนคนทานน้ำเยอะ แต่สิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นอีกคือ ขณะยืนขึ้น พุงข้างช้ายเหมือนมีน้ำกองอยู่ บวมแบบผิดปกติ ซึ่งไม่มีอาการเจ็บ อักเสบ หรือเขียวช้ำ จากนั้นจึงได้กลับไปที่คลินิก จนกระทั่งแพทย์ระบุว่า ฟิลเลอร์ไหลทะลุออก ตนจึงปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางแก้ไข โดยการเจาะเอาฟิลเลอร์ออก โดยเจาะใต้ราวหน้าอกขวา และพุงซ้ายที่บวม ซึ่งมีค่าใช้จ่ายเพิ่มอีก 60,000 บาท ซึ่งแพทย์ระบุว่า สามารถเสริมด้วยชิลิโคนได้ ตนก็อยากสวย จึงตัดสินใจทำหน้าอกต่อด้วยซิลิโคน ใช้เงินอีก 100,000 บาท

จนกระทั่งต้นปี 2560 ตนมีลูกน้อง 1 คน และช่วงเดือนตุลาคมปี 2560 ตนก็มีกำหนดการคลอด โดยแพทย์ทำการผ่าตัด เปิดช่องท้องสำหรับทำคลอด แต่ขณะที่เปิดช่องท้อง แพทย์พูดกับตนว่า ในท้องผิดปกติ ไม่เหมือนคนทั่วไป เพราะมีน้ำข้นๆ อยู่มาก ตนก็ตนใจ จากนั้นแพทย์จึงตรวจสอบ จนสุดท้ายทราบว่าคือฟิลเลอร์ ที่เคยทำศัลยกรรมครั้งแรก เมื่อปี 2555 จากนั้น แพทย์ช่วยเย็บแผล ตนก็รู้สึกเป็นไข้ มีน้ำไหลในตัว แผลบวม คล้ายจะทะลักออกมา ทั้งนี้ ตนตัดสินใจติดต่อไปที่คลินิกเดิม แต่ทางคลินิกปฏิเสธจะแก้ไขให้ พร้อมบอกว่า แก้ไขนมอักเสบ แก้ที่ไหนก็ได้ ตนจึงเข้ารักษาที่โรงพยาบาล จนกระทั่งผ่านไปเกือบ 1 ปี ก็ดีขึ้น แต่ยังไม่หายทั้งหมด อีกทั้งหมดเงินไปเกือบ 700,000 บาท

อย่างไรก็ตาม นางสาวฟ้า ฝากถึงสาว ๆ ที่จะคิดไปเสริมหน้าอกโดยการศัลยกรรมว่า ให้คิดให้มาก แม้ว่าจะดูที่รีวิว หรือมีดารามาแนะนำเยอะ สุดท้ายตนก็ยังต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ ดังนั้น จึงขอให้พึงพอใจในสิ่งที่ตัวเองมี เพราะหากพลาดก็อาจจะรู้สึกเสียใจไปตลอดได้ นอกจากนี้ ตนได้มอบหมายให้ทนายความส่วนตัว ไปดำเนินการฟ้องร้องทางคดีกับคลินิกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมรวบรวมหลักฐานบิลค่ารักษาพยาบาล ใบรับรองแพทย์ สัญญาประนอมหนี้ ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญ และเตรียมยื่นร้องต่อกองปราบปราม ในวันที่ 20 ส.ค. นี้ด้วย เบื้องต้น วางแผนว่าจะฟ้องในคดีแพ่ง และคดีอาญา แม้ว่าทางคลินิกจะมีการชดใช้ค่าเสียหายบางส่วนจำนวนเงิน 150,000 บาทแล้ว แต่ตนต้องหมดเงินไปประมาณ 700,000 บาท เพื่อรักษาอาการ แต่ก็ยังไม่หายเป็นปกติ