หลังจากที่เมื่อวานนี้ (26 พ.ค.64) ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้นำเสนอข่าวของนักแสดงตลกชื่อดัง "อ่าง เถิดเทิง" ที่ชีวิตกำลังลำบากถึงขั้นต้องเปิดรับบริจาคเงิน เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้ไม่มีรายได้เข้ามา ส่วนช่วงที่โด่งดังมาก ๆ เงินเก็บต่าง ๆ ภรรยาคนแรกก็ได้เอาไปทั้งหมด
ล่าสุดวันที่ 27 พ.ค.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปหาอดีตภรรของอ่าง หลังจากสืบทราบว่า เธอมีอาชีพขายไก่ย่างอยู่ที่หน้าวัดเจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เมื่อไปถึงทีมข่าวได้เจอกับ นางปุ๋ม - พจมาน เงินบาท ภรรยาคนแรกของอ่าง และน้องเฮง - รัชชานนท์ เวชกามา ลูกชายวัย 18 ปี ของอ่าง กำลังย่างไก่ขาย
นางปุ๋ม เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนคบหากับอ่าง มาประมาณ 7 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2545-2552 ซึ่งช่วงเวลานั้นอ่าง โด่งดังมาก ได้ค่าตัววันหนึ่ง 30,000 บาท แต่ด้วยความที่เขามีนิสัยค่อนข้างฟุ่มเฟือย ทำให้ไม่มีเงินเก็บ และไม่มีทรัพย์สินอะไรเลย ส่วนสาเหตุที่ตนตัดสินใจยุติความสัมพันธ์ ทั้งที่ตอนนั้นอ่าง ยังมีชื่อเสียงโด่งดังมีรายได้เยอะมาก ๆ เพราะเขาติดอบายมุขหนักมาก ๆ ตนจึงทนไม่ไหว
แต่ตนขอยืนยันตรงนี้เลยว่า วันที่เลิกกันตนไม่ได้เอาเงินอ่างแม้แต่บาทเดียว เขาหมดตัวตั้งแต่ก่อนเลิกกันแล้ว เพราะเขาได้เงินมาก็ใช้หมดในวันนั้นบ้าง หรือเวลาฝากเงินไว้กับตน เขาก็ดึงเอาออกไปใช้ โดยใช้คำพูดแรง ๆ กับตนว่า เงินนี้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเขา และมักจะเอาเงินไปให้สาว ๆ พวกพริตตี้ เวลาที่อ่าง ออกงานอีเวนต์ตามต่างจังหวัด ซึ่งตนก็รับรู้มาตลอด เรียกว่าเขาเจ้าชู้มาก
นอกจากนั้นก็จะเอาเงินไปลงกับอบายมุข และกินเที่ยว แต่โชคดีที่เขาไม่เล่นการพนัน ส่วนเพื่อน ๆ ก็ไม่มีใครหยิบยืมเงินเขา เพราะเห็นใจร่างกายของอ่าง ที่ไม่ได้ปกติ เรื่องรถยนต์ที่อ่าง ให้สัมภาษณ์ ความจริงแล้วรถคันนั้นเก่ามาก ๆ แล้ว และมันก็เสีย เขาจึงไม่สามารถขับไปได้ โดยตอนนี้ตนได้ขายทิ้งไปแล้ว ได้เงินมาไม่กี่หมื่นบาท
นางปุ๋ม ยอมรับว่า ตนรู้สึกน้อยใจมากที่อ่าง ให้สัมภาษณ์ว่าตนเอาเงินเก็บเขาไปทั้งหมด ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง โดยตนโดนเขาใส่ร้ายออกสื่อแบบนี้มา 3 ครั้งแล้ว แต่ตนไม่เคยออกมาพูด ครั้งนี้ตนเลยอยากจะออกมาปกป้องตัวเองบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ตนไม่คิดถือโทษโกรธอ่าง เพราะเห็นใจที่ร่างกายเขาเป็นแบบนั้น แถมยังมีลูกด้วยกัน อีกอย่างเพื่อน ๆ คนรอบตัวก็เข้าใจตน แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว คนอื่น ๆ ที่ไม่เข้าใจตนก็ปล่อยวาง แล้วก็หันมามองลูก ซึ่งเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ดีมาก
ขณะที่ น้องเฮง ลูกชายของตน เขาเรียนหนังสือไม่เก่ง จึงไม่จบ ม.3 ตอนนี้ก็มาทำงานย่างไก่ช่วยตน ส่วนอ่างก็ไม่ได้ส่งเสียค่าเลี้ยงดูอะไรเลย แต่ตอนอยู่ด้วยกันเขารักลูกมาก น้องเฮงเคยบอกว่า น้อยใจมากที่พ่อไม่มาหา ได้เจอพ่อครั้งสุดท้ายก็ตอนอยู่ชั้น ป.4 คิดถึงพ่อมาก แล้วก็มีบางเวลาที่อยากไปอยู่ด้วย แต่ไม่อยากห่างแม่ เคยติดต่อพ่อไปแล้วผ่านทางเฟซบุ๊ก โทรไปหาก็เป็นภรรยาใหม่รับสาย ไม่เคยได้ยินเสียงพ่อเลย อย่างไรก็ตาม น้องเฮง ยังเคยฝากภรรยาใหม่ของพ่อว่า ให้ถามพ่อว่ามาหาบ้างได้หรือไม่ “ผมรักพ่อเสมอนะ” แต่ฝ่ายภรรยาใหม่ก็ตอบกลับมาทันทีว่า "ไม่ได้"
ทีมข่าวมีโอกาสคุยกับ “โอบะ เสียงเหน่อ” นายกสมาคมศิลปินตลก (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตนรู้จักกันตั้งแต่ “พี่อ่าง” มีภรรยาคนแรกที่ จ.ราชบุรี ถือว่าสนิทกันในระดับหนึ่ง อาจจะตอบไม่ได้ว่านิสัยใจคอจริง ๆ แล้วพี่อ่างเป็นคนอย่างไร ซึ่งเท่าที่ตนสังเกตช่วงที่ทำงานใหม่ ๆ ก็พอทราบว่า “พี่อ่าง” คือหนึ่งในตลกที่หลาย ๆ คณะต้องการตัวและให้ความสำคัญ ทำให้เขามีโอกาสได้เล่นตลกหลายคณะ
แต่เมื่อทราบว่าปัจจุบันเขาได้รับความเดือดร้อนเรื่องเงิน และความเป็นอยู่ ส่วนตัวก็เข้าใจในความลำบากของพี่อ่าง ซึ่งคาดว่าน่าจะไม่ต่างกับศิลปินตลกอีกหลายคน ฉะนั้นหากวันนี้พี่อ่างยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของสมาคมศิลปินตลก และปฏิบัติตามกฎระเบียบของสมาคม เช่น เป็นผู้ถือบัตรสมาชิกที่ผ่านการต่ออายุแล้ว แน่นอนว่าสมาคมฯ จะให้การช่วยเหลือหากสมาชิกเดือดร้อนหรือเสียชีวิต
ส่วนกระแสดราม่าที่ตีกลับ หลังจาก “พี่อ่าง” จะขอเปิดบัญชีรับบริจาคจากประชาชนนั้น ส่วนตัวมองว่า การเปิดรับบริจาคแต่ละครั้งจะต้องรู้ว่าเอาเงินไปเพื่ออะไร เพื่อส่วนรวมหรือเพื่อส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง อย่างที่พี่อ่างจะทำนั้น ตนก็ถือว่าไม่ผิดเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะไม่มีหน่วยงานหรือคนอื่นมาเกี่ยวข้อง ดังนั้นประชาชนที่จะบริจาคก็ถือเป็นสิทธิ์ของเขาเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ตนในฐานะนายกสมาคมศิลปินตลก (ประเทศไทย) ก็อยากบอกทุกคนว่า ตลกทุกคนไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด บางทีเบื้องหลังความตลกก็มีโมเมนต์ที่มีน้ำตา ฉะนั้นแล้วควรใช้ดุลยพินิจในการบริจาค ตนก็จะตรวจสอบว่าปัจจุบันบัตรสมาชิกของ “พี่อ่าง” ยังอยู่ในสมาคมหรือไม่ หากไม่ต่ออายุหรือขาดคุณสมบัติ ตนก็จะปรึกษากับบอร์ดผู้บริหาร เชื่อว่าทุกคนจะไม่ทอดทิ้งพี่อ่างแน่นอน เพราะที่ผ่านมาในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ก็แจกถุงยังชีพให้เพื่อนสมาชิกตลอด
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ลงพื้นที่ไปบ้าน "อ่าง เถิดเทิง" อีกครั้ง ที่ตั้งอยู่ซอยเอกชัย 45 แยก 10 เขตบางบอน กทม. เป็นบ้านของภรรยาคนปัจจุบัน ลักษณะบ้านเป็นเหมือนห้องเช่า แบ่งเป็นสัดส่วนจากบ้านหลังใหญ่ของญาติภรรยา
"อ่าง เถิดเทิง" ยืนยันคำเดิมว่า ส่วนตัวเดือดร้อนจริง ไม่ได้จนทิพย์ตามที่หลายคนวิจารณ์ ยอมรับว่าช่วงขาขึ้นคือช่วง พ.ศ.2546 ที่ได้เล่นภาพยนต์ อาทิ แอบคนข้างบ้าน, บุปผาราตรี 1 ถึงบุปผาราตรี 3.1 รวม ๆ แล้วรายได้จะอยู่ที่เดือนละ 300,000 บาท โดยเงินที่ได้จากการเล่นตลกและภาพยนต์ จะให้ภรรยาคนแรกเป็นคนดูแลจัดการ ตลอดระยะเวลาที่คบกันประมาณ 7 ปี ตั้งแต่ปี 2545 - 2552 เพราะตนเป็นคนอ่านหนังสือไม่ออก ส่วนตัวไม่ได้สอบถามยอดเงิน เชื่อว่าคงมีเงินเก็บที่อยู่กับเขาไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาทแน่นอน
ทั้งนี้ส่วนตัวยืนยันว่า เมื่อตนเลิกกับภรรยาคนแรก ตนก็ไม่ได้เงินจากอีกฝ่ายแม้แต่บาทเดียว และก็ไม่ได้ทักท้วงหรือทวงถาม เพราะตนก็มีลูกชายกับเขาเลยตัดสินใจยกให้เขา หลังจากนั้นก็มาเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ พร้อมรับงานโดยผ่าน "เจมส์ เชิญยิ้ม" หนึ่งในผู้ใหญ่ที่ตนนับถือ ก็มีงานเข้ามาเรื่อย ๆ แต่รายได้ไม่ถึงเดือนละ 300,000 บาทเหมือนเมื่อก่อน ทางคุณเจมส์ เขาก็จะเป็นคนดูแลเรื่องเงินด้วย ตนอยากได้อะไรก็เบิกเป็นครั้ง ๆ ทำให้ไม่ทราบว่ามีเงินเก็บที่เท่าไร จนสุดท้ายตนก็มาเจอภรรยาคนปัจจุบัน จึงเริ่มต้นชีวิตคู่นับหนึ่งใหม่โดยที่ไม่มีเงินเก็บสักบาท
ที่ผ่านมาตนไม่ได้ใช้จ่ายแบบฟุ่มเฟือยหรือสุรุ่ยสุร่าย เพราะด้วยเศรษฐกิจทำให้ตนมีงานนาน ๆ ครั้งไม่เหมือนแต่ก่อน ส่วนที่หลายคนมองว่าตนติดการพนัน ยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริง เพราะตนเล่นการพนันไม่เป็น แต่ที่ทำให้หลายคนเข้าใจผิดคิดว่าตนเล่นการพนัน อาจจะเป็นเพราะช่วงก่อนหน้านี้ตนจะรับงานเอนเตอร์เทนในบ่อนการพนัน เป็นเหมือนตัวนำโชคไปยืนข้าง ๆ นักพนัน ค่าจ้างที่ได้ก็จะอยู่ที่ 2,000 - 3,000 บาท ส่วนเรื่องสุรายืนยันว่าไม่ยุ่งเกี่ยวแน่นอน เพราะสุขภาพไม่ดีจึงไม่กล้าดื่ม