อดีตรองสารวัตรกราดยิงน้องตายสยองพร้อมเมีย ฉุนญาติชิงที่มรดก (คลิป)

จากกรณีเมื่อเวลา 06.23 น. วันที่ 3 มิ.ย. 64 ร.ต.อ.สาลี ดวงอุประ รอง สว. (สอบสวน) สภ.เมืองพิษณุโลก รับแจ้งมีเหตุยิงกันตายมีผู้เสียชีวิต 2 รายภายในบ้าน ม.4 ต.สมอแข อ.เมือง ผู้ก่อเหตุได้โทรประสานมาที่ศูนย์ฯ 191 ภ.จว.พิษณุโลก เพื่อขอมอบตัว หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับรับทราบ พร้อมประสานตำรวจวิทยาการศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 6 แพทย์เวร รพ.มหาวิทยาลัยนเรศวร

พบที่เกิดเหตุเป็นบ้านหลังใหญ่ ปลูกติดกันหลายหลัง เนื้อที่กว่า 1 ไร่ มีรั้วรอบขอบชิดพบศพชาย 1 ราย ถูกอาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงเสียชีวิตอยู่ข้างบ้าน และหลังบ้านยังพบศพผู้หญิงอีก 1 ราย ถูกยิง เลือดไหลนองกองทั่วพื้น โดยผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านซึ่งเป็นญาติพี่น้องกัน

เบื้องต้นผู้ก่อเหตุ เป็นอดีตร้อยตำรวจเกษียณอายุราชการคือ ร.ต.ท.ปรีชา สุกากิจ หรือ ดาบแอ๊ด อดีตรอง สว.สส.สภ.เมืองพิษณุโลก หรือ ใช้อาวุธปืนขนาด .38 ซุปเปอร์ ยิงนายประจบ สุกากิจ อายุ 53 ปี น้องชาย 3 นัด และยิงนางกล้วยไม้ สุกากิจ อายุ 53 ปี น้องสะใภ้ 2 นัด เสียชีวิตคาที่ คาดสาเหตุขัดแย้งเรื่องมรดก หลังก่อเหตุจึงโทรให้ตำรวจไปจับตัวเองถึงที่บ้านพัก

โดยเรื่องที่ดินปมที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่าทำให้พี่น้องฆ่ากันนั้น เดิมที่เป็นของพ่อแม่ดาบแอ๊ด ซึ่งมีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน ,คนแรกครูจิ๋ว, คนที่ 2 คือดาบแอ๊ด, คนที่ 3 นายออด, คนที่ 4 นายศักดิ์, คนที่ 5 นางกำไร, คนที่ 6 นางรินทร์ และคนที่ 7 นายประจบ หรือ อู๊ด ผู้ตาย ได้รับมอบมรดกที่ดินเป็นสัดส่วนที่อยู่รอบตัวบ้านจนครบแล้ว

ขณะที่ พล.ต.ต.ธวัช วงศ์สง่า ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า จากการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานพบว่าผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงน้องชายตัวเอง และน้องสะใภ้เสียชีวิตคาบ้านพัก สาเหตุมาจากปัญหาที่ดินมรดก ที่สะสมมายาวนาน จนกระทั่งวันนี้พยายามพูดคุยกัน แต่ไม่ลงตัว จึงเกิดบันดาลโทสะขึ้นใช้อาวุธยิง และหลังก่อเหตุเสร็จไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมอาวุธปืนของกลาง

หลังจากนี้จะมีการสอบปากคำโดยละเอียด รวบรวมพยานหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น ถึงแก่ความตายโดยใช้อาวุธปืน ซึ่งในที่เกิดเหตุพบปชอดกระสุนปืน 5 ปลอกตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุเรื่องนี้ไม่ซับช้อน

ทั้งนี้ ในส่วนของผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และไม่ยินดีที่จะเดินทางไปชี้จุด ประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ ซึ่งถือว่าเป็นสิทธิ์ และไม่กระทบต่อพยานหลักฐานที่สามารถเอาผิดและดำเนินคดีได้ โดยเฉพาะในเรื่องของการดำเนินคดี ผู้ก่อเหตุจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกษียณอายุไปแล้วก็ตาม ถือว่าเป็นตำรวจยิ่งจะต้องดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงาน

ขณะที่นายชัยสิทธิ์ (นามสมมุติ) อายุประมาณ 30 ปี หลานชาย เปิดเผยว่า ครอบครัวเป็นครัวใหญ่ บ้านพักอาศัยจะอยู่ในรั้วเดียวกันหลายหลังหลายคน อดีตเป็นครอบครัวที่รักกันมาก ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะกัน หลังมีเหตุทะเลาะกันกับอาที่เสียชีวิตปมมรดก เมื่อประมาณกลางปี 2563 ลุงได้ขู่อาว่าจะยิงอา และตัวลุงเองก็เก็บตัว มีเพียงช่วงเช้าที่ลุงจะมาออกกำลังกายวิ่งผ่านบ้านอา บ้านตนเอง โดยพกปืนไปด้วยทุกครั้ง เพราะลุงชอบปืน

ดังนั้นทุกคนรู้หมดว่าลุงเป็นคนใจร้อน ตนเองซึ่งอยู่บ้านหลังตรงกลางพอดีได้พยายามปลอบลุง ปลอบอา เพื่อเป็นคนกลางเชื่อมโยงให้ทั้งคู่คุยกันดี ๆ และห้ามปรามลุงให้ใจเย็น โดยที่อา ผู้เสียชีวิตก็รู้ตัวดี เมื่อเจอลุง อาก็จะหลบหน้าหนีห่างทันที เพื่อลดแรงปะทะกันอีก ส่วนคนในครอบครัวพยายามหาแนวทางไกล่เกลี่ยให้ดีที่สุด าช่วงนี้ก็ใกล้ช่วงเวลาที่จะเคลียร์อยู่แล้ว ตนเองก็บอกลุงว่าอย่าทำอะไร ให้ใจเย็น ๆ แต่สุดท้ายลุงก็ก่อเหตุโดยที่ไม่มีใครได้เห็นและจะสามารถห้ามได้ทัน ตนเองบ้านใกล้สุดไม่ยินเสียงวิวาทกันเลย ได้ยินแต่เสียงปืน ออกมาเห็นทั้ง 2 คนก็เสียชีวิตแล้ว

สำหรับตอนนี้ความรู้สึกตนเองซึ่งเป็นหลานคิดว่าสุดท้ายลุงกระทำผิดก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย แม้จะไม่อยากให้ลุงเข้าคุกตอนแก่ก็ตาม ขณะที่คนเสียชีวิตก็คืออา ลูกสาวอาคนเล็กก็ยังเรียนหนังสือ และโชคดีที่ลูกคนโตทำงานแล้ว แต่ทั้ง 2 คนทั้งยังกลัวและตกใจมากไม่แพ้กัน จุดนี้ก็อยากให้อาได้รับความยุติธรรมด้วย

แม้ในอนาคตวันหนึ่งที่ลุงต้องกลับมาอยู่รั้วเดียวกัน ส่วนตัวแอบกังวลเพราะมีแฟนเป็นสะใภ้ก็คงกลัวลุง แต่คนในครอบครัวคิดอย่างไรนั้นไม่รู้ แต่ก็เชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้าย ปมปัญหามีทางออกแล้ว แต่แค่ยังไม่ถึงกำหนดวันที่เคลียร์กันเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตาม ปมปัญหาเกิดจากลุงอีกคนขัดแย้งกันกับลุงแอ๊ดก่อนที่อาอู๊ดจะออกโรงปกป้อง จึงทำให้อาแอ๊ดไม่พอใจอย่างมาก