กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจพบหลักฐาน คือ เส้นผมของน้องชมพู่ 36 เส้นถูกสับ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเกี่ยวโยงกับกลุ่มความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หรือไม่
ล่าสุดวันที่ 4 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปเจอกับยายกลม ปู่ฝ้าย ผู้เฒ่าผู้แก่ประจำบ้านกกกอก เปิดเผยว่า ตนไม่รู้เหตุผลที่คนร้ายตัดเส้นผมของน้องชมพู่ เพราะในมุมของความเชื่อตั้งแต่เด็กจนอายุปูนนี้ ตนยังไม่เคยเห็นการทำพิธีโดยการใช้เส้นผมของเด็ก และไม่เคยเห็นพฤติกรรมดังกล่าวมาก่อน ตนจึงไม่รู้ว่าขั้นตอนของการทำพิธีเป็นอย่างไร เพราะคนในหมู่บ้านกกกอกที่อยู่มาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษไม่มีใครมีความเชื่อเรื่องแบบนี้
ยกเว้นว่าในระยะหลังที่มีคนต่างหมู่บ้านต่างพื้นที่เดินทางเข้ามาอาศัยอยู่ภายในหมู่บ้าน อาจร่ำเรียนวิชาหรือมีความรู้เรื่องเหล่านี้หรือไม่ ส่วนกรณีที่นายไชย์พล วิภา ได้รับการประกันตัวด้วยวงเงิน 1.8 แสนบาท ก็คงเป็นสิทธิ์ในการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม
นายจีรพันธ์ เพชรขาว หรือหมอปลา ให้ความเห็นว่า การตายของน้องชมพู่เป็นการตายแบบทรมาน สอดคล้องกับความเชื่อของโบราณ เช่น พิธีการฝังเสาหลักเมืองให้เกิดความขลัง เอาคนที่ชื่อ อิน จัน มั่น คง เกิดในวันที่แข็ง โดยขุดหลุมแล้วให้ทั้ง 4 คนลงไปในหลุม และกลบหลุมให้ตายอย่างทุกข์ทนทรมาน เพื่อให้ทั้ง 4 คน ปกปักรักษาอาณาบริเวณ
เหมือนคดีน้องชมพู่ มีคนเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ ทำให้น้องตายแบบทรมาน และตัดเส้นผมน้องอีก 36 เส้น ตัวเลขรวมกันได้ 9 หมายถึงความก้าวหน้า การปล่อยให้น้องตายอย่างทรมานเพื่อให้วิญญานเกิดความขลังและความเฮี้ยน แล้วนำเอาไปทำของไสยศาสตร์ตามความเชื่อของกลุ่มคนเหล่านั้น
โดยหลักฐานสำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้มัดตัวผู้ต้องหา คือ เส้นผมของน้องชมพู่ที่ติดไปกับลุงพล และตกอยู่ในรถลุงพล เป็นเส้นผมกลุ่มเดียวกับ 36 เส้นที่ถูกตัด/สับด้วยมีด ซึ่งพบบริเวณร่างของน้องชมพู่
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้เดินทางไปพูดคุยกับ “จิลล์ จักรพงศ์ การสมพรต” กูรูกุมารทองและเรื่องลี้ลับ กล่าวว่า การตัดหรือสับเส้นผมของน้องชมพู่ 36 เส้น คนที่ตัดน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับไสยศาสตร์ เพราะการตัดเส้นผมไม่ว่าจะตัดเป็นกระจุก หรือตัดเพียงไม่กี่เส้น ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์เป็นการสะกดดวงวิญญาณ เพื่อไม่ให้วิญญาณตามไปราวีหรือแก้แค้นผู้ที่ตัดเส้นผม รวมถึงครอบครัวของผู้ที่ตัดเส้นผม
การทำพิธีตัดเส้นผม หรืออาจจะเปลี่ยนเป็นตัดเล็บ ไม่จำเป็นต้องระบุจำนวน เพียงแค่ตัดออกมาหลังจากเสียชีวิตก็ถือว่าสำเร็จ จากนั้นก็นำปอยผมไปลอยน้ำกับกระทง เผาไฟ หรือฝังดิน ไม่นิยมเก็บเอาไว้กับตัว พร้อมท่องคาถาบางอย่าง โดยคาถาอาจมีได้หลากหลาย ตามพื้นที่ความเชื่อ ซึ่งพิธีเหล่าแบบนี้สัปเหร่อจะรู้ดี
โดยจิลล์ จักรพงศ์ ยังได้หยิบปอยผมให้ทีมข่าวดู บอกว่านี่คือตัวอย่าง โดยปอยผมนี้เป็นของหญิงสาวตายทั้งกลม ซึ่งวิญญาณยังคงมีห่วง แล้วตามกลับไปหาครอบครัว ตนจึงได้ทำพิธีตัดปอยผมจากร่างของหญิงสาวรายนี้ไว้ ซึ่งขณะนั้นทางครอบครัวยังคงเก็บร่างของหญิงสาวไว้ในโลงเย็น การตัดผมสะกดดวงวิญญาณ ไม่ใช่การสะกดดวงวิญญาณเพื่อไม่ให้ไปเกิด เพียงสะกดไม่ให้วิญญาณมายุ่งวุ่นวายกับคนตัดและครอบครัว ซึ่งจะแตกต่างจากปั้นเหน่ง ที่ใช้กะโหลกศีรษะ เพื่อสะกดดวงวิญญาณไว้ใช้งาน หรือเพิ่มเสน่ห์ให้โชคลาภ เช่น ปั้นเหน่งแม่นาค
อย่างไรก็ตาม เมื่อสังเกตพฤติกรรมของลุงพลในช่วงสาบานพร้อมกับครอบครัวของน้องชมพู่ มีเกี่ยวกับการปักธูปกลับหัว และการกินถ่าน โดยทั้ง 2 อย่างถือเป็นการแก้เคล็ดกลับร้ายให้เป็นดี แต่ถ่านที่กินจะต้องเป็น “ถ่านเผาผี” ซึ่งเป็นถ่านที่ใช้เผาศพ พร้อมท่องคาถาและอธิษฐาน “ร้ายจะกลายเป็นดี ร้ายจะเกิดก็จะไม่เกิด” และตนก็ไม่ทราบว่าลุงพลทำพิธีถูกต้องหรือไม่
หากจำกันได้ช่วงที่ นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กำลังเริ่มโด่งดังเป็นที่รักของคนเกือบทั้งประเทศ หมอดูชื่อดังอย่างซินแสเข่ง หรือ นายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ได้ออกมาทำนายโหงวเฮ้งของลุงพลว่าเป็นคนดี แต่พอลุงพล ถูกออกหมายจับตกเป็นผู้ต้องหา ทางซินแสเข่ง ก็บอกว่าเพราะโหงวเฮ้งเปลี่ยนแล้ว หลายคนตั้งคำถามว่าโหงวเฮ้งเปลี่ยนได้เหรอ
ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางไปหาซินแสเข่ง เปิดเผยว่า ถึงเวลานี้ตนก็ยังรู้สึกว่าโหงวเฮ้งของลุงพล ยังดีอยู่ เพราะรูปหน้าของเขาบ่งบอกว่ามีเสน่ห์ในตัวเอง รูปปากก็เป็นกระจับ แถมใบหูใหญ่ก็บ่งบอกว่าเป็นคนมีชื่อเสียง โดยรวมแล้วโหงวเฮ้งของลุงพล จึงมีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามและคนที่พบเห็น ทั้งนี้จะดูแต่โหงวเฮ้งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูในเรื่องของวันเดือนปีเกิดด้วย หรือหากโหงวเฮ้งดี แต่พฤติกรรมและการกระทำไม่ดี ก็จะส่งผลด้วย เพราะฉะนั้นหากโหงวเฮ้งดี แล้วทำสิ่งดี ๆ ก็จะมีแต่ความเจริญก้าวหน้า
หากสังเกตใบหูของลุงพล ไม่มีติ่ง คนจำพวกนี้จะเป็นคนดื้อรั้น เชื่อมั่นในตัวเอง และกล้าแสดงออก ประกอบกับปีเกิดของลุงพล มักจะเอาความคิดตัวเองเป็นใหญ่ เป็นคนมี 2 อารมณ์ในตัว และไม่ยอมคน รวมถึงมีอารมณ์รุนแรง อย่างไรก็ตาม ที่ตนบอกว่าโหงวเฮ้งลุงพลเปลี่ยน ตนบอกไว้ตั้งแต่ปลายปี 63 เพราะใบหน้าเริ่มตอบลง จึงแปลว่าชีวิตจะเกิดการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งรอบอายุเดินอยู่ที่ 46 และ 47 ซึ่งตรงกับบริเวณโหนกแก้มทั้ง 2 ข้าง สังเกตได้เลยว่าตอนนี้ลุงพลแก้มแห้ง แปลว่าโหงวเฮ้งของคนเปลี่ยนได้ หากไม่อยากให้โหงวเฮ้งเปลี่ยนก็ต้องดูแลตัวเอง
โดยสิ่งที่ตนพูดไว้มีคลิปวิดีโอเป็นหลักฐานว่า ตนบอกตั้งแต่ปลายปี 63 แล้วว่าลุงพลดวงเริ่มตก ชีวิตจะเริ่มแย่ขึ้น ตั้งแต่เดือนต.ต.63 เป็นต้นไป ซึ่งตนไม่ได้เพิ่งกลับคำพูดหลังลุงพลถูกออกหมายจับ สิ่งสำคัญที่สุดที่ทำให้ดวงตก เพราะลุงพลสร้างพญานาคอยู่ในเขตบ้านของตัวเอง ตามหลักของฮวงจุ้ยแล้วเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะลุงพล เกิดปีมะโรง ตามหลักของโหราศาสตร์จีน ปีมะโรงไม่ถูกกับมังกรและพญานาค
เพราะฉะนั้น หากนำพญานาคมาสร้างในบ้านของตัวเอง ก็เหมือนมีปีปะทะเกิดขึ้น ก่อให้เกิดปัญหาการแตกแยกวุ่นวายสับสน สร้างความเดือดเนื้อร้อนใจเกิดขึ้น โดยตนอยากจะบอกเป็นความรู้ให้อีกว่า ปีนักษัตรมีชงตัวเองอยู่ 4 ปี ตามหลักของโหราศาสตร์จีน คือ มะโรงไม่ถูกกับมังกรและพญานาค, มะเมียไม่ถูกกับม้า, ระกาไม่ถูกกับไก่ และกุนไม่ถูกกับหมู เพราะฉะนั้นปีนักษัตรเหล่านี้เอารูปปั้นสัตว์ดังกล่าวมาตั้งในบ้านไม่ได้เด็ดขาด