จากกรณียาย วัย 51 ปี พาหลานสาวลูกครึ่งอาหรับ อายุ 8 ขวบ เข้าแจ้งความตำรวจภูธรเมืองหนองปรือให้ดำเนินคดีกับสาววัยรุ่นเลือดร้อน ที่วิ่งไล่ตามเข้ามากระชากหัวหลานสาจนล้มลง และจับหัวฟาดพื้นในร้านสะดวกซื้อหลายครั้ง จนได้รับบาดเจ็บ พร้อมกับต่อว่าด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคาย
วันที่ 17 ส.ค. 61
นางเพ็ญศรี ศรีคง อายุ 51 ปี ยายของน้องลูกครึ่งไทย-อาหรับ วัย 8 ขวบ ที่ถูกทำร้ายร่างกายภายในร้านสะดวกซื้อ นางเพ็ญศรี เล่าว่า วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 19.00 น. ตนได้พาหลาน 3 คน ออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อหน้าบ้าน ช่วงเวลานั้นมีฝนตกลงมาจึงกางร่มเดินออกไปซื้อของกับหลาน ช่วงจังหวะที่พาหลานข้ามถนน มองเห็นรถสองแถวหยุดให้ตนและหลานข้ามถนน และมองเห็นรถจักรยานยนต์ อยู่ห่างออกไปประมาณ 30 เมตร ตนจึงตัดสินใจข้ามถนน
เมื่อข้ามถนนไปถึงหน้าร้านสะดวกซื้อ ตนได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ล้มลง ขณะนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าฝนตกถนนลื่น รถจึงล้มตามปกติ ตนจึงพาหลานไปร้านสะดวกซื้อ หลังจากนั้นไม่นาน
น.ส.พรธิดา วงษ์สุวรรณ วิ่งเข้ามาจิกหลานสาววัย 8 ขวบแล้วทุ่มลงกับพื้นจนศีรษะของหลานด้านขวาได้รับการกระทบกระเทือนจนมีอาการบวม โดยพนักงานในร้านสะดวกซื้อก็เข้ามาห้ามหญิงคนดังกล่าว ช่วงเวลานั้นตนรู้สึกตกใจและเสียใจมาก จึงหันไปถามว่า ทำไมถึงทำร้ายหลานของตนเช่นนี้ น.ส.พรธิดา คู่กรณี ตอบว่า "มึงวิ่งตัดหน้ารถ ทำให้กูเบรกรถจนล้ม แม่กูเจ็บ มึงออกไปขอโทษแม่กูเลยนะ" ตนจึงขอโทษ พร้อมบอกว่า หลานเป็นชาวต่างชาติไม่รู้ภาษาไทย หลังจากนั้น คู่กรณี ได้หันมาถามว่าตนเป็นใคร ซึ่งตนตอบไปว่า เป็นยายของเด็กกลุ่มนี้
ทันทีที่คู่กรณี ทราบว่า ตนเป็นยายของเด็ก ก็ได้พูดว่า เป็นยายภาษาอะไรทำไมไม่สอนหลาน บอกให้หลานไปขอโทษแม่กู พร้อมกับข่มขู่ว่า "กูจะเอามึงให้ตายเลย" หลังจากนั้น ตนได้พาหลานไปหาแม่คู่กรณี พร้อมกับบอกคู่กรณีว่า อย่าใส่อารมณ์แบบนี้ ถ้าแม่ได้รับบาดเจ็บให้ไปรักษาที่โรงพยาบาล ตนไม่ได้หนีไปไหน เพราะอาศัยอยู่ซอยตรงข้ามกับร้านสะดวกซื้อ ซึ่งถ้าหลานทำให้รถของแม่ของคู่กรณีล้มจริงก็ให้พาแม่ไปรักษา และสามารถเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลได้ในภายหลัง แต่คู่กรณีกลับพูดว่า "อยู่ในซอยนี้ใช่ไหม จะได้พาพวกมาถล่มและมาบุกถึงบ้านมาทำร้ายถึงบ้านเลย" และหลังจากเกิดเรื่องโดยหลานมีอาการช็อกจึงได้รีบพาหลานเข้าบ้าน
หลังจากเกิดเรื่องสำหรับคู่กรณีตนยังไม่ได้เจอตัว แต่เบื้องต้น ทราบว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้แล้ว ส่วนตัวตามนิสัยของคนไทย ถ้าหากประนีประนอมได้ก็จะอยากที่จะประนีประนอม เพราะค่าใช้จ่ายของตนที่ต้องรักษาหลานก็ค่อนข้างสูง ส่วนเรื่องนิสัยผู้ก่อเหตุที่ทำพฤติกรรมเช่นนั้น ตนอาจจะให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และหากวันเกิดเหตุคู่กรณีมาทำร้ายตน ตนจะไม่รู้สึกเสียใจจะเข้ามาตบตนก็ได้ ตนไม่มีความรู้สึกและไม่รู้จะพูดอย่างไร
ทั้งนี้ นางเพ็ญศรี รู้ว่าคู่กรณีหัวร้อนและทำรุนแรงไป ซึ่งตนรู้สึกสงสารหลาน ส่วนอาการของหลานที่ถูกทำร้าย ภายหลังเกิดเหตุถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ขณะนี้อาการทรุดตัว และมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น เนื่องจากสมองบวม เพราะได้รับความกระทบกระเทือนจนปวดหัวและอาเจียนไม่หยุด แพทย์วินิจฉัยจากการสแกนพบว่า บริเวณศีรษะด้านขวาของน้องมีรอยฟกช้ำ ต้องอยู่ความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดและหลานยังมีอาการนอนน้ำตาไหลตลอดเวลา รวมถึงมีอาการผวากลัวคนจะเข้ามาทำร้าย
น.ส.พัชราภรณ์ สุทธิประภา อายุ 19 ปี พนักงานร้านสะดวกซื้อที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ในวันนั้น ตนเองได้ทำงานปกติอยู่ตรงแคชเชียร์กำลังคิดเงินให้ลูกค้า ได้เห็นผู้หญิงรายหนึ่งวิ่งเข้ามาภายในร้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นได้พุ่งตรงเข้าไปดึงผมเด็กลูกครึ่งวัย 8 ขวบ และมีการทำร้ายร่างกายเด็ก โดยเห็นว่าผู้ปกครองของเด็กที่มาด้วยต่างรู้สึกตกใจ ซึ่งในช่วงจังหวะเวลาที่ผู้ก่อเหตุกระชากหัวเด็ก ตนเองได้วิ่งออกมาเพื่อที่จะเข้าไปห้าม และตะโกนไปว่าทำเด็กทำไม ซึ่งผู้ก่อเหตุนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงตนและยังเห็นอีกว่าผู้คนที่ก่อเหตุยังยืนชี้หน้าด่าเด็กและผู้ปกครองภายในร้านสะดวกซื้อ โดยใช้วาจาในการพูดที่หยาบคายและรุนแรง
หลังจากนั้นผู้ปกครองของเด็กจึงได้พาหลานกลับบ้าน วินาทีนั้นที่ตนได้เห็นเหตุการณ์ก็รู้สึกตกใจ เพราะไปทำร้ายเด็ก ซึ่งปกติแล้วเด็กจากครอบครัวนี้ ก็จะเป็นลูกค้าภายในร้านสะดวกซื้อแห่งนี้เป็นประจำ ตนรู้สึกว่าผู้ก่อเหตุทำเกินไป เพราะผู้ก่อเหตุได้ดึงผมเด็กจนล้มลง ซึ่งเวลานั้นลูกค้าในร้านค่อนข้างเยอะและก็ต่างรู้สึกตกใจว่าทำไมต้องมาทำเด็ก มีลูกค้าหลายคนที่ยืนต่อว่ากับผู้ก่อเหตุว่าทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง
ตนเองคิดว่าเหตุการณ์ที่ทำให้ผู้ก่อเหตุเข้ามาทำร้ายร่างกายเด็ก 8 ขวบ เกิดจากในช่วงที่เด็กและผู้ปกครองกำลังข้ามถนน อาจจะไปตัดหน้ารถของหญิงผู้ก่อเหตุทำให้รถล้มลง จึงโมโหและเข้ามาทำร้ายร่างกายเด็กภายในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งในชีวิตการทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ ตนเองไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้ ตนเองรู้สึกว่ามันเกินไป ทั้งคำพูด ทั้งท่าทาง รู้สึกหยาบคายไปทั้งหมด
ด้าน
ร.ต.อ.โรมรัน ศรีไกรภักดิ์ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหนองปรือ เปิดเผยว่าได้เรียกตัวน.ส.พรธิดา วงศ์สุวรรณ ผู้ก่อเหตุ และผู้เป็นแม่มาสอบปากคำ พร้อมแจ้งข้อกล่าวหากับน.ส.พรธิดา ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนที่จะอนุญาตปล่อยตัวกลับ และจะเรียกตัวมาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง หากตำรวจทราบผลการตรวจร่างกายของเด็กอย่างละเอียด ก็จะนำไปประกอบสำนวนคดี หากมีอาการรุนแรงถึงขั้นเป็นอันตรายจะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมกับผู้ต้องหาต่อไป