กรณีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 บนเขาภูเหล็กไฟ หลังจากนั้นทนายตั้ม ได้พาลุงพลเข้ามามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกคุมตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม และศาลได้ให้ประกันตัว 1.8 แสนบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 6 มิ.ย.64 นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ทนายความของลุงพล ได้ไลฟ์สดผ่านยูทูบ เล่าเหตุการณ์ว่า ตนทราบว่าจะมีการออกหมายจับ และเคยยื่นคำร้องต่อศาลมาแล้วว่า หากมีการออกหมายจับจะต้องไต่สวนก่อน แต่ทุกอย่างก็เงียบไป กระทั่งก่อนวันที่ 1 พ.ค.64 ตนได้คุยกับลุงพล ให้ลุงพลมาหาที่บ้าน และคุยกันว่าจะต้องไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะ ผบ.ตร. เป็นคนดูแลเรื่องดังกล่าว และไม่ใช่เรื่องที่แปลกที่ลุงพลจะไปมอบตัวที่นั้น ซึ่งตนได้ติดต่อไปที่ทางโฆษก ตร. ก่อนจะเข้าไปมอบตัวแล้ว และท่านก็บอกว่าเข้ามาเลยจะไม่มีการดักจับกลางทางแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะเข้ามอบตัวมีท่านผู้การโทรฯ มาบอกว่า ไม่สามารถมอบตัวที่ สตช.ได้ เนื่องจากเป็นนโยบายของ ผบ.ตร. ให้ไปมอบตัวที่ สน.ปทุมวัน แต่มีคนแจ้งว่าทาง สน.มีการเตรียมกำลังตำรวจไว้เรียบร้อบแล้ว ตนจึงตัดสินใจพาลุงผลไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สุดท้ายผิดคิวลุงพลเข้าไปยังห้องโถงกลางและอยู่กับทาง ผบ.ตร. ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้แอบไป เพราะเข้าไปมอบตัวตามที่แจ้งไว้ แต่ก็ถูกตำรวจท่านหนึ่งใช้อำนาจจับกุมทั้งที่กำลังเข้ามอบตัวแล้ว
ทนายตั้ม" ยังท้า นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อธิบดีอัยการสำนักงานอาญาธนบุรี วางเงินคดีลุงพลอีกด้วย นอกจากนี้ ทนายตั้ม ยังแชร์ลิงก์ข่าว ของสำนักข่าวไทยโพสต์ หัวข้อข่าวระบุว่า 'นวย'ทนไม่ได้ดักคอ'กมธ.ฯ'โดนทนายดังยืมมือขอดูหลักฐานคดีลุงพล โดยทนายตั้ม ระบุข้อความว่า "พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน น่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อนไปเยอะเลยนะครับ ใครจะเอาสำนวนสอบสวนไปให้คณะกรรมาธิการดู เพิ่งจะเห็นท่านเองเป็นคนเปิดประเด็นมา เรื่องนี้จะมีการเรียกตำรวจมาสอบเกี่ยวกับการออกหมายจับ และการจับที่ผมมองว่าเป็นการเกินกว่าเหตุ ไม่มีใครอยากรู้สำนวนการสอบสวนเลย เพราะถึงแม้ไม่ต้องเปิดก็เดาได้แล้วว่าพยานสอบมาหลายร้อยปาก พอถึงศาลรับรองตัดเหลือไม่ถึง 30 ปาก
ส่วนเรื่องสำนวนการสอบสวน ถ้าผมอยากจะทราบจริง ๆ รอได้ครับ ตอนนี้กระบวนพิจารณาในศาลเขาให้เปิดพยานหมดแล้ว จะจู่โจมพยานแบบสมัยท่านยังรับราชการไม่ได้ ตอนนี้กฎหมายอัปเดตไปเยอะแล้วครับ ลุ้นคดีนี้ให้ฟ้องให้ได้ก่อน ถ้าถึงศาลจะมีวันนัดพร้อมสอบคำให้การ และวันตรวจพยานหลักฐานครับ พอถึงวันนั้นผมก็จะทราบล่ะว่า สำนวนแน่นหนา หรือไม่มีอะไรในกอไผ่เลย"
พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน กรรมการปฎิรูปประเทศ ด้านกระบวนการยุติธรรม ระบุว่า "ถ้าหากผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและพนักงานสอบสวน นำพยานหลักฐานไปชี้แจงต่อ กรรมาธิการ ตามคำร้องของทนายลุงพลแล้วละก็ จะกลายเป็นการไปเปิดถ้วยไฮโลให้ทนายลุงพลแทง ก็เท่านั้นเอง"
พล.ต.ท.อำนวย ระบุด้วยว่า "แล้วความเป็นธรรมจะอยู่ตรงไหน? คู่กรณีจะเสียความเป็นธรรมหรือไม่?"
"พนักงานสอบสวน รวมถึงตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเอง ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนทั่วราชอาณาจักร จะมีความผิดฐานนำความลับในสำนวนไปเปิดเผยหรือไม่? ช่วยแยกกันให้ออกนะครับ"
นอกจากนี้ "อุ๊บ วิริยะ" ยังโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า "มีอัศวิน ขี่ม้าขาว มาช่วยพ่อแม่น้องชมพู่แล้วครับ มวยถูกคู่ มันแน่งานนี้ รอประกาศเป็นทางการ" เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ต่างมีผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก
ทีมข่าวอมรินทร์ คุยกับ "อุ๊บ วิริยะ" นักปั้นมือทอง เปิดเผยว่า กรณีที่ตนโพสต์นั้นความเป็นจริงตนยังไม่อยากเปิดเผย ซึ่งอัศวินขี่ม้าขาวคนดังกล่าวที่ตนกล่าวถึง คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ที่นิสัยดีและมีผลงานค่อนข้างมาก พร้อมทั้งทีมงานเก่ง ๆ ที่เกิดความสงสารในตัวของแม่น้องชมพู่ จึงอยากยื่นมือเข้ามาช่วยโดยที่ไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น จากที่ตนได้พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญดังกล่าว ตนก็รู้สึกว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะครอบครัวน้องชมพู่กำลังโดดเดียว
ก่อนหน้านี้ตนก็ได้แต่อธิษฐานจิตว่า ขอให้มีผู้ใหญ่ใจดียื่นมือเข้าช่วยครอบครัวน้องชมพู่ ปรากฏว่าก็มีจริง ๆ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรายดังกล่าว ติดต่อพูดคุยกับแม่ของน้องชมพู่เรียบร้อยแล้ว และจะลงไปแถลงข่าวในวันที่ 9 มิ.ย.64 ที่บ้านกกกอก ในส่วนของตนก็จะไปบ้านกกกอกในวันพรุ่งนี้ (7 มิ.ย.64) เช่นกันเพื่อรองานแถลงข่าวที่จะถึง นอกจากนี้ ก็อาจจะมีทีมงานของหมอปลา และแฟนคลับของพ่อแม่น้องชมพู่ รวมไปถึงพยานทั้งหลายไปร่วมด้วย ซึ่งตนมองว่าทางผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายรายดังกล่าว เป็นมวยถูกคู่ที่สามารถฟาดคู่กรณีของแม่น้องชมพูได้อย่างแน่นอน
ทนายพัฒน์ ทนายความชื่อดังที่เคยช่วยว่าความให้เมียหลวง ที่ไลฟ์สดถือใบทะเบียนสมรสกลางงานแต่งงานของสามีตำรวจ ได้ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ทำไมแม่น้องชมพูไม่มีทนายความยืนเคียงข้าง มันไม่แฟร์...”