วันที่ 7 มิ.ย.64 สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน เกาหลีเหนือ ได้ออกกฎหมายใหม่เพื่อขจัดอิทธิพลต่างชาติและพฤติกรรมต่อต้านระบบสังคมนิยมภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงการห้ามดูหรือครอบครองภาพยนตร์ต่างประเทศ หรือแม้แต่การใช้คำสแลงของต่างประเทศ โดยผู้ที่ฝ่าฝืนจะมีบทลงโทษรุนแรง ตั้งแต่ปรับ จำคุก ไปจนถึงประหารชีวิต ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการกระทำผิด
ฆ่าได้เลย! "เกาหลีเหนือ" สั่งยิงคนใกล้พรมแดน 1 กม.เพื่อสกัดโควิด
สำนักข่าว The Daily NK ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์ออนไลน์ของเกาหลีใต้ ซึ่งเน้นนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับเกาหลีเหนือ รายงานอ้างอิงแหล่งขาวในเกาหลีเหนือ ว่าช่วงฤดูร้อนปีที่ผ่านมา ทางการมีความพยายามในการห้ามไม่ให้ประชาชน ย้อมผม สวมต่างหู สวมยีนส์หรือเสื้อผ้าที่มีตัวอักษาภาษาต่างประเทศ ก่อนที่ต่อมาในเดือน ธ.ค.ปีก่อน ทางการเกาหลีเหนือได้ผลักดันกฎหมายผลักดันอิทธิพลต่างชาติ เช่น เพลง ภาพยนตร์ รวมถึงคำสแลง
เมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา คิมจองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือได้ส่งหนังสือถึง สันนิบาตเยาวชน (Youth League) เรียกร้องให้ช่วยกันตัดตอน “ต้นอ่อนที่อันตรายและวัชพืชพิษ" ซึ่งหมายถึงพฤติกรรมที่พบในหมู่คนหนุ่มสาว ในการใช้คำพูด ทรงผม และเสื้อผ้าของต่างชาติ
The Daily NK รายงานว่า มีวัยรุ่นเกาหลีเหนือ 3 คนถูกส่งตัวไปยังค่ายกักกัน หลังตัดผมเหมือนไอดอลเคป็อป (K-Pop) และเย็บชายกางเกงเหนือข้อเท้า อย่างไรก็ดีสื่อต่างชาติไม่อาจตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวได้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ผู้นำคิม กำลังพยายามหยุดยั้งไม่ให้มีข้อมูลภายนอกเข้าถึงผู้คนในเกาหลีเหนือ เนื่องจากการใช้ชีวิตในประเทศนั้นกำลังยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนนับล้านกำลังหิวโหย ผู้นำคิมต้องการมั่นใจว่า ประชาชนเกาหลีเหนือยังคงได้รับโฆษณาชวนเชื่อที่รัฐสร้างขึ้นมามากกว่าจะได้เห็นวิถีชีวิตอันนำสมัยในละครของเกาหลีใต้ ประเทศเพื่อนบ้านซึ่งเป็น 1 ในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก
ในช่วงที่ผ่านมา เกาหลีเหนือถูกตัดขาดจากโลกภายนอกมากกว่าที่เคยจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากปิดพรมแดนเมื่อปีที่แล้วเพื่อรับมือกับการระบาดใหญ่ เสบียงสำคัญและการค้าจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างจีนก็เกือบจะหยุดชะงัก แม้ว่าสินค้าบางประเภทจะเริ่มผ่านพรมแดนมาได้ แต่การนำเข้าก็เกิดขึ้นอย่างจำกัด
การปิดกั้นตนเองนี้ทำให้เศรษฐกิจที่ล้มเหลวอยู่แล้วจากการนำเงินไปทุ่มในการผลิตนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเลวร้ายลงไปอีก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา คิมจองอึนเองก็ยอมรับว่า ประชาชนของเขากำลังเผชิญกับ “สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด ที่เราต้องผ่านไปให้ได้”
ขณะที่ ลีซางยง บรรณาธิการของ The Daily NK กล่าวว่า เป้าหมายของกฎหมายดังกล่าวมีเพื่อลบล้าง ความปรารถนาหรือความสนใจต่อวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของชาวเกาหลีใต้ ซึ่งอาจทำให้เกิดแนวคิดต่อต้านในหมู่คนรุ่นใหม่ได้
"เราอยากเห็นเกาหลีเหนือเปิดประเทศ ซึ่งเมื่อเห็นว่าพวกเขากลับปิดกั้นอย่างเข้มงวดและรุนแรงมากขึ้นเช่นนี้ จึงเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก" ลีกล่าว
ที่มา - businessinsider / bbc ภาพจาก AFP
“ประกาศภาวะฉุกเฉิน” ในเกาหลีเหนือ หลังพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด รายแรก
ระอุ! บึ้ม สนง.ความร่วมมือ 2 เกาหลีตามคำขู่ "น้องสาวคิม" เมินโซลส่งทูตเจรจา