จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 เวลา 20.30 น. พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิง บริเวณที่หน้าร้านน้องเจนโซ่พิสัย ม.1 ต.โซ่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลฯ จุดโซ่พิสัย พยายามยื้อชีวิต ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย อายุ 27 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.โซ่พิสัย อ.โช่พิสัย จ.บึงกาฬ
สอบสวนทราบว่าผู้ตายได้ขับรถยนต์กระบะ ยี่ห้ออีซูชุ สีขาว มากับเพื่อน 2 คน มุ่งหน้าเข้าตัวอำเภอโซ่พิสัย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบริเวณหน้าร้านน้องเจนโซ่พิสัย มีคนร้ายจำนวน 2 คน ขับรถยนต์กระบะมาจอดขวางด้านหน้า คนร้ายทั้ง 2 คนได้ลงจากรถมาหาผู้ตายกับเพื่อนที่อยู่ในรถ
ต่อมาผู้ตายได้พยายามขับรถออกไป คนร้ายจึงได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบขนาดยิงใส่จำนวน 2 นัด กระสุนถูกบริเวณหัวไหล่ด้านหลังทางขวา หลังจากก่อเหตุคนร้ายได้ขับรถหลบหนีไป ส่วนผู้ตายเสียหลักลงข้างทาง ได้ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโซ่พิสัย และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ล่าสุด วันที่ 8 มิ.ย. 64 เวลา 01.30 น. ที่ผ่านมา ตำรวจจับกุมนายพรมมา บุญเรืองนาม อายุ 46 ปีที่ ม.6 ต.โนนสว่าง อ.เมือง จ.บึงกาฬ มือปืน, นายวีระศักดิ์ ประทุมมา อายุ 37 ปี คนขับรถ ขณะจะหลบหนีเข้าอำเภอเมืองบึงกาฬ พร้อมของกลางปืน ขนาด 9 มม. พร้อมกระสุนจำนวนหนึ่ง นายพรมมารับสารภาพว่ามีความแค้นที่ผู้ตายได้จับลูกน้องที่เป็นคนขายยาบ้าหลายครั้ง เมื่อสบโอกาสจึงได้ลงมือ
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีลงพื้นที่งานศพของ ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย ภายในบ้านพัก ม.1 ต.โซ่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ บรรยากาศงานศพเป็นไปอย่างโศกเศร้า บนโลงศพได้มีธงชาติคลุมประดับไว้ และทางครอบครัวได้เชิญพระจำนวน 4 รูป มาสวดอภิธรรม
ร.ต.ต.ถนอมเกียรติ โยธาชัย รองสารวัตรสืบสวน สภ.โซ่พิสัย ชุดเดียวกับผู้ตาย พ่อของผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการช็อกและพูดไม่ประติดประต่อ เปิดเผยว่า ลูกชายมีความชื่นชอบอาชีพตำรวจและตั้งใจจะเป็นตำรวจตามพ่อ โดยที่ตนไม่เคยบังคับ กระทั่งเรียนจบ ม.6 เขาก็สอบนายสิบตำรวจ และไปประจำการ สภ.คิชฌกูฏ จ.จันทบุรี อยู่ประมาณ 5 ปี และกลับมาเป็นชุดสืบสวน สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ประมาณ 3 ปี จนถึงปัจจุบัน
ร.ต.ต.ถนอมเกียรติ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่เคยระแคะระคายมาก่อนว่าลูกชายจะตกเป็นเป้าของคนร้าย แต่ก็พยายามระวังตัวมาตลอด คนก่อเหตุอ้างว่าแค้นที่ลูกชายไปจับลูกน้องของพวกเขานั้น ตนยืนยันว่าพวกเราทำงานเป็นตำรวจ ก็ตามจับคนที่ทำผิดกฎหมาย ปราบปรามยาเสพติด ไม่ได้เจาะจงว่าจะจับลูกน้องของใคร ตนไม่ทราบรายละเอียดเลยว่าคนร้ายดักกลางทางหรืออย่างไร ไม่รู้ว่าพวกเขาวางแผนมาหรือไม่ รวมถึงตนก็ไม่รู้จักนายพรมมามาก่อน ยอมรับว่ายังทำใจไม่ได้ แต่ไม่อยากจะร้องไห้เพราะคนในครอบครัวต่างเสียใจ ตนก็ไม่อยากแสดงความอ่อนแอ ถ้าตนเลือกได้ อยากให้คนร้ายจ้องตนดีกว่าจ้องทำร้ายลูกชาย และเมื่อจับคนร้ายได้ ตนก็ยินดีที่จะให้เขาเข้ามาขอขมาศพ
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยเตรียมใจมาก่อนว่าจะต้องเสียลูกชายไปอย่างนี้ แต่ก็คงจะถึงคราวเสียชีวิตของลูกชาย แต่ก็ไม่อยู่จะรั้งเขาไว้อย่างไร
นายบอย (นามสมมติ) คนที่นั่งอยู่ในรถกับ ส.ต.อ.โยธกานต์ ช่วงที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ตนกับ ส.ต.อ.โยธกานต์ หรือ นุ๊กเกอร์ เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เด็ก ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ ตนได้ขอให้เขาพาไปหักขับรถกระบะ รถคันที่เกิดเหตุก็เป็นรถของตน และเวลาประมาณ 20.00 น. ขณะที่กำลังขับรถกลับ ก็มีรถกระบะโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ทอง ขับมาจอดดักหน้า และมีชาย 2 คนลงมา เดินมาที่ประตูทั้ง 2 ฝั่งของรถตน ตอนนั้นตนก็ไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นใคร
หลังจากนั้นชายมีชายคนหนึ่งฝั่งประตูคนขับ ได้เอียงตัวโชว์ปืนที่เหน็บไว้ที่เอว สั่งให้พวกตนหยุด และดึงประตูฝั่งคนขับ ด้านส.ต.อ.โยธกานต์ เห็นท่าไม่ดีจึงขับรถหนี คนร้ายก็ลั่นไก 1 นัด ซึ่งกระสุนเข้าหัวไหล่ขวา ทะลุปอดและชายโครงของส.ต.อ.โยธกานต์ ขณะที่เพื่อนกำลังจะหมดสติ ตนก็พยุงเขาไว้และจับพวงมาลัย รถก็ไหลไปกว่า 300 เมตร และพุ่งชนกระถางต้นไม้ หลังจากนั้นตนก็พยายามร้องขอความช่วยเหลือ ตนก็ไม่รู้ว่าคนร้ายเป็นใคร และตนที่อยูในอาการตกใจก็ทำอะไรไม่ถูกเลย เห็นเพื่อนตายในอ้อมกอดไปต่อหน้าต่อตา แม้จะพยายามเรียกให้เขาฟื้น แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ส.ต.อ.โยธกานต์ ได้พกปืนไปแต่ก็ไม่ได้ชักออกมายิงป้องกันตัวเลย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นอะไรที่เลวร้ายกับตนมาก ภาพการเสียเพื่อนรักยังคงติดตาอยู่
นางประภาวดี โยธาชัย อายุ 54 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต อยู่ในอาการโศกเศร้า ร้องไห้และนำเสื้อเครื่องแบบและหมวกของผู้ตายมากอดอยู่ตลอดเวลา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ลูกชายมีความตั้งใจจะเป็นตำรวจตั้งแต่เด็ก เคยพยายามจะสอบนายร้อย แต่สอบไม่ติดก็ถึงกับมานั่งร้องไห้เพราะเขาอยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อ ตอนนี้ลูกชายก็พยายามเรียนให้จบปริญญาตรีเพื่อที่จะได้สอบเป็นยศนายร้อย ตอนนี้ลูกชายเป็นตำรวจมา 8-9 ปีแล้ว แต่ตนก็บอกให้ลูกคอยระวังตัวมาตลอด เพราะเขาก็ยังเป็นเด็ก และรู้ว่าในพื้นที่ อ.โซพิสัย มียาเสพติดเยอะ
ตนอยากบอกกับลูกชายว่า ลูกทำดีที่สุดแล้ว แม้ลูกจะไปไม่ถึงฝัน แต่ลูกก็ทำดีที่สุด และสำหรับคนร้ายตนก็อยากบอกเขาว่า "นอกจากเขาจะทำลายชาติ ก็ยังมาทำลายให้ครอบครัวสูญเสีย ขายยาให้เยาวชน ครอบครัวคนเสพก็เป็นทุกข์แล้ว แต่เมื่อตำรวจมาปราบปราม ก็จ้องจะทำร้ายตำรวจอีก" ตนก็อยากให้ตำรวจดำเนินคดีกับคนร้าย เพราะตนก็ทำใจไม่ได้
จากนั้นตำรวจได้ตามจับกุม นายไกรวิทย์ โทนะหงษา ซึ่งอยู่ในตอนเกิดเหตุนั้น นั่งอยู่บนรถกระบะโตโยต้าไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง กับนายฉัตรชัย ซึ่งนายไกรวิทย์ไม่มีพฤติกรรมที่ร่วมก่อเหตุ แต่เจ้าตัวถูกตำรวจจับในข้อหา "ครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาบ้าและยาไอซ์) จากการสอบสวน นายไกรวิทย์อ้างว่าเจ้าตัวกับนายฉัตรชัยกลับจากขนเฟอร์นิเจอร์ก็เห็นเหตุยิงกัน และคิดว่าคนร้ายเป็นตำรวจ นายฉัตรชัยจึงเข้าไปช่วยเหลือ ส่วนเจ้าตัวยังคงนั่งอยู่บนรถและอ้างว่าไม่เกี่ยวข้อง
นางทองยุ่น โทนะหงษา แม่ของนายไกรวิทย์ เปิดเผยว่า ตำรวจได้ตามไปจับกุมตัวลูกชายที่บ้าน เขาถูกจับเรื่องยาเสพติด และตนยืนยันว่าลูกชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร ส.ต.อ.โยธกานต์ และเมื่อคืนหลังจากเกิดเหตุเขาก็กลับมานอนบ้านตามปกติ และเจ้าตัวก็ไม่ได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนก็สอบถามจากตำรวจ เขาก็ยืนยันว่านายไกรวิทย์ไม่เกี่ยวข้องด้วย และตนก็ถามลูกแล้วว่าทำหรือไม่ แต่ลูกชายก็บอกว่าไม่ได้ร่วมก่อเหตุ
ที่ สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ตำรวจชุดสืบสวนยังคงทำงานเพื่อขยายผลการจับกุม เนื่องจากสืบทราบว่าในขณะเกิดเหตุนั้น มีรถกระบะอีกคันที่ขับประกับรถของ ส.ต.อ.โยธกานต์ ในช่วงที่ตำรวจคุมตัวนายพรมมา บุญเรืองนาม อายุ 46 ปี คนยิง มาสอบปากคำและเอาตัวกลับเข้าห้องขัง ทีมข่าวก็พยายามสอบถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เจ้าตัวก็เอาแต่เงียบ
นางก้อย (นามสมมติ) ญาติของนายพรมมา เปิดเผยว่า วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมนายพรมมา ซึ่งยังไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขามากนัก แต่ยอมรับว่าเขาอยู่ในอาการเครียด และไม่เคยรู้ว่าเขามีความเคียดแค้นอะไรกับตำรวจ รวมถึงไม่รู้มาก่อนว่าเขายุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะเขาไม่เคยแสดงอาการรุนแรงมาก่อน
ตำรวจได้คุมตัว นายวีระศักดิ์ ประทุมมา อายุ 37 ปี คนขับรถกระบะ ไปกับนายพรมมา ซึ่งระหว่างที่ถูกคุมตัวนายวีระศักดิ์ ทีมข่าวก็เข้าไปสอบถามข้อมูล แต่เจ้าตัวก็ไม่ตอบคำถามใด ๆ
ล่าสุด ตำรวจ สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ สามารถจับกุมคนร้ายที่มีส่วนพัวพันในคดีได้ทั้งหมด 5 คน แต่ละบุคคลก็ถูกแจ้งข้อหาแตกต่างกันไป โดยข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน" ได้แก่ นายพรมมา บุญเรืองนาม, นายวีระศักดิ์ ประทุมมา, นายฉัตรชัย กิ่งเพชร
พล.ต.ต.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ ให้ข้อมูลว่า แม้ว่าผู้ต้องหาบางรายจะให้การว่าไม่ได้มีเจตนาหรือร่วมขบวนการฆ่า ส.ต.อ.โยธกานต์ แต่ตำรวจก็อยู่ระหว่างการหาหลักฐานและขยายผลว่าผู้ต้องหาทั้งหมดมีการเชื่อมโยงกันหรือไม่ ขณะเดียวกันทางตำรวจก็เตรียมการทำเรื่องขอปูนบำเหน็จให้กับ ส.ต.อ.โยธกานต์ จำนวน 4 ขั้น 5 ชั้นยศ เป็น ร.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการ การปูนบำเหน็จอยู่ที่ 1,920,000 บาท