กรณีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ เมื่อวันที่ 11 พ.ค.63 บนเขาภูเหล็กไฟ หลังจากนั้นทนายตั้ม ได้พาลุงพลเข้ามามอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และถูกคุมตัวไปลงบันทึกประจำวันที่ สน.ปทุมวัน ก่อนจะส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.กกตูม และศาลได้ให้ประกันตัว 1.8 แสนบาท ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 8 มิ.ย.64 บรรยากาศช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่บ้านนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ยังคงมีกลุ่มยูทูเบอร์ และชาวบ้านใช้ชีวิตกันตามปกติ
กระทั่งเวลา 10.30 น. นายไชย์พล ออกมาให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานี ว่า ทุกครั้งก่อนที่ตนจะออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน จะต้องได้รับการอนุญาตจากทนายตั้ม แล้วจะต้องมีการพูดคุยถึงประเด็นที่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ โดยจะกำหนดขอบเขตเอาไว้ เพื่อไม่ให้กระทบคนอื่นหรือกระทบคำสั่งศาล
ในวันนี้ตนจะเดินทางไปเจอกับทนายตั้ม เพื่อเตรียมเข้าพบ นายสิระ เจนจาคะ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน และจะนำเอกสารที่ไปขอคัดสำเนาจากศาลจังหวัดมุกดาหาร ไปมอบให้กับทนายตั้ม โดยเอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารลับ ส่วนตัวเชื่อว่าเอกสารชุดนี้ที่นำลงไปกรุงเทพฯ จะไม่ใช่เอกสารที่เอาผิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมหรือออกหมายจับ แต่เป็นเรื่องกันคุ้มครองสิทธิ์อะไรบางอย่าง
ส่วนกระแสที่ถูกเปิดเผยว่า การลงไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้ของนายไชย์พล อาจไม่ได้เข้าพบ นายสิระ เหมือนเช่นทุกครั้ง นายไชย์พล บอกว่า ตนไม่ได้มีความกังวลอะไร หากจะเป็นหนึ่งในชุดทำงานของกรรมาธิการ ตนก็ยินดี เพราะอย่างไรก็คือชุดทำงานเดียวกัน เชื่อว่านายสิระ ก็คงจัดคนที่เหมาะสมมารับเรื่องและรับฟังปัญหา ตนเชื่อว่าทนายตั้ม คงจะนัดแนะและประสานงานเอาไว้เบื้องต้นแล้ว เพราะที่ผ่านมาตนเคยเข้าพบกับนายสิระ มาแล้ว 2 ครั้ง รู้ว่าท่านมีความเป็นกันเองและอัธยาศัยดี คาดว่าจะสามารถให้ความเป็นธรรมได้
กรณีที่มีบุคคลหลายส่วน เช่น พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมโน ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ ตั้งข้อสังเกตว่าตนและทนายตั้มจะเข้ากรุงเทพฯ อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหวังผลประโยชน์บางอย่างนั้น เรื่องนี้ส่วนตัวไม่ทราบ ส่วนเรื่องที่ทนายตั้ม ตั้งข้อสังเกตว่าเครื่องซินโครตรอน ที่ใช้ในการสืบคดีของน้องชมพู่ เป็นเคสแรกของประเทศไทย และบอกว่าตนเป็นหนูทดลอง ตนไม่ทราบเรื่องนี้ ตนไม่เข้าใจเกี่ยวกับเครื่องดังกล่าว แล้วตอบไม่ได้ว่าเป็นหนูทดลองหรือไม่ และไม่เข้าใจในสิ่งที่ทนายตั้มโพสต์ ตนก็ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องดังกล่าว จึงไม่สามารถตอบได้ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด และกรณีที่นักวิชาการบางส่วนให้ความเห็นที่แตกต่างกันว่าเครื่องซินโครตรอน มีความน่าเชื่อถือมาน้อยเพียงใดนั้น ส่วนตัวไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องความเห็นทางวิชาการ
นายไชย์พล กล่าวด้วยว่า ตนขอไม่แสดงความเห็นและไม่ก้าวก่ายว่าเป็นการเปิดศึกของทนายความ 2 ฝั่ง เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวของแต่ละบุคคล แต่ตนเชื่อว่าคงไม่ถึงขั้นเปิดศึกระหว่างทนายความ เพราะทนายทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง ตนยังเชื่อมั่นการทำงานของทนายแต่ละคนว่ามีความตรงไปตรงมา ตนมีเพียงแค่ข้าวสาร ทนายตั้มก็คงไม่ได้มาตกถังข้าวสารบ้านตน แต่เรื่องค่าตอบแทนก็เป็นเรื่องที่คุยกับทนายโดยตรง ขอไม่เปิดเผยถึงตัวเลขดังกล่าว
ขณะเดียวกันในวันนี้ อุ๊บ วิริยะ และคนสนิทบางคน เดินทางมาหมู่บ้านกกกอก ส่วนตัวขอไม่แสดงความคิดเห็น และความกังวลใจเรื่องพระเอกขี่ม้าขาว ตนก็ไม่รู้ว่าคืออะไร กรณีที่ถูกตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับปู่มหามุนี ที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการให้สัมภาษณ์แต่ละครั้ง และถูกมองว่าเป็นองครักษ์ตนนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับตนโดยตรง และไม่ได้เกี่ยวข้องกับทนายตั้ม ปู่มหามุนีมาเพื่อขายสินค้า ตนไม่ได้สั่งให้เขามาติดตาม หรือกำกับดูแลอะไรเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสมัครใจของแต่ละคน และไม่เคยมอบหมายหน้าที่อะไรให้ทำเป็นพิเศษ มีเพียงแค่ทนายที่แต่งตั้งขึ้นมาดูในแต่ละคดี
อย่างไรก็ตาม การเดินทางเข้ากรุงเทพมหานครของตนในวันนี้ จะมีกลุ่มยูทูเบอร์ บางส่วน เดินทางเข้ากรุงเทพพร้อมกัน ซึ่งคาดว่าจะมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 8 คน โดยแต่ละคนที่เข้าไปก็ไม่ได้เลือกที่ความสนิท แต่เกิดจากความสมัครใจของแต่ละคน
กระทั่งเวลา 12.00 น. นายไชย์พล ได้ขึ้นรถกระบะส่วนตัว ออกจากบ้านที่กกกอก ไปพร้อมกับ นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น ซึ่งมียูทูเบอร์บางส่วนที่ไม่ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ ยืนส่งที่หน้าบ้าน และตอนที่ป้าแต๋นขึ้นรถนั้น สังเกตว่า มีตาชาญ หลาบโพธิ์ มายืนส่งขึ้นรถ จากนั้นรถกระบะลุงพลก็ออกจากหน้าบ้าน มุ่งหน้าไปขึ้นเครื่องที่สนามบินอุดรธานี ไฟล์บินเวลา 17.00 น.
ทีมข่าวอมรินทร์ เดินทางไปยังสนามบินดอนเมือง เพื่อพูดคุยกับลุงพล หลังเดินทางมาจากสนามบินอุดรธานี เพื่อรอทำภารกิจในวันที่ 9 มิ.ย.64 ซึ่งจากการสังเกตลุงพล ป้าแต๋น ไม่ได้มีท่าทีวิตกกังวลแต่อย่างใด
นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล กล่าว่า ในวันนี้ที่ตนเดินทางมากรุงเทพฯ เนื่องจากจะมารอพบทนายษิทธา หรือ ทนายตั้ม ในเรื่องของคดีความ พร้อมทั้งจะขอเข้าพบนายสิระ เจนจาคะ แต่ส่วนรายละเอียดในการเข้าพบนั้น ตนขอยังไม่ให้ให้สัมภาษณ์ใด ๆ เนื่องจากรายละเอียดทั้งหมดอยู่ที่ทนายตั้ม ส่วนในเรื่องเอกสาร ตนไม่ได้เตรียมอะไรมาเยอะ ส่วนใหญ่จะเอามาแต่ตัวกับหัวใจ อย่างไรก็ตาม หากสื่อต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ให้รอสอบถามกับทนายตั้ม ตามเวลาที่ได้นัดหมายไว้
ส่วนกรณีกระแสข่าว ที่ฝั่งของแม่น้องชมพู่ จะมีทนายเข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของคดีความนั้น ในส่วนนี้ตนไม่ทราบรายละเอียดอะไร ซึ่งตนก็ไม่ขอพูดพาดพิงถึงใคร นอกจากเรื่องของตน สุดท้ายนี้ความรู้สึกหรือความกังวลเกี่ยวกับเรื่องคดี ตนก็รู้สึกปกติ ไม่ได้มีความวิตกกังวลอะไร ตนก็ขออนุญาตให้ข้อมูลผ่านสื่อได้เพียงเท่านี้