วันที่ 8 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากครอบครัวหนึ่งว่าลูกชายซึ่งกำลังศึกษาอยู่สถาบันชื่อดังในกรุงเทพฯ ถูกรุ่นพี่สถาบันเดียวกันทำร้ายร่างกาย จนเกิดอาการช็อกถูกหามส่งโรงพยาบาล รักษาตัวอยู่ 8 วัน สุดท้ายเสียชีวิต ล่าสุดครอบครัวได้นำร่างกลับมาประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลที่ ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดแล้วนั้น
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านหมู่ 3 ต.หนองกี่ อ.หนองกี่ สถานที่ตั้งศพของนายวีรพัฒน์ ตามกลาง หรือ ปลื้ม อายุ 22 ปี ปัจจุบันเรียนคณะวิศกรรมโยธา อุเทนถวาย รุ่น 89 เขตปทุมวันกรุงเทพฯ
นางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี แม่ของน้องปลื้ม พร้อมด้วยนายวีรพงษ์ ตามกลาง อายุ 27 ปีพี่ชาย ได้นำคลิปภาพวงจรปิดขณะเพื่อนของน้องที่อยู่ในเหตุการณ ได้หามน้องซึ่งอยู่ในสภาพหมดสติลงมาจากอาคารคณะที่น้องเรียน เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลให้ผู้สื่อข่าวดูด้วย
นางมนัสนันท์ แม่ผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อเช้ามืดวันที่ 28 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา เพื่อนของน้องได้โทรศัพท์มาบอกว่า ลูกชายล้มจากเก้าอี้แล้วเกิดอาการชักเกร็งขณะนั่งคุยกับเพื่อนในคณะ เมื่อคืนวันที่ 27 พ.ค. และได้พากันนำตัวส่ง รพ.หัวเฉียว กรุงเทพฯ จึงรีบโทรบอกพี่ชายที่ทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ให้รีบไปดูน้องที่ รพ. แล้วแม่ก็เดินทางตามไป
เมื่อไปถึงห็นลูกชายอยู่ในห้องไอซียู ในสภาพถูกมัดมือมัดเท้าเพราะมีอาการชักเกร็ง แต่ไม่สามารถพูดคุยสื่อสารอะไรได้ เพราะใส่ท่อช่วยหายใจ ซึ่งได้นอนรักษาอยู่ที่ รพ.หัวเฉียว 5 วัน จึงขอให้ส่งตัวมารักษาที่ รพ.มหาราช ได้แค่ 3 วัน น้องก็เสียชีวิตลง เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. เวลาประมาณ 22.00 น.
โดยพบว่าอาการของน้องทรุดลงตามลำดับ ต้นจึงตัดสินใจขอย้ายน้องมารักษาต่อที่โรงพยาบาลมหาราช นครราชสีมา หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลหัวเฉียวถึง 5 วัน แต่เมื่อมารักษาที่โรงพยาบาลมหาราชเพียง 3 วัน ตอนแรกหมอบอกว่าซี่โครงซี่ที่ 3 หัก หน้าอกช้ำ ปอดติดเชื้อ จึงเชื่อว่าลูกชายน่าจะถูกทำร้ายจนเป็นเหตุให้เสียชีวิต จึงพยายามสอบถามกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ที่อยู่ในเหตุการณ์ ตอนแรกก็ไม่มีใครกล้าบอก เพราะกลัวจะไม่ปลอดภัย
กระทั่งลูกชายคนโตไปขอภาพจากกล้องวงจรปิดจึงได้หลักฐานสำคัญมา ประกอบกับมีข้อความพูดคุยในกลุ่มไลน์ว่าลูกชายถูกทำร้าย และเบื้องต้นก็มีรุ่นพี่ 6 คนมากราบขอโทษตนเอง แต่ตอนนั้นยังไม่พร้อมพูดคุย เพราะยังตกใจและเสียใจที่สูญเสียลูก แต่ขณะนี้ก็กำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อดำเนินการเอาผิดกับคนที่กระทำให้ลูกเสียชีวิตให้ถึงที่สุด และอยากวิงวอนให้ทางสถาบันออกมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ เป้าหมายของน้องตอนจบ ปวช.ที่เทคนิคนครราชสีมา เป้าหมายของน้องคืออุเทนถวาย ซึ่งตอนจบ ปวช. น้องก็เคยแอบไปสอบ แม่ก็ห้ามไว้พยายามดึงน้องให้เรียนในนครราชสีมา จนจบ ปวส.เทคนิค แต่พอน้องได้ไปฝึกงานที่แคมป์คนงานหัวทะเล แล้วไปเจอรุ่นพี่จากอุเทนถวายก็ยิ่งมาจุดประกายความฝันของน้องให้อยากไปเรียนที่อุเทนถวายอีก
ตนในฐานะคนเป็นแม่ซึ่งลูกได้เลือกแล้ว ทั้งที่ในใจกลัวมาก เพราะชื่อเสียงของอุเทนตนก็รู้ดี แต่พอลูกพูดออกมาคำหนึ่งว่า "ปลื้มคงไม่ใช่หนึ่งในนั้นหรอกแม่ สถาบันอุเทนรักกันเหมือนพี่เหมือนน้อง ที่ปลอดภัยสำหรับปลื้มคืออุเทนถวาย ปลื้มมั่นใจ" นี่คือคำพูดของลูก
แต่มาวันนี้เกิดความสูญเสีย เป็นลูกชายคนเล็กซึ่งเป็นความหวังของครอบครัว ไม่มีอะไรมาทดแทนได้กับการสูญเสียลูก เขาแค่อยากตามความฝันในการก้าวเข้าไปศึกษาที่อุเทนถวาย ซึ่งลูกชายก็ยอมรับเงื่อนไขในระบบรุ่นพี่รุ่นน้องเขายอมรับทุกอย่าง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่น้องถูกกระทำน้องถูกกระทำมาตลอด ในฐานะคนเป็นแม่อยากร้องขอความเป็นธรรมให้กับลูกชาย
นายวีรพงษ์ ตามกลาง อายุ 27 ปี พี่ชายของผู้เสียชีวิต เล่าว่า เมื่อวันที่ 27 พ.ค. 64 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 04.00 น. ตนได้รับโทรศัพท์จากแม่จากจังหวัดบุรีรัมย์ว่าให้ไปดูน้องเข้าโรงพยาบาลอาการสาหัส ที่โรงพยาบาลหัวเฉียว ซึ่งอยู่ที่จังหวัดราชบุรี จึงรีบเดินทางไปทันที เมื่อไปถึงโรงพยาบาลพบน้องชายถูกรักษาตัวที่ห้องไอซียู ด้วยอาการชักกระตุก กัดลิ้นตัวเอ งแต่ยังไม่ได้รับคำอธิบายจากหมอ กระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น. หมอออกมาแจ้งว่าน้องชายเสียชีวิตแล้ว
การเสียชีวิตของน้องชายตนติดใจมากเพราะน้องชายเป็นคนแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว จึงออกค้นหาหลักฐานด้วยตนเองกระทั่งได้ภาพจากกล้องวงจรปิด และเมื่อไปตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์ของน้องชายพบมีการสนทนา มีคนยอมรับว่าได้มีการกระทำรุนแรงเกินไประหว่างกิจกรรมเตรียมการรับน้องใหม่ จึงเชื่อว่าน้องชายน่าจะเสียชีวิตจากการถูกทำโทษอย่างแน่นอน
ล่าสุดตัวแทนของสถาบันเดินทางมาร่วมงานศพของน้องปลื้ม พร้อมเปิดเปยว่ามีผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด 12 คนในเหตุการณ์ดังกล่าว จะมีการสอบสวนเพื่อลงโทษต่อไป
นางมนัสนันท์ ตามกลาง อายุ 57 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต บอกว่า ลูกเคยบอกว่าสถาบันแห่งนี้เป็นความใฝ่ฝันของเขาตั้งแต่เด็ก ที่จะเข้าไปศึกษาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่เกี่ยวกับครูหรือสถาบัน เพราะเป็นการกระทำของตัวบุลคล อยากให้คนที่ทำผิดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ส่วนเรื่องของการรับน้อง ตนไม่อยากให้เกิดเรื่องของความรุนแรง อยากให้รักกันเหมือนพี่น้อง
ด้านนายโชติจุฑา อาจสอน นายกสมาคมศิษย์เก่าอุเทนถวาย เปิดเผยว่า สมาคมศิษย์เก่าเพิ่งจะทราบข่าวหลังจากที่เกิดเรื่องได้ 2 วัน และมีการส่งหนังสือให้หน่วยที่รับผิดชอบดำเนินการสอบสวน และลงโทษผู้กระทำผิด เบื้องต้น ทางวิทยาเขตรวมถึงกรรมการวิทยาเขตได้มีการสอบสวน และพบว่ากลุ่มนักศึกษาได้รับสารภาพ เลยลดบทลงโทษให้ขั้นหนึ่ง คือไล่ออก แต่ทางสมาคมไม่เห็นด้วย และคิดว่าควรจะลงโทษขั้นสูงสุด คือคัดชื่อออก และไม่ให้ใบผลการเรียน
อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันไม่ได้เกิดเหตุลักษณะนี้มานานแล้ว และตกใจเหมือนกันที่เกิดเรื่อง เพราะทุกฝ่ายมีการดูแลพฤติกรรมมาโดยตลอด ซึ่งหลัง ๆ มานี้จะเห็นว่ามีแต่ข่าวเกี่ยวกับนักศึกษาไปทำจิตอาสา เพื่อลบภาพที่เคยมีปัญหาออกไป ที่ผ่านมาสมาคมได้มีการสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้วิทยาเขตสามารถจัดการปัญาได้อย่างเรียบร้อย เช่น ขอกล้องวงจรปิด ให้ความสนับสนุนเต็มที่ แต่หน้าที่ของการจัดการปัญหาจริง ๆ ต้องเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารว่าทำไมถึงปล่อยให้ไปทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยงในยามวิการได้
โดยแต่ก่อนไม่เคยมีกิจกรรมรับน้อง และเพิ่งจะมีในยุคหลัง ๆ ซึ่งทางสมาคมเคยได้รับเชิญให้เข้าไปร่วมประชุม เพื่อกำหนดแนวทางการรับน้องให้เหมาะสม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่การรับน้อง แต่เป็นการทำกิจกรรมกันเองของคนกลุ่มหนึ่ง ทั้งนี้ ในฐานะศิษย์เก่ารู้สึกตกใจและเสียใจที่เกิดเหตุลักษณะนี้ เพราะทุกคนรักชื่อเสียงของอุเทนถวาย จากเหตุการณ์นี้อยากจะขอให้เป็นกรณีสุดท้าย และเป็นกรณีตัวอย่าง