จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 64 เวลา 20.30 น. พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้รับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจถูกยิง บริเวณที่หน้าร้านน้องเจนโซ่พิสัย ม.1 ต.โซ่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างศรีวิไลฯ จุดโซ่พิสัย พยายามยื้อชีวิต ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย อายุ 27 ปี ตำแหน่ง ผบ.หมู่ (ป.) สภ.โซ่พิสัย อ.โช่พิสัย จ.บึงกาฬ
ล่าสุด ตำรวจได้ดำเนินคดีกับผู้ต้องหา และแจ้งข้อหาในเบื้องต้น ซึ่งสืบสวนว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับการวางแผนฆ่า ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย แล้วนั้น
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แก๊งยาเหิมประกบยิงสายสืบดับคาที่ แม่กอดชุดร่ำไห้ เผยฝันเป็นตำรวจน้ำดีตามรอยพ่อ
วันที่ 9 มิ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่ สภ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ได้พบกับ น.ส.บิว (นามสมมติ) ภรรยาของนายฉัตรชัย ที่ถูกดำเนินคดีในข้อหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน" เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุ สามีและนายไกรวิทย์ ได้เดินทางไปขนเฟอร์นิเจอร์ไม้ที่หมู่บ้านโนนปาบะ ต.วัวตูม อ.โซ่พิสัย ขณะเดินทางกลับสามีได้รับสายจากเพื่อนว่าให้มาดูรถตำรวจปลอม ซึ่งก็คือรถของ ส.ต.อ.โยธกานต์
โดยที่สามีเองก็ไม่รู้ว่าผู้ตายอยู่ในรถคันที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุก็เจอกับรถของผู้ตาย และมีนายพรมมากับนายวีระศักดิ์ กำลังเดินลงไปก่อเหตุยิงใส่รถของ ส.ต.อ.โยธกานต์ ซึ่งสามีของตนพยายามวิ่งตามไปช่วยเหลือ เพราะในตอนนั้นคิดว่าเป็นรถตำรวจปลอม แต่ก็วิ่งตามไม่ทัน จึงได้แวะพักที่บ้านแม่ของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุไม่ไกลนัก
น.ส.บิว กล่าวต่อว่า ตนยืนยันว่าสามีไม่ได้ร่วมวางแผนฆ่า ส.ต.อ.โยธกานต์ เพราะเขาทั้งคู่รู้จักและเพื่อนเรียนมัธยมรุ่นเดียวกัน และไม่เคยบาดหมางกัน ที่ผ่านมาสามีก็ช่วยเหลืองานตำรวจและเคยทำงานร่วมกับ ส.ต.อ.โยธกานต์ มาตลอด ซึ่งวันนี้ตนได้เข้าไปเยี่ยมเขาในห้องขัง ได้พูดคุยกับเขา เขาเองก็รู้สึกเสียใจและพูดว่า "ถ้าไม่วิ่งลงไปก็คงไม่เป็นแบบนี้" เพราะนายไกรวิทย์ที่เดินทางไปด้วยกันกลับไม่โดนข้อกล่าวหา "ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไต่ตรองไว้ก่อน" เพราะในตอนเกิดเหตุนายไกรวิทย์นั่งอยู่ในรถ แต่สามีตนลงไปวิ่งบนถนน จึงเหมือนกับว่าเขาร่วมก่อเหตุด้วย
อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ญาติเตรียมเงิน 400,000 บาท เพื่อขอประกันตัวนายฉัตรชัยมาสู้คดี เพราะเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริง ๆ แต่ยอมรับว่าสามีรู้จักกับนายวีระศักดิ์ เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลกัน แต่ไม่รู้จักกับนายพรมมาผู้เป็นคนยิงแน่นอน
ต่อมาเวลา 11.00 น. พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.สมศักดิ์ คงไพบูลย์ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, พ.ต.อ.อภิศักดิ์ กรองทิพย์ ผกก.สภ.โซ่พิสัย ได้ประชุมเพื่อสรุปผลการทำงาน ซึ่งระหว่างการประชุมได้มีการพาตัวผู้ต้องหาเข้าไปสอบปากคำในห้องประชุมทีละคน ในขณะที่ตำรวจคุมตัวนายพรมมา คนยิง ทีมข่าวพยายามสอบถาม เจ้าตัวยอมเปิดเผยสั้น ๆ ว่า "ยิงเพราะไม่รู้ว่าคนในรถเป็นตำรวจ"
ขณะเดียวกัน นายฉัตรชัย กิ่งเพชร คนขับรถกระบะคันหลังก็ถูกคุมตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติม ซึ่งระหว่างที่เดินเข้ามา นายฉัตรชัย เปิดเผยว่า ในตอนเกิดเหตุนั้นวิ่งตามรถของ ส.ต.อ.โยธกานต์ เพราะได้รับแจ้งว่ารถคันดังกล่าวเป็นตำรวจปลอม
เวลา 12.00 น. หลังจากตำรวจประชุมและสอบปากคำผู้ต้องหากว่า 1 ชั่วโมง ด้าน พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. ได้ออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับคำสั่งจาก พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร. สั่งให้ตนลงพื้นที่มาดูแลคดีนี้ให้ถึงที่สุด ซึ่งจากการสอบปากคำผู้ต้องหา นายพรมมาอ้างว่าไม่รู้ว่ายิงตำรวจ ส่วนนายฉัตรชัยอ้างว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แต่ในการสืบสวนของตำรวจภาค 4 และตำรวจชุดสืบสวนจังหวักบึงกาฬ ก็ได้เบาะแสที่ดีว่าผู้ต้องหานั้นกระทำความผิดจริง แต่ไม่ว่าผู้ต้องหาจะอ้างว่าอย่างไรก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหา แต่หน้าที่ของตำรวจนั้นจะต้องหาพยานหลักฐานเพื่อมาประกอบในการเอาผู้กระทำความผิดในคดีนี้มาลงโทษ และคิดว่าในเรื่องนี้คงจะมีความจริงในไม่ช้า
พล.ต.ท.มนตรี กล่าวต่อว่า สำหรับคดีนี้มีความเกี่ยวพันกับยาเสพติด ตนจึงลงพื้นที่มาสืบสวนดูว่าผู้ค้ายาเสพติดกลุ่มแก๊งที่ก่อเหตุนั้นเป็นใคร มีเครือข่ายอย่างไร และยืนยันว่า บก.ปส. จะทำลายกลุ่มเครือข่ายยาเสพติดให้ราบเรียบไป
สำหรับนายพรมมา ผู้ต้องหาที่ยิง ส.ต.อ.โยธกานต์ นั้นมีประวัติการก่ออาชญากรรมมาอย่างโชกโชน เคยต้องโทษคดีปล้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งศาลตัดสินจำคุก 12 ปี แต่ติดจริงแค่ 4 ปี, ต้องโทษคดีฆาตกรรมในจังหวัดบึงกาฬ ศาลตัดสินจำคุก 25 ปี แต่ก็ได้ลดโทษและออกมาก่อน อีกทั้งยังมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับการค้ายาเสพติดและยังเคยต้องโทษจำคุกในคดียาเสพติดอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผบ.ตร.ได้สั่งให้ดูแลอำนวยความสะดวกครอบครัวผู้เสียชีวิตอย่างเต็มที่ สำหรับ ส.ต.อ.โยธกานต์ จะมีการทำเรื่องขอปูนบำเหน็จให้ 4 ขั้น 5 ชั้นยศ
ที่งานศพของ ส.ต.อ.โยธกานต์ โยธาชัย ซึ่งอยู่จัดขึ้นภายในบ้านพัก ม.1 ต.โซ่ อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ศพของผู้เสียชีวิตได้ถูกเคลื่อนย้ายไปผ้าพิสูจน์ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ซึ่งศพเตรียมเผาในวันที่ 12 มิ.ย. 64
นางประภาวดี โยธาชัย อายุ 54 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ตอนนี้ศพของลูกชายได้ถูกเคลื่อนย้ายไปผ่าพิสูจน์เพิ่มเติม และจะนำกลับมาสวดทำพิธีในคืนนี้ สำหรับวันนี้ตนทราบว่า ทั้ง ผบช.ปส. และ ผบก.จว.บึงกาฬ ได้ลงพื้นที่มาดูแลคดีด้วยตัวเอง ตนก็อยากจะขอบคุณท่านผู้บัญชาการที่ท่านที่ให้ความสำคัญกับลูกน้อง แม้ลูกชายของตนจะเป็นตำรวจชั้นผู้น้อย แต่ท่านก็ไม่เคยมองข้าม และตนก็อยากขอบคุณมาก
นางประภาวดี กล่าวต่อว่า ตนไม่เชื่อคำเก่าอ้างของผู้ต้องหาที่อ้างว่าไม่รู้ว่าลูกชายตนเป็นตำรวจ และตนเชื่อว่าคนร้ายจะต้องมีการวางแผนมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้ตามตัวลูกชายและก่อเหตุ อย่างไรก็ตาม ตนอยากขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่และท่านผู้บัญชาการทุกท่านที่ปูนบำเหน็จให้กับลูกชาย และรู้สึกซาบซึ้งที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ยังสงสารและเมตตาตำรวจชั้นผู้น้อยอย่างลูกชายตน
ด้านความเคลื่อนไหวเฟซบุ๊กแฟนสาวของผู้เสียชีวิต มีการแชร์โพสต์ข่าวของรายการทุบโต๊ะข่าว อมรินทร์ทีวี และตั้งแคปชั่นว่า "พลอยทรมานใจเหลือเกิน"