เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.64 สำนักงานเขตบางรัก ออกประกาศขอความร่วมมือผู้ค้าบริเวณซอยสีลม 5 (ตลาดละลายทรัพย์) ให้หยุดทำการค้าตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวันที่ 12 มิ.ย.64 เพื่อทำความสะอาด เนื่องจากตรวจพบผู้ติดเชื้อในตลาดแล้ว 310 ราย และอยู่ระหว่างรอผลอีก 7,555 ราย ซึ่งในวันที่ 11 มิ.ย.64 ณ บริเวณซอยสีลม 5 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป จะมีการตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 และตรวจคัดกรองเชิงรุก
ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่ไปยังตลาดละลายทรัพย์ ซอยสีลม 5 และได้พูดคุยกับ “นางราตรี ธนสมบัติกุล” ผอ.เขตบางรัก กล่าวชี้แจงว่า จำนวนยอดผู้ติดเชื้อ 310 รายนั้นไม่เป็นความจริง คาดว่าน่าจะเป็นการสับสนกับข้อมูลการตรวจคัดกรองในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ของวันที่ 6 มิ.ย.64 ตรวจคัดกรอง 6,394 คน พบเชื้อ 156 คน และวันที่ 7 มิ.ย.64 ตรวจคัดกรอง 6,320 คน พบเชื้อ 144 คน จึงนำตัวเลขผู้พบเชื้อทั้ง 2 วันคือ 156 + 144 กลายเป็น 300 คน และตัวเลขคลาดเคลื่อนไปที่ 310 ราย
ส่วนตัวเลข 7,555 คนนั้น ก็คาดว่าน่าจะมาจากข้อมูลของวันที่ 8 มิ.ย.64 ที่มีการตรวจคัดกรองจาก 50 เขตรวม 7,555 คน ซึ่งทั้งหมดอยู่ระหว่างรอผล แต่จริง ๆ แล้วตอนนี้ในตลาดละลายทรัพย์ มีผู้ป่วยติดเชื้อแค่ 13 คนเท่านั้น คือผู้ค้าในศูนย์อาหาร 9 ราย ผู้ค้าในตึกกรกาญจน์อีก 3 ราย และแม่ค้าแผงลอยในบริเวณตลาดอีก 1 ราย ซึ่งทั้ง 13 รายถูกส่งตัวเข้าสู่ระบบการรักษาหมดแล้ว ส่วนผู้เสี่ยงสูงก็ให้กลับไปกักกันตัวในพื้นที่เขตของแต่ละคน
สำหรับตัวเลขที่มีผู้ติดเชื้อ 13 รายนั้น ทางเขตบางรักมองว่าควรจะควบคุมการระบาดเพิ่มเติมด้วยการให้ผู้ค้าทั้งหมดกว่า 100 ร้านที่เป็นกลุ่มเสี่ยง เก็บข้าวของในวันที่ 9 มิ.ย.64 เพื่อฉีดน้ำล้างพื้นผสมน้ำยาฆ่าเชื้อ และวันที่ 11 มิ.ย.64 ตั้งแต่เวลา 09.00 น. เป็นต้นไป ก็จะมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกกับผู้ค้าในตลาดละลายทรัพย์ 200 คน
ผอ.เขตบางรัก ยอมรับว่า การตัดสินใจสั่งปิดตลาดจำนวน 3 วัน ก็รู้สึกเห็นใจผู้ค้า แต่ถ้าให้พูดถึงความเดือดร้อน ผู้ค้าก็คงเดือดร้อนแค่ 2 วัน เพราะปกติแล้ววันเสาร์ทางตลาดจะปิดอยู่แล้ว ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยก็จำเป็นต้องสั่งปิด และหากผลออกมา แล้วมีผู้ติดเชื้อเกิน 5% จากจำนวนผู้ค้าทั้งหมดก็จะสั่งปิดเพื่อทำความสะอาดอีก 3 วัน
“วันดี สันติวโรดม” อายุ 57 ปี แม่ค้าขายเครื่องดื่มผลไม้อยู่ในตลาดมากกว่า 10 ปี กล่าวยอมรับว่า เมื่อมีข่าวปลอมแบบนี้ออกมา ตนก็ได้รับความเดือนร้อน เพราะของที่ขายเป็นน้ำผลไม้สด ของทุกอย่างที่ซื้อตุนก็ได้รับความเสียหาย พูดตรง ๆ รายได้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ก็หายไปครึ่งต่อครึ่ง จากเดิมที่เคยได้เดือนละเกือบ 10,000 บาท ยังไม่ตัดทุนออก ตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่เดือนละ 2,000 กว่าบาท
ในขณะที่ตนต้องจ่ายค่าเช่าวันละ 400-500 บาท ค่าเดินทางอีกวันละ 200 บาท ค่าจอดรถชั่วโมงละ 40 บาท รวม 9 -10 ชั่วโมงก็ตก 500 บาท ไหนจะค่ากิน ค่าจิปาถะอีกจำนวนหนึ่ง เพราะฉะนั้นทุกวันนี้เครียดมาก กินยาแก้ปวดหัวไปวันละ 4 เม็ด ทำไปแค่ให้มีรายได้ผ่านแต่ละวัน ดีกว่าไม่ได้ทำก็เท่านั้น
เพราะฉะนั้น ตนจึงอยากวิงวอนก่อนที่จะนำเสนอข่าว ก็อยากให้สืบหาความจริงและไตร่ตรองข้อมูล ซึ่งเมื่อประชาชนเสพข่าวผิด ๆ ชีวิตของผู้ค้าในตลาดละลายทรัพย์ ก็ย่อมได้รับความเดือดร้อนไปด้วย ตนต้องกินยาระงับเครียดวันหนึ่ง 4 เม็ดเพื่อให้นอนหลับ ดังนั้นคนที่ปล่อยข่าวควรที่จะออกมาแสดงความรับผิดชอบ เพื่อเป็นการยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อจริงในตลาดละลายทรัพย์
ในขณะเดียวกันทีมข่าวก็มีโอกาสได้คุยกับ “สุเทพ กิตไกรกล” อายุ 68 ปี หนึ่งในผู้ค้าในตลาดซอยละลายทรัพย์ กล่าวว่า ตนขายของที่นี่มา 50 ปี ยืนยันได้ว่าที่ผู้ติดเชื้อแค่จำนวนหลักสิบเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นชาวต่างด้าว ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่าไปติดมาจากไหน และผู้ค้าทุกคนต่างก็ระวังตัวกันหนักมาก แต่ข่าวปลอมแบบนี้ ตนยอมรับว่าเสียใจและโมโหมาก ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องปล่อยข่าวทำลายผู้ค้าให้เสียหายขนาดนี้ ปกติก็ไม่ค่อยมีลูกค้าอยู่แล้ว ยิ่งมีข่าวแบบนี้ออกไปก็ยิ่งเดือดร้อนหนัก ขายไม่ได้ แล้วจะเอาอะไรมากิน
อย่างตัวเองที่เปิดร้านขายกระเป๋าหนัง ก็ต้องจ่ายค่าเช่าร้านเดือนละ 200,000 บาท ในขณะที่มีรายได้ช่วงโควิด-19 เดือนละไม่ถึง 100,000 บาท ขาดทุนย่อยยับ แล้วยิ่งถูกปิดร้านหมายความว่ารายได้แต่ละวันก็คือหายไปหมด ต่างจากเมื่อก่อนที่มีรายได้สูงถึงเดือนละเกือบ 300,000 บาท เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่แชร์ข่าวออกไป ก็อยากให้ใช้วิจารณญาณด้วย มิเช่นนั้นผู้ค้าในตลาดจะเสียหาย
