เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.64 นางสาวิตรี วงศ์ศรีชา ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ติดต่อมาหาตนอีกครั้ง หลังมีคนให้ความช่วยเหลือสนับสนุนการขายของออนไลน์ ส่วนการลงพื้นที่ของทีมทนายหลังจากนี้ตนยังไม่ทราบรายละเอียด และคาดว่าหากมีอะไรทนายคงจะติดต่อมาเอง ตอนนี้ตนได้กลับมาใช้ชีวิตตามปกติแล้ว
สำหรับแนวทางการทำงานของทีมทนายได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เมื่อวานนี้ (9 มิ.ย.64) เบื้องต้นได้ปรึกษากันแล้วเรื่องของโซเชียลฯ และคลิปเสียงที่เคยถูกปล่อยเหมือนโดนฆ่าทั้งเป็น ซึ่งเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของทีมทนาย ตนยอมรับว่าหลังจากเปิดตัวทนายก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจมากขึ้น แต่ในส่วนของสาเหตุการเลือกทีมทนาย ตนขอไม่เปิดเผยเพราะถ้าพูดออกไปจะทำให้มีทั้งผลดีและผลเสีย
ส่วนประเด็นที่อีกฝ่ายไปร้อง กมธ. เรื่องการออกหมายจับ ตนก็ขอไม่ออกความเห็นเรื่องนี้ เพราะเป็นสิทธิ์ของเขาจะทำอะไรก็ได้ ยอมรับว่าได้ดูข่าวเรื่องนายกรัฐมนตรีออกมาตำหนิเช่นกัน และเห็นด้วยกับท่านนายกฯ ว่า สังคมไทยเกิดอะไรขึ้น ซึ่งถ้านายสิระ มีความเป็นกลาง ตนก็ไม่กังวลใจอะไร
นอกจากนี้ เรื่องที่นายสิระ จะลงพื้นที่ในวันที่ 12 มิ.ย.64 ทนายได้แนะนำตนแล้วว่าไม่อนุญาตให้เข้าพบ ซึ่งตนก็ได้ให้เกียรติทนาย แต่ถ้านายสิระ ก็ยังยืนยันว่าจะลงพื้นที่มากกกอก ตนก็จะต้องปรึกษาทนายก่อนว่าสามารถให้พบได้หรือไม่ เบื้องต้นยืนยันว่าทนายไม่ให้พบเจอ ถ้ามาแล้วเป็นผลต่อรูปคดี ตนก็พร้อมจะทำตามคำที่ทนายแนะนำ
ด้านนายวรยุทธ บุญวงษ์ใส ทนายความคู่ใจของครูปรีชา คดีหวย 30 ล้าน ในวันนี้ก็ได้เดินทางมาที่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ตัวจะเดินทางกลับบ้านเกิดที่ จ.ยโสธร ซึ่งเดินทางผ่านบ้านกกกอก ตั้งใจว่าจะมาให้กำลังใจครอบครัวน้องชมพู่ ซึ่งขณะที่ตนมาถึงบ้านกกกอก ก็พบว่าแม่น้องชมพู่ไม่อยู่บ้าน
กรณีทนายษิทราให้สัมภาษณ์ว่า ทนายฝั่งแม่น้องชมพู่ไม่ค่อยสมน้ำสมเนื้อ ตนก็คิดว่าเป็นความคิดเห็นของเขาที่จะพูดอะไรก็ได้ เพราะนายอัจฉริยะ ก็ไม่ใช่ทนายความ ส่วนทนายวินัย ชุมสวัสดิ์ ก็ยังไม่ได้เป็นที่รู้จักมากเท่าไรในทางสื่อ แต่ก็ยังเหลือทนายอีก 3 คนที่นายอัจฉริยะ จะเก็บไว้เซอร์ไพรส์ ถ้าเปิดเผยทนายความออกมาทั้งหมด ทนายษิทรา อาจไปไล่เช็กประวัติทนายความแต่ละคน ตนคิดว่าขณะนี้เป็นแค่ช่วงของการเริ่มต้น อยากให้รอติดตามทนายในทีมอีก 3 คน ตนยังบอกไม่ได้ว่าตนเป็นหนึ่งในทีมทนายความฝั่งแม่น้องชมพู่หรือไม่ ต้องรอนายอัจฉริยะ เปิดตัวอีกครั้ง
ส่วนประเด็นที่นายกรัฐมนตรี ตำหนิว่า "เกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย ที่เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าวในสภา" ส่วนตัวก็ถือว่าสามารถมองได้หลายมุม แต่อยากจะถามว่าเป็นเรื่องที่สมควรหรือไม่ เพราะโดยหลักการแล้วยังไม่มีใครเขาทำกัน อีกทั้งสภายังเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ส.ส.แทนที่จะประชุมเรื่องสำคัญของประเทศ แต่กลับนำเรื่องดังกล่าวเข้ามาในสภา ตนคิดว่าเรื่องดังกล่าวไม่เร่งด่วนขนาดที่ต้องมาแทรกวาระประชุม
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทนายความทั่วประเทศมองว่า ถ้านำผู้ต้องหามายื่นเรื่องร้องเรียนแบบนี้ได้ ต่อไปก็จะเกิดการเลียนแบบอีกหลายคดี และถ้าไม่ถูกดำเนินการแบบเดียวกัน ก็จะเกิดการเปรียบเทียบ รวมทั้งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจยุ่งยากมากขึ้น ส่วนกรณีที่ลุงพลมีความตั้งใจจะไปมอบตัวที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตนเห็นว่าไม่เหมาะสม ถ้าอยู่ในพื้นที่ สภ.ไหน ก็ควรไปมอบตัวที่ สภ.นั้น ๆ