ภายหลัง วันที่ 2 มิ.ย.64 ตำรวจภายใต้ปฏิบัติการฟ้าสางกลางกกกอก ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าแสดงหมายจับที่บ้านนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงเขยของน้องชมพู่ใน 3 ข้อหา กระทั่งลุงพลเข้ามอบตัวที่ สตช. ก่อนถูกควบคุมตัวส่งกลับมาที่ สภ.กกตูม นำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดมุกดาหาร และได้รับการประกันตัวในวงเงิน 180,000 บาท
ส่วนกรณีที่นายไชย์พล วิภา ผู้ต้องหาในคดีน้องชมพู่ มีภาพปรากฏผ่านสื่อใกล้ชิดกับปู่มหามุนี และถูกมองว่าเป็นองครักษ์ไปแล้ว กระทั่งทนายตั้ม ออกมาไลฟ์สดฉะเป็นฉาก ๆ ว่าอย่ามายืนใกล้เวลาออกสื่อ เมื่อตรวจสอบจึงพบว่าปู่มหามุนีมาเพื่อขายสินค้า และไม่ได้กำกับดูแลอะไรลุงพลเป็นพิเศษ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสมัครใจของแต่ละคน ตามที่เป็นกระแสวิจารณ์นั้น
ล่าสุดวันที่ 10 มิ.ย.64 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ไปพูดคุยกับปู่มหามุนี ให้สัมภาษณ์ว่า การที่ทนายตั้มพาลุงพลมาหานายสิระ ในครั้งนี้เป็นสิทธิของลุงพลในฐานะประชาชนเหมือนกับคนอื่น ๆ ลุงพลก็ไปยื่นคำร้องสำหรับเรื่องที่จะให้ช่วยเหลือทางคดีตามสิทธิทั่วไป
สำหรับประเด็นที่แม่ของน้องชมพู่แต่งตั้งทนายในเดียวกันที่ลุงพลเข้าพบนายสิระ ก็เป็นสิทธิของแม่ชมพู่ที่จะต้องมีทนาย หลังจากนี้ก็คงต้องสู้กันตามกระบวนการกฎหมาย เพราะทางแม่ชมพู่ก็ต้องปกป้องสิทธิตัวเอง ส่วนลุงพลก็ต้องปกป้องสิทธิเช่นกัน จะได้เกิดความยุติธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
สำหรับตนในฐานะที่เป็น FC ของลุงพล ยังมั่นใจว่าลุงพลไม่ผิด เพราะได้ติดตามคดีนี้มาตั้งแต่ต้น ถามว่าทำไมคดีนี้ถึงยาวนานเป็นปี ๆ เพราะว่าคดีนี้มีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้อง เข้าไปทำตัวเองเป็นฮีโร่เพื่อหาประโยชน์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ตนขอฝากไปถึงบุคคลที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ตนแบบเสีย ๆ หาย ๆ เช่นกัน การที่จะเป็นผู้นำของสังคม หรือเป็นอะไรก็ได้ที่สังคมมองว่าเป็นคนดี และทำให้สังคมดูไม่วุ่นวาย คนไทยด้วยกันจะผิดจะถูกก็เป็นคนไทยด้วยกัน อย่าใช้บรรทัดฐานของตัวเองไปตัดสินผู้อื่นโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้เช่นกัน หลังจากนี้ก็คงจะกลับไปบ้านกกกอกอีก เพราะว่าตนยังเป็น FC ของลุงพลเหมือนเดิม
บรรยากาศที่บ้านนายไชย์พล วิภา ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร ยังคงมีกลุ่มยูทูเบอร์และชาวบ้านใช้ชีวิตกันตามปกติ โดยวันนี้นายไชย์พล ยังไม่เดินทางกลับจากกรุงเทพมหานคร
แม้ว่านายไชย์พล จะไม่อยู่บ้าน ก็ยังคงมีชาวบ้านเดินทางมาเพื่อถ่ายรูปกับพญานาคข้างบ้าน และช่วงหนึ่งทีมข่าวสังเกตว่า พระรวย หรือ หลวงปู่รวย นริสสโรภิกขุ เจ้าอาวาสวัดป่าแวงดง บ้านแวงดง จ.มหาสารคาม เดินทางมาพร้อมกับกลุ่มลูกศิษย์ ซึ่งมาที่บริเวณด้านหน้าพญานาค
ทีมข่าวจึงได้เข้าไปพูดคุย หลวงปู่รวย เปิดเผยว่า ตนเดินทางมาไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่น เพียงแค่ต้องการมาเยี่ยมชม เนื่องจากมาทำธุระที่อ.เต่างอย จ.สกลนคร จึงได้เดินทางมาเพื่อดูพญานาคบ้านลุงพล การเดินทางมาที่ลานพญานาคข้างบ้านลุงพลวันนี้ ก็เป็นเรื่องของความเชื่อจึงได้แวะมาดู แต่ไม่สามารถที่จะบอกอะไรได้ เพราะกลัวว่าจะเป็นเรื่องของการอวดอุตริ และสังคมมองไม่ดีว่าพระมาพูดถึงเรื่องสิ่งที่เป็นความเชื่องมงาย แต่โดยเบื้องต้นพญานาคองค์นี้มีส่วนหนึ่งของดวงใจพญานาคที่บรรจุอยู่แต่ยังไม่สมบูรณ์ ซึ่งหากจะสมบูรณ์ต้องมีการสวดยัดพร้อมกับนำพระสงฆ์มาเจริญพระพุทธมนต์ 4 มุมเพื่ออัญเชิญพญานาคให้มาสถิตอยู่ จะได้เกิดความสมบูรณ์ เพราะตอนนี้มีเพียงพญานาคแค่ส่วนหนึ่ง แต่ยังไม่ครบองค์
ทั้งนี้อาตมาเดินทางมาเยี่ยมชมพญานาค ยอมรับว่าเป็นองค์ที่ใหญ่และสวยงาม ซึ่งแม้ว่าจะถูกอายัดไว้เป็นทรัพย์สินส่วนกลาง แต่ก็อยากให้คงอยู่แบบนี้ ไม่อยากให้มีการทุบทิ้ง ส่วนกรณีดินทรุดตัว เพียงแค่หาดินมาถมเพิ่มก็แก้ไขปัญหาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นทุบทิ้ง การซ่อมแซมจะดีกว่าการทำลาย
อย่างไรก็ตาม พระรวย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ตนมีความเชื่อตามที่ชาวบ้านพูดกันว่าเหตุการณ์ที่นั่งร้านถล่มเกิดจากอภินิหารของพญานาคที่มีอยู่ในรูปปั้น โดยไม่ต้องการให้สิ่งของมากีดขวาง จึงได้มีการพังนั่งร้านบริเวณส่วนหัว เพื่อให้เกิดเป็นองตั้งสง่างดงาม เพราะช่วงที่ผ่านมาเป็นช่วงฤดูฝน จึงทำให้ท่านมีอิทธิฤทธิ์เพิ่มมากยิ่งขึ้น
ทีมข่าวจึงได้ย้อนกลับไปตรวจสอบที่ลานพญานาค และเข้าไปบันทึกภาพสำรวจพื้นที่ดังกล่าว หลังได้ขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ซึ่งพบว่าช่วงนี้มีฝนตกหนักทำให้พื้นดินบริเวณใต้ฐานพญานาคทรุดตัว จากเดิมที่ทีมข่าวเคยวัดการทุดตัวอยู่ที่ 10-15 เซนติเมตร
แต่พบว่าวันนี้บางจุดดินทรุดตัวมากถึง 25-30 เซนติเมตร และบริเวณกลางตัวพญานาคยังพบว่ามีรอยแตกยาวถึง 2 จุดใหญ่ แต่สังเกตว่ามีคนบางคนแอบลักลอบเข้าไปภายในพื้นที่ นำปูนดิบเข้าไปโบกเพื่อปิดรอยแตกร้าว 1 จุด อีกทั้งสังเกตว่านั่งร้านสีน้ำเงิน และไม้ไผ่ที่เคยทำเป็นโครงนั่งร้านสำหรับขึ้นไปสร้างพญานาคส่วนหัว ถูกนำมากองวางไว้อย่างเป็นระเบียบข้างพญานาค ยังไม่ได้มีการเก็บออกจากพื้นที่ที่มีการตรวจยึดแต่อย่างใด