จากรณีนายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ถูกทำร้ายบริเวณซอยใกล้บ้านพัก ที่ย่านลาดพร้าว โดยมีชายชุดดำ 3 คน เข้ามาประกบ แล้วใช้ไม้ฟาดจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งก่อนหน้านี้ เคยโดนน้ำปลาร้าปาใส่ หลังจากแสดงความคิดเห็นทางการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊กนั้น
วันที่ 22 ส.ค. 61 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ซอยลาดพร้าว 109 แยก 1 ซอยบ้านของนายเอกชัย โดยต้นชอยเป็นตลาดขายอาหารและร้านขายของชำที่มีคนพลุกพล่าน เมื่อผ่านเข้าซอย จะมีเพียงบ้านพักอาศัยเป็นอาคารพาณิชย์และทาวน์โฮม คนอาศัยอยู่น้อย โดยช่วงเวลาเกิดเหตุ เวลา 12.00 น. เป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ออกไปทำงาน อีกทั้งมีพื้นที่กำลังก่อสร้าง เป็นทางลัดระหว่างแยก 1 และแยก 2
นายศิริชัย มูลเหล็ก คนงานก่อสร้าง ผู้เห็นเหตุการณ์ นำทีมข่าวดูจุดเกิดเหตุ พร้อมเล่าว่า จุดที่นายเอกชัยโดนทำร้ายคือช่วงกลางซอย ทันทีที่นายเอกชัยเดินมาถึง ก็มีรถจักรยานยนต์ขับมาจากต้นซอยและท้ายซอย ลักษณะปิดหัวซอยท้ายซ้าย โดยมีชายแต่งกายเสื้อผ้าสีดำ สวมหมวกกันน็อก 1 คน และอีก 2 คน ขับรถไม่มีแผ่นป้ายทะเบียน
จากการสังเกตลักษณะของชายกลุ่มดังกล่าวดูโทรม เหมือนคนติดยา และขณะที่มาถึงทั้ง 3 คนไม่มีอาวุธ จนกระทั่งมาถึงตัวนายเอกชัย จึงหันไปคว้าไม้หน้า 3 จากกองวัสดุก่อสร้างมาทำร้าย จากนั้นก็รุมทำร้ายนายเอกชัย จนล้มลงไปนั่งกองกับพื้น ซึ่งนายเอกชัยยกมือขึ้นป้องกันตัวเอง โดยไม่มีอาวุธต่อสู้ ทั้งนี้ ระหว่างเกิดเหตุ ตนได้ยิน 3 คนพูดว่า “มึงแน่นักเหรอ” ก่อนจะมีเสียงคนตะโกนว่า "คนทำร้ายกัน" จากนั้นชายชุดดำก็รีบขับรถหนีไป
นายศิริชัย ยอมรับว่า ตนไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายเอกชัย และ 3 คนร้าย เนื่องจากมาทำงานรับเหงาก่อนสร้างได้เพียง 2 วัน เดิมเป็นคนที่ลำลูกกา และหลังจากคนร้ายหลบหนีไป นายเอกชัยก็ลุกไปขอความช่วยเหลือที่เพื่อนบ้านในซอย
ผู้ขับวินมอเตอร์ไซต์รับจ้าง บริเวณหน้าปากซอยลาดพร้าว 109 ให้ข้อมูลว่า ในซอยนี้มักเกิดเรื่องคนโดนทำร้ายบ่อย อีกทั้งนายเอกชัยก็เคยมีคนมาทำร้าย และทะเลาะวิวาทกันบ่อยครั้ง คนในซอยก็เริ่มชินแล้ว ส่วนเหตุผล อาจเกิดจากที่นายเอกชัยเคลื่อนไหวทางการเมือง ทำให้มีคนไม่พอใจ อย่างไรก็ตาม กล้องวงจรปิดที่ปากซอยไม่สามารถใช้การได้ เมื่อเกิดเรื่องทุกครั้ง ก็ไม่สามารถจับโจรได้เลย
ด้านความคืบหน้าทางคดี
พ.ต.อ.ภาสกร รัตนปนัดดา ผู้กำกับสน.ลาดพร้าว เปิดเผยว่า เบื้องต้นให้เจ้าหน้าที่ลองตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียง และหาเส้นทางทั้งก่อนก่อเหตุ และหลังก่อเหตุของคนร้ายกลุ่มดังกล่าว ทราบว่ามี 1 คัน ที่ไม่สวมหมวกกันน็อก คาดว่าน่าจะตามตัวไม่ยาก แต่ทั้งนี้ต้องใช้เวลาในการตามตัว เพราะไม่ทราบว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายจะหลบหนีไปที่ใด และหากจับตัวได้ เตรียมแจ้งของหาทำร้ายร่างกายให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ ทำร้ายจิตใจให้ผู้อื่นหวาดกลัว พร้อมรอผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาล หากมีอาการบาดเจ็บสาหัสก็จะตั้งข้อหาเพิ่ม ส่วนปมการทำร้ายร่างกาย ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่พุ่งเป้าที่ประเด็นความขัดแย้งส่วนตัว