กรณีวันที่ 1 มิ.ย.64 นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ถูกออกหมายจับ 3 ข้อหา จากกรณีการหายตัวไปของน้องชมพู่ วัย 3 ขวบ ที่หายตัวไปจากบ้านพักในหมู่บ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ก่อนถูกพบเสียชีวิตอยู่บริเวณเขาภูเหล็กไฟ กระทั่งนายไชย์พล ได้รับการประกันตัวด้วยหลักทรัพย์ 1.8 แสนบาท
ล่าสุดวันที่ 13 มิ.ย.64 นางแตงโม (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก ออกมาแสดงความเป็นห่วงพยานและชาวบ้านหลายคน จึงเตรียมที่จะติดตั้งวงจรปิดเพื่อลดความกลัวและกังวล
นางแตงโม (นามสมมติ) ชาวบ้านกกกอก ให้สัมภาษณ์ว่า ตั้งแต่คดีน้องชมพู่มีผู้ต้องหาเป็นคนในพื้นที่ ตนและชาวบ้านหลายคนจึงกังวลถึงเรื่องความปลอดภัย กระทั่ง FC ใจดีสั่งซื้อกล้องวงจรปิดมาให้ชาวบ้าน ประมาณ 12 คน รวม 43 ตัว เป็นค่าใช้จ่าย 67,080 บาท
ในวันนี้ชาวบ้านก็มีการนับจำนวนกันว่าบ้านแต่ละหลัง จะติดกล้องวงจรปิดจำนวนกี่ตัว ตามลักษณะของพื้นที่แต่ละบ้าน ถ้าบ้านใครอยู่ติดป่า ห่างไกลผู้คนก็จะติดกล้องหลายตัว ส่วนบ้านตนอยู่กลางหมู่บ้าน และอยู่ซอยเดียวกับแม่น้องชมพู่ ก็จะติดกล้องประมาณ 2-3 ตัว
ทั้งนี้ ตนยืนยันว่าที่ชาวบ้านกกกอก ติดกล้องวงจรปิดในช่วงนี้ เพราะเป็นห่วงในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งนอกจากชาวบ้านแล้ว ยังจะติดกล้องวงจรปิดให้กับวัดภูหลวง วัดพระอาจารย์สมบัติ และวัดถ้ำภูผาแอก วัดพระอาจารย์บุญมา ซึ่งเป็นหนึ่งในพยาน คาดว่าในวันที่ 15 มิ.ย.64 ช่างจะมาดำเนินการติดกล้องวงจรปิดให้ชาวบ้านและวัดทั้ง 2 วัด คาดว่าชาวบ้านจะมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สำหรับบรรยากาศที่บ้านลุงพล ยังคงมีกลุ่มยูทูเบอร์เกาะติดอยู่รอบบ้าน ส่วนนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ ยังคงเก็บตัวอยู่ในบ้าน เนื่องจากอยู่ในช่วงกักตัวตามมาตรการป้องกันโควิด-19 หลังจากที่ทั้งคู่เดินทางกลับจาก กทม.
ในส่วนของกำแพงข้างบ้านลุงพล พบว่ามีการสร้างกำแพงรอบบ้านความสูงประมาณ 2 เมตร และดำเนินการสร้างไปกว่า 25% สำหรับบริเวณลานพญานาค สังเกตว่าฐานบริเวณหางของยกสูงจากพื้นดินประมาณ 10 ซม. ส่วนฐานบริเวณลำตัวยกสูงจากพื้นดินประมาณ 5-7 ซม. และช่วงลำตัวของพญานาคก็ยังพบรอยแตกร้าวด้วย