วันที่ 23 ส.ค. 61 ภายหลังจากนายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.ปวีณา หรือ สปาย นาเมืองรักษ์ อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย หรือ ฟอส จริตรัมย์ อายุ 20 ปี ได้เปิดเผยระหว่างที่เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวฝากขังที่ศาลพัทยาว่า ตัวเองได้มีการโอนเงินให้ครอบครัวของน้องสปายเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาทนั้น
ล่าสุด
นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่น้องสปาย เปิดเผยว่า รู้สึกตกใจที่เสี่ยอ้วนให้การในทำนองว่า ครอบครัวของตนไปหลอกเอาเงิน ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ตนและลูกสาวไม่เคยคิดที่จะหลอกใคร และการที่เสี่ยอ้วนกล่าวอ้างในลักษณะนั้น ทำให้ครอบครัวรู้สึกเสียใจและบอบช้ำมาก
นางวันเพ็ญ ยืนยันว่า ครอบครัวได้รับการโอนเงินจากเสี่ยอ้วนจริง เป็นจำนวนเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ปฏิเสธไป แต่เสี่ยอ้วนต้องการที่จะโอนให้โดยเสน่ห์หา ซึ่งตนนำเงินดังกล่าวไปซื้อรถแล้ว อีกทั้งภายหลังจากเกิดเหตุ เงินจำนวนดังกล่าวก็ถูกใช้ไปกับการจัดงานศพให้น้องสปาย และขณะนี้บัญชีทางการเงินของครอบครัว มี 3 ธนาคาร คือ ธนาคาร ธ.ก.ส.เป็นบัญชีของตน ธนาคารธนชาติ เป็นบัญชีของพ่อน้องสปาย และบัญชีธนาคารธนาชาติ ซึ่งเป็นของน้องสปาย ที่เปิดได้เพียง 1 เดือน ก่อนถูกยิงเสียชีวิต ยังคงมีเงินจำนวน 300,000 บาท ทั้งหมดสามารถตรวจสอบได้ที่พนักงานสอบสวน และตนคงจะไปพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ภายหลังที่น้องสปายลาออกจากร้านเสี่ยอ้วน เสี่ยอ้วนก็เคยโทรศัพท์มาหาตน เพื่อต้องการที่จะให้น้องสปายกลับไปทำงานที่เดิม และยังคงโทรมาตลอด เพื่อขอคุยกับน้องสปาย แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยมาที่บ้านที่จังหวัดกาฬสินธุ์
นางวันเพ็ญ กล่าวต่อว่า กรณีที่เสี่ยอ้วน อ้างว่าสร้างบ้านให้สปายที่ จ.กาฬสินธุ์ ตนยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง เพราะบ้านหลังนี้เป็นน้ำพักน้ำแรงของครอบครัว อีกทั้งเป็นเงินที่ได้จากการถูกรางวัลฉลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นเงิน 200,000 บาท เงินที่พ่อของตนตายจากเงินฌาปนกิจ 400,000 บาท และเงินขายโรงสีเล็กเป็นเครื่องจักรอีก 90,000 บาท ที่ใช้ปรับปรุงบ้านใหม่ อีกทั้งบ้านหลังนี้ได้ก่อสร้างแล้วเสร็จ ก่อนที่น้องสปายจะไปทำงานกับเสี่ยอ้วน
นอกจากนี้ ที่แม่น้องฟอสบอกว่าจะตัดญาติกันกับตน ตนยิ่งรู้สึกเสียใจ เพราะการสูญเสียสปายและน้องฟอส ไม่มีใครต้องการให้เกิดขึ้น ก็เป็นความเจ็บปวดอยู่แล้ว แต่เมื่อแม่น้องฟอสออกมาพูดเช่นนั้น ก็แล้วแต่ใครจะคิด เมื่อน้องทั้ง 2 คน ก็เสียชีวิตไปแล้ว อีกทั้งสังคมก็มองว่าเรื่องนี้สปายเป็นต้นเหตุ แต่ตนต้องการให้มองย้อนกลับไปว่า เสี่ยอ้วนมีสิทธิอะไรที่จะต้องมาฆ่าลูกทั้ง 2 คน
ทั้งนี้ ประเด็นที่เสี่ยอ้วนบอกว่าต้องการจะยิงตนด้วยนั้น ยิ่งทำให้ตนรู้สึกเสียใจ และกลัวมาก เพราะเสี่ยอ้วนมีทั้งเงินและอิทธิพล แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว ตนก็ขอให้ตำรวจดำเนินการลงโทษให้ถึงที่สุด และสิ่งสำคัญที่สุดในข่าวขณะนี้ ก็ขอให้สงสาร และนึกถึงตนกับน้องสปายน้องฟอสที่เสียชีวิตไปแล้ว เพราะทั้ง 2 คนไม่สามารถพูดได้ สุดท้ายตนเชื่อว่าความจริงก็คือความจริง และจะได้เห็นกันในไม่ช้า
ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เปิดเผยว่า กรณีที่นางวันเพ็ญ บอกว่าสมุดบัญชีธนาคาร ทั้ง 3 เล่ม ของครอบครัว เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปตรวจสอบอยู่นั้น ในช่วงแรกที่ทำคดีนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการขอสมุดบัญชีของพ่อน้องสปายเพื่อมาตรวจสอบจริง และพิสูจน์ทราบมูลเหตุของความโกรธแค้นแล้ว หลังจากตรวจสมุดบัญชี พบว่ามีการโอนเงินเข้ามาจริง แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดว่ายังมีเงินโอนเข้ามาถึงจำนวน 7 ล้านบาทอีกหรือไม่ เพราะไม่ใช่สาระสำคัญของคดี จึงไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกถึงเงินจำนวนดังกล่าว สำหรับการตรวจสอบบัญชี ตำรวจยืนยันอีกว่าเพื่อสืบทราบให้รู้ที่มาที่ไป เป็นแนวทางสืบสวน แต่คืนสมุดบัญชีให้ครอบครัวไปเรียบร้อยแล้ว
นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ทนายความ กล่าวว่า กรณีที่เสี่ยอ้วน อ้างว่าเตรียมจะฟ้องครอบครัวของสปาย ในฐานฉ้อโกง เพื่อเรียกเงินคืนนั้น เสี่ยอ้วนต้องแยกให้ออกให้ได้ว่าการเรียกทรัพย์คืนนั้น จะเรียกเอาทรัพย์ส่วนใด ซึ่งหากเงินที่จ่ายให้ไปนั้นเป็นเงินที่ให้โดยเสน่ห์หา ที่ให้โดยไม่มีเหตุผล ถ้าเป็นกรณีนี้ จะเอาคืนไม่ได้ ยกเว้นเงินที่จ่ายให้ไปนั้น เป็นการให้โดยตกลงกับครอบครัวน้องสปายว่าเป็นเงินสินสอดทองหมั้น ซึ่งการให้สินสอดจะสมบูรณ์มีผลตามกฏหมาย ก็ต่อเมื่อมีการส่งมอบเงินไปแล้ว โดยเงินดังกล่าวไปถึงมือครอบครัวอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นการหมั้นหมายที่สมบูรณ์ และหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่ทำตามเงื่อนไขสัญญา เช่น ฝ่ายหญิงไม่แต่งงาน และไม่สามารถฟ้องบังคับให้ฝ่ายหญิงแต่งงานได้ แต่เสี่ยอ้วนก็ฟ้องเรียกทรัพย์นั้นคืนได้ทั้งหมด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยการหมั้นหมาย
ทั้งนี้ หากเสี่ยอ้วน จะเรียกเอาเงินคืน จำนวน 7,000,000 บาท ก็จะต้องมีหลักฐานหรือแชทการสนทนายืนยันว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นการให้ด้วยข้อตกลงกับทางครอบครัวของน้องสปาย แต่ถ้าหากให้เงินโดยเสน่ห์หา เสี่ยอ้วนก็อาจจะฟ้องแล้วแพ้คดีในที่สุด นอกจากนี้ เสี่ยอ้วนต้องรีบดำเนินการนับจากวันที่ทราบว่าถูกหลอก และต้องไม่เกิน 3 เดือน ก่อนที่คดีจะขาดอายุความ
นอกจากนี้
นางจอมศรี ชมพูพื้น แม่น้องฟอส เปิดเผยว่า ขณะนี้ครอบครัวกำลังเดินทางกลับบ้านที่ จ.กาฬสินธุ์ โดยพ่อน้องฟอสยังมีอาการเครียดอยู่ ส่วนเรื่องที่นางวันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่น้องสปาย ออกมาบอกว่า ครอบครัวไม่รู้เห็นด้วยเรื่องเงิน 7 ล้านบาท ตนเองมองว่าพ่อแม่ของน้องสปายน่าจะรู้เรื่องเงินจำนวนดังกล่าวดีที่สุด แต่น้องสปายคงไม่รู้เรื่องด้วย ไม่เช่นนั้นน้องสปายจะทนลำบากไปทำงานหาเงินอีกทำไม หากมีเงินถึง 7 ล้านบาท
นางจอมศรี บอกอีกว่า เงินสร้างบ้านที่แม่สปายอ้างว่าเป็นเงินที่ถูกหวย และได้มาจากน้ำพักน้ำแรง เรื่องนี้ตนเองไม่รู้ข้อเท็จจริง แต่ถ้าหากเสี่ยอ้วน ยืนยันว่ามีหลักฐาน ตนคิดว่าน่าจะมีมูลความจริง
ขณะเดียวกัน
นางจอมศรี เปิดเผยอีกว่า ตนยังไม่ได้พูดคุยกับพ่อแม่ของน้องสปาย แต่ถ้าหากแม่สปายมาคุยเพื่อชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้น ตนก็พร้อมที่จะพูดคุย อย่างไรก็ตามหลังจากที่เสี่ยอ้วนออกมาบอกว่าคิดที่จะยิงแม่สปายด้วย หากเป็นตัวเองคงไม่เคยกลัว ถ้าเสี่ยอ้วนจะมายิงตนเองเพราะโกรธลูกชาย ตนก็จะยืนให้เสี่ยอ้วนยิงดีกว่าที่เสี่ยอ้วนจะมายิงน้องฟอสแบบนี้ แม่น้องฟอสบอกอีกว่า จะไปกลัวทำไม เพราะครอบครัวไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้