กรณีกระแสข่าวพระลูกวัดเกตุแก้วเสียชีวิต หลังเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้วมรณภาพ ทำให้ลูกศิษย์ติดใจสาเหตุการมรณภาพในครั้งนี้
ล่าสุดวันที่ 15 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่างลงพื้นที่ไปยังวัดเกตุแก้ว หมู่ 9 ต.ตาลเดี่ยว อ.แก่งคอย จ.สระบุรี พบว่าพระรูปที่มรณภาพ คือ พระอรุณเดช อาทิวโร (พระตี๋) อายุ 70 พรรษา มรณภาพหลังฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลแก่งคอย เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา ก่อนจะมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลสระบุรี ในวันที่ 10 มิ.ย.64 ทำให้ลูกศิษย์วัดและพระสงฆ์ภายในวัดต่างวิตกกังวลถึงสาเหตุการมรณภาพในกรณีดังกล่าว
จากการสอบถามนายอรรถพร อยู่เอม อายุ 44 ปี ลูกศิษย์วัด เล่าว่า ตนคาใจก็คือพระตี๋ไม่สบายอยู่แล้ว ซึ่งตนก็เตือนแล้วว่าอย่าไปฉีด แต่ก็เป็นเรื่องส่วนบุคคล ตนเพียงแค่เป็นห่วง ซึ่งหลังฉีดวัคซีนนั่งรอดูอาการอีกประมาณ 3 ชม. จากนั้นนั่งรถซาเล้งกลับมาที่วัด แต่ยังไม่ทันลงจากรถก็มีอาการชักเกร็ง น้ำลายฟูมปาก อุจจาระราด ซึ่งตนคาใจตรงนี้ว่าวัคซีนเข้าไปกระตุ้นอะไรในร่างกายหรือไม่
นางปราณี อายุ 70 ปี แม่ชีวัดเกตุแก้ว เปิดเผยว่า ตนไม่เชื่อว่าพระตี๋จะมรณภาพจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 เนื่องจากวันนั้นตนก็ไปฉีดเช่นเดียวกัน ส่วนตัวพระตี๋อายุมากแล้ว อีกทั้งมีโรคประจำตัวอยู่หลายโรค อาจเป็นไปได้ว่าน่าจะเสียชีวิตด้วยสาเหตุจากโรคประจำตัวหรือโรคคนแก่มากกว่า ซึ่งตนไม่เชื่อว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็นสาเหตุทำให้พระตี๋มรณภาพ
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อเท็จจริงจากนพ.ประสิทธิ ชัยมั่นจิตร ผอ.รพ.แก่งคอย กล่าวว่า พระรูปดังสมัครใจขอฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกา ซึ่งทางโรงพยาบาลได้ตรวจสอบสภาพร่างกาย พร้อมทั้งสอบสวนประวัติพบว่ามีโรคประจำตัว จึงแจ้งให้พระรูปดังกล่าวทราบ และแนะนำว่าไม่ควรฉีด แต่ให้เลื่อนไปก่อน ทั้งนี้พระรูปดังกล่าวยังยืนกรานที่จะฉีด ส่วนอาการหลังฉีดทางแพทย์ได้ให้นั่งพักเพื่อรอดูอาการประมาณ 30 นาที และไม่พบอาการผิดปกติ
ส่วนผลข้างเคียงของวัคซีนแอสตราเซเนกา ทราบว่าเป็นไปได้ว่าตัววัคซีนอาจมีผลข้างเคียง ประกอบกับพระรูปดังกล่าวอายุมากแล้ว อาจทำให้เกิดสภาวะแซกซ้อน ส่งผลให้มีอาการน้ำลายฟูมปาก คลื่นไส้ รวมไปถึงอาการอื่น ๆ โดยทางวัดได้ส่งตัวกลับมาที่โรงพยาบาล และส่งต่อไปยัง รพ.สระบุรี และเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปตรวจชันสูตรสาเหตุการเสียชีวิตที่ รพ.รามาธิบดี เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดว่าเสียชีวิตด้วยสาเหตุใดกันแน่