จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ทะเบียน 3กก7558 กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 1ขฐ9316 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋ง สวิฟต์ เสียชีวิตทันที 2 ราย คือ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี คนขับ และน.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เสียชีวิตด้วยนั้น
วันที่ 16 มิ.ย. 64 นายจิตรติพงษ์ เอี่ยมคุ้ย อายุ 45 ปี กู้ชีพ อบต.ห้วยโป่ง ระบุว่า วันเกิดเหตุ 13 มิ.ย. เวลาประมาณ 13.00 น. ขณะที่ตนกลับรถผ่านมา ก็พบว่าเกิดเหตุรถบีเอ็มชนรถซูซูกิ สวิฟต์ ซึ่งขณะนั้นเหตุเพิ่งเกิดขึ้นยังไม่มีคนลงไปดูเหตุการณ์ จึงจอดรถพร้อมคันอื่นที่ขับตามกันมา เพื่อลงไปดูคนเจ็บ พบว่ามีเสียงผู้หญิงร้องออกมาจากรถ BMW ตนจึงเดินไปดู
โดยนางสาวเมษสวรรค์ อา่ยุ 18 ปี ซึ่งอยู่ในรถ มีสติแต่อยู่ในอาการตกใจ ถามตนว่า "หนูยังมีชีวิตอยู่ไหม หนูเป็นอะไรมากไหม ต้องผ่าตัดหรือไม่" ตนจึงบอกให้ใจเย็น ๆ พร้อมมองดูอาการพบว่าขาด้านซ้ายผิดรูป จึงช่วยอุ้มออกมาจากรถ
ส่วนนายสุรภักดิ์ คนขับ มีแผลกะโหลกศีรษะด้านซ้ายยุบเป็นรูขนาดใหญ่ มีลักษณะคล้ายฟองอากาศออกมา คาดว่าน่าจะเกิดจากการกระแทกกระจกหน้ารถ ส่วนบริเวณอื่นไม่มีบาดแผลรุนแรง โดยคนอื่น ๆ ได้ช่วยกันยกนายสุรภักดิ์ออกมาจากรถ ซึ่งขณะนั้นเจ้าตัวยังมีชีพจร แต่ไม่มีสติแล้ว
หลังจากนั้นตนรับโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมเรียกรถพยาบาลมาทำการส่งต่อไปรักษาที่โรงพยาบาล ทั้งนี้ ช่วงที่เข้าไปช่วยเหลือตนไม่ได้สังเกตว่าภายในรถมีทรัพย์สินหรือไม่ เพราะกำลังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
นายอธิวัฒน์ ไชยศิริโยธิน อายุ 53 ปี พ่อของ น.ส.เมษสวรรค์ อายุ 18 ปี ผู้บาดเจ็บ กล่าวว่า ลูกสาวเล่าวให้ฟังว่าช่วงเกิดเหตุนอนหลับไป รู้สึกตัวอีกทีคล้ายรถตกหลุม และตื่นมาพบว่ารถเหินข้ามเกาะกลางมาแล้ว แต่ตนยังสะลึมสะลืออยู่ในรถ จนเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาล ส่วนคนที่นั่งข้างตนไม่ได้สังเกต เพราะอยู่ในอาการเบลอนั้น
ที่สำนักงานกฏหมาย Legal intelligence ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล รองประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวว่า จากกรณีที่มีคลิปวิดีโอที่ถูกถ่ายโดยสาว 18 ปี ก่อนรถเก๋ง BMW Z4 จะเกิดอุบัติเหตุ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น จะต้องแยกเรื่องราวดังกล่าวเป็นส่วน ๆ โดนส่วนแรกนั้นในคลิปเห็นได้ว่ารถ BMW คันดังกล่าวมีการขับรถแซงในลักษณะหวาดเสียว แซงซ้าย-ขวาไม่ปลอดภัย ตนมองว่ามีการประมาทในการขับขี่รถยนต์ จึงเข้าข่ายผิด พ.ร.บ.มาตรา 43 ขับรถโดยอยู่ในที่ ๆ ไม่ปลอดภัย
กรณีที่เกิดเหตุขึ้นมานั้นต้องตรวจสอบพิจารณาที่ผลและโยงไปยังผลนั้นไปเกี่ยวโยงกับการกระทำใดบ้าง โดยรถชนกันเกิดบุคคลเสียชีวิต ตั้งข้อหาได้ว่าประมาททำให้บุคคลถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 291 "ในกรณี ที่ผู้ใดกระทำโดยประมาท ทำให้บุคคลถึงแก่ความตาย ต้องมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี" เมื่อเกิดขึ้นแล้ว มาตรา 291 มีการกำหนดพูดถึงเรื่อง "การกระทำ" ซึ่งมาตรา 59 ได้ให้ความหมายของคำว่าการกระทำเอาไว้ ให้รวมถึงการงดเว้นการกระทำ การกระทำโดยประมาท โดยผู้กระทำจะต้องได้รับโทษหนักตามมาตรา 291 และ พ.ร.บ.จราจร
อีกทั้งผู้ที่นั่งรถมาด้วยนั้นคือน้องอายุ 18 ปี จะเข้าข่ายในกรณีงดเว้นการควรการะทำห้ามปรามหรือไม่ ส่วนตัวมองว่าอาจจะมีการงดเว้นการกระทำห้ามปราม ตามมาตรา 59 วรรคท้าย ระบุว่า "การกระทำให้หมายความรวมถึงการให้เกิดผลอันหนึ่งอันใดขึ้น โดยงดเว้นการที่จักต้องกระทำเพื่อป้องกันผลนั้นด้วย" ถ้าหากงดเว้นการกระทำตามมาตรา 59 วรรคท้ายนั้น ทางด้านกฎหมายจะถือว่าผู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งของการกระทำ เมื่อมีการยุยง ปรากฏออกมาในช่วงเวลาที่เกิดเหตุจริงและสามารถตรวจสอบได้จากเมมโมรี่สติกของสถานที่ และเวลาดังกล่าวนั้น จะรวมถึงมาตรา 84 เข้ามาอีกด้วย "ในกรณีที่มีการยุยง ทำให้เกิดความผิด ต้องรับโทษเสมือนเป็นตัวการ"
ในความคิดเห็นส่วนตัว มองว่าเมื่อเข้าข่ายการกระทำที่งดเว้นการกระทำแล้วนั้น ตนมองว่าเป็นตัวการร่วมไม่ว่าจะข้อหา ม.291 หรือพ.ร.บ.จราจร เช่น การงดเว้น มีการยุยงให้ขับรถเร็ว ถือว่าผิดตามมาตรา 84 และประกอบกับ พ.ร.บ.จราจร มาตรา 43 แน่นอน ในกรณีผู้ขับขี่ถึงแก่ความตายนั้นตามมาตรา 291 โดยจะต้องมีการไล่กับกองมรดกกับผู้ตาย สามารถร้องต่อศาลให้กลุ่มทายาทมีการตั้งผู้จัดการมรดก ครอบครัวผู้เสียชีวิตทั้งสองรายผู้ขับขี่ Suzuki swift สามารถเรียกร้องได้รับเงินเยียวยาได้เต็มที่
ตนมองว่าไม่หนักใจ ถือว่าการกระทำความผิดของ bmw นั้นถือว่าเป็นการกระทำโดยประจัก ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุ จนกระทั่งเกิดเหตุ ถือว่าเป็นผู้กระทำผิดแน่นอน ส่วนค่าสินไหมทดแทนนั้น ผู้เสียชีวิตทั้ง 2 ราย ได้รับค่าสินไหมทดแทนอย่างแน่นอน คดีนี้มีกฏหมานมาตราที่น่าสนใจคือ มาตรา 291 ประมาททำให้บุคคลถึงแก่ความตาย มาตรา 59 วรรคท้ายกรณีงดเว้นการกระทำ มาตรา 84 เรื่องของการยุยงทำให้เกิดการกระทำ เมื่อผู้ถูกยุยง ได้กระทำความผิด ผู้ยุงยงต้องได้รับโทษเสมือนตัวการเช่นกัน
นายศรีศักดิ์ หนุวงษ์ ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตอนที่ตนขับตามหลังมา ก็คิดว่าอาจจะเป็นตนที่ตายก็ได้หากตนขับเร็วกว่านี้อีกนิดเดียว ทั้งนี้ รถของผู้เสียชีวิตทั้ง 2 คนขับมาช้า ตนก็ขับตามเป็นคันที่ 3 โดยไม่ได้ใช้ความเร็วมาก แต่รถบีเอ็มขับมาด้วยความเร็ว
ซึ่งตนเห็นกับตาว่ารถบีเอ็มขับเหินมาจากด้านหน้า แซงขวามาและชนเข้าอย่างแรงกับรถสวิฟต์ จากนั้นตนก็จอดรถเพื่อลงไปช่วย เห็นหญิงทั้ 2 รายสภาพนอนแน่นิ่งคล้ายกับคอหัก และมีชาวบ้านอีกหลายคนมที่เข้ามาช่วยเหลือ ซึ่งมีกล้องหน้ารถยนต์ที่บันทึกเหตุการณ์แต่ไฟล์ถูกทับไป ต้องกู้ภาพก่อน
ดร.โกเมน พิบูลย์โรจน์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศ กล่าวว่า สามารถกู้ไฟล์ที่ถูกทับได้ ถ้าในระยะเวลาไม่นาน และไม่ถูกทับจนมากเกินไป เพราะการเขียนภาพหรือวิดีโอในรูปแบบของความจำค่อนข้างมีแหล่งความจำหลายเซคเตอร์ และหากมีข้อมูลมาใหม่ ก็จะไปจำในเซคเตอร์ที่ยังว่างอยู่ แต่ถ้าเซคเตอร์ในฮาร์ดดิสต์เต็ม ถึงจะเกิดทับถมไปในเซคเตอร์เดิมอีกรอบ
การทับถมไม่ได้แปลว่าขัอมูลเหล่านั้นจะหายไป แต่แค่จะเป็นความเสี่ยงในการเก็บกู้ไฟล์ให้กลับมาสมบูรณ์แบบยากกว่าเดิม หากเป็นรูปภาพ ก็ยังพอมองเป็นเค้าโครงได้ แต่ถ้าเป็นวิดีโอ การกู้ไฟล์ยิ่งต้องสมบูรณ์แบบมากที่สุดเพราะไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถดูภาพได้ โดยเฉพาะหากการกู้ไฟล์เป็นผลทางคดี ยิ่งมีความจำเป็นต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปตรวจสอบ อีกทั้งยังสามารถยืนยันตัวตนของผู้กู้ไฟล์ว่าเป็นผู้ไม่มีผลประโยนช์ต่อคดีความ
