ภายหลังจากนายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน ผู้ต้องหาฆ่า น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ สปาย อายุ 20 ปี และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือ ฟอส อายุ 20 ปี เปิดเผยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวฝากขังที่ศาลพัทยาว่า ตัวเองได้มีการโอนเงินให้ครอบครัวของน้องสปายเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาทนั้น
วันที่ 24 ส.ค. 61
นางวรรณนา สาระสี ยายของน้องสปาย พาทีมข่าวสำรวจบ้านที่มีการต่อเติมเสร็จแล้ว พร้อมเปิดเผยว่า ครอบครัวสปายใช้เงินส่วนตัวสร้างประมาณ 400,000 - 500,000 บาท เนื่องจากพ่อแม่ของน้องค่อนข้างมีดวงเรื่องการเสี่ยงโชคซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาล จึงทำให้ถูกรางวัลและมีเงินเก็บมาสร้างบ้านได้ ส่วนบ้านเดิมเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นบนคือสภาพเดิมที่เห็นเป็นไม้ หลังคาสีฟ้า ส่วนด้านล่างมีเพียงเสาไม้ปกติ พื้นไม่ได้เทปูน เป็นพื้นดิน ซึ่งล่าสุดเทพื้นปูนชั้นล้าง ก่ออิฐมอน ติดตั้งหน้าต่างประตู จนกระทั่งสร้างโรงรถด้านข้างด้วย
นางวรรณนา กล่าวว่า ก่อนหน้าที่น้องสปายจะเสียชีวิต นายสายันต์ ศรีสุข หรือ ยัน ได้เดินทางมาพร้อมกับนายอั้ม เพื่อนสนิทฟอสและสปาย เพื่อมาสังเกตการณ์ที่บ้าน แต่ไม่แน่ใจว่ามากี่คน ได้ยินจากคำบอกเล่า ประกอบกับช่วงที่ทราบข่าวว่าเสี่ยอ้วนและสปายชอบกัน ตนก็ยังถามว่า "ทำไมถึงไม่มาหมั้นหมาย หรือสู่ขอให้เป็นเรื่องเป็นราว ตามประเพณีกัน" เพราะคนอีสานก็ต้องมาคุย มาขอกันดี ๆ หากชอบน้องสปาย ทำไมถึงอยู่แต่ที่ จ.ภูเก็ต ไม่มาเจอญาติ ๆ แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยอ้วนกับสปาย ส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าจะลึกซึ้งเพียงใด ทราบแต่ว่าหลานไปทำงานที่ จ.ภูเก็ตเท่านั้น นอกจากนี้ ก่อนหน้าที่สปายจะรู้จักกับเสี่ยอ้วนและหลังจากรู้จักกันแล้ว ก็ยังคงใช้ชีวิตปกติ ค่าใช้จ่ายตามเดิม แต่เงินส่วนที่เสี่ยอ้วนให้ครอบครัวมานั้น ตนบอกกับแม่ของสปายไปแล้วว่า "หากส่วนไหนคืนได้ ก็คืนเขาไป"
ขณะที่
นายสมพงษ์ ฉลูศรี พ่อของน้องสปาย เปิดเผยว่า การเตรียมการหลังจากที่เสี่ยอ้วนจะฟ้องครอบครัว ฐานฉ้อโกงนั้น ตอนนี้ครอบครัวได้เตรียมทนายความไว้แล้ว ซึ่งเป็นทนายที่เป็นญาติกัน ซึ่งยอมรับว่า ตนและแม่ของสปายไม่เคยมีพฤติกรรมไปโกงใคร มีแต่ฝ่ายของเสี่ยอ้วนที่โอนเงินมาให้โดยเสน่หา ส่วนที่ตัวเลขที่เพิ่มจากเดิม 4,000,000 บาท เป็น 7,000,000 บาทนั้น ตนไม่ทราบจริง ๆ และยืนยันได้ว่า ในบัญชีของตนไม่มีตัวเลขตามที่เป็นข่าว แล้วก็ไม่เคยใช้เงินเสี่ยอ้วนสร้างบ้าน หรือชื้อที่นาใด ๆ
ทั้งนี้ ส่วนที่สังคมต่อว่าครอบครัวว่า ไปหลอกลวงเสี่ยอ้วนนั้น ตนรู้สึกเสียใจ แต่ความจริงก็จะสามารถพิสูจน์ได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะคนที่ออกมาพูด คงรู้ตัวเองดีว่าพูดอะไรออกไป ตนและแม่ของสปายก็ไม่เคยไปเรียกร้องใด ๆ นอกจากเสี่ยอ้วนเต็มใจโอนมาให้ และขอชี้แจงว่าที่ครอบครัวยังไม่สามารถเปิดเผยบัญชีได้ เนื่องจากทนายความส่วนตัวได้ขอไว้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อรูปคดี รอให้ถึงวันขึ้นศาล ตนก็จะนำหลักฐานไปชี้แจง ส่วนกรณีถ้าหากทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จะช่วยเป็นทนายทางคดีนั้น ส่วนตัวขอบคุณความหวังดี ยินดี และเต็มใจที่จะให้ทนายที่มีฝีมือมาช่วยด้วย
จากกรณีที่เสี่ยอ้วนพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ฟอสและสปาย ที่มีความสัมพันธ์แบบลึกซึ้งเกินเพื่อนนั้น พ่อแม่ของทั้ง 2 ฝ่าย ก็รู้ดีอยู่แก่ใจ ซึ่งส่วนตัวขอพูดตรง ๆ ว่า สองคนรักกันจริง ประกอบกับที่ผ่านมาตนได้พยายามเตือนฟอสและสปายแล้วว่าให้อยู่ห่าง ๆ กัน อย่าอยู่ใกล้กันมากเกินไป
นอกจากนี้ ที่มีการเผยแพร่ภาพ ที่ครอบครัวตนไปรับรถใหม่ที่ศูนย์นั้น วันที่เดินทางไปรับรถ ตนไม่ทราบเรื่องใด ๆ เพราะเสี่ยอ้วนโทรมาจองเอง ดำเนินการเอง และโอนเงิน 1,000,000 บาท มาให้ตนเอง เพื่อให้ไปรับรถในวันดังกล่าว แต่ความจริงตนและน้องสปายไม่อยากรับ แต่ก็ได้รับเงินมา แล้วรีบไปรับรถ มาให้น้อง เพราะน้องอยากได้รถไปใช้ ลักษณะคล้ายกับเสี่ยอ้วนมัดมือชก "ดาวน์เขาก็ดาวน์เอง จองเข้าก็จองเอง เราก็มีหน้าที่ทำตามที่เขาบอก แค่ไปรับรถ” นายสมพงษ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม เงินที่ถูกโอนเข้าในบัญชี ไม่เคยมีเงื่อนไขใด ๆ ว่าการโอนคือการหมั้นหมาย และครอบครัวก็พร้อมที่จะคืนเงินทั้งหมดให้กับเสี่ยอ้วน ถ้าหากมีการชี้แจงยอดที่แท้จริงในการโอนเข้าบัญชี และย้ำอีกครั้งว่า เงินจำนวน 7,000,000 บาท ในบัญชีไม่มีอยู่จริง พร้อมเปิดเผยว่า ตัวเลขที่แท้จริงในบัญชีทั้งหมดที่เข้ามา มีจำนวนทั้งสิ้น 2,100,000 บาท และวันนี้ตนก็เพิ่งนำสมุดบัญชี ไปปรับยอดที่ธนาคาร