ภายหลังจากที่นายปัญญา ยิ่งดัง หรือ เสี่ยอ้วน ผู้ต้องหาฆ่าน.ส.ปวีณา หรือ สปาย อายุ 20 ปี และ นายอนันตชัย หรือ ฟอส อายุ 20 ปี เปิดเผยระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวฝากขังศาลพัทยาว่า ตัวเองได้มีการโอนเงินให้ครอบครัวของน้องสปายเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท ซึ่งต่อมาญาติของฟอสได้ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนด้วยว่า แม่ของสปายได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวของลูกสาว เพื่อสนทนาพูดคุยกับเสี่ยอ้วน รวมถึงส่งภาพการสร้างบ้านให้เสี่ยอ้วนโดยตรงนั้น
วันที่ 25 ส.ค. 61
น.ส.วันเพ็ญ นาเมืองรักษ์ แม่ของสปาย เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเป็นคนใช้เฟซบุ๊กของลูกจริง ซึ่งเริ่มเล่นตั้งแต่น้องเสียชีวิตแล้ว ซึ่งที่ต้องออนและเล่นเฟซของน้อง เพราะอยากรู้ว่าใครยืมเงินน้องของสปายไปบ้าง โดยขอให้มีการทะยอยคืนเงิน และจะได้นำเงินไปเก็บไว้ใช้ทำบุญให้แก่น้อง ส่วนมูลค่าเท่าไรตนไม่ขอตอบ แต่ส่วนใหญ่ก็มีรายละ 1000 บาทไปจนถึง 10,000 บาท และขอยืนยันว่า การออนเฟซส่วนตัวสปาย ไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่น , พร้อมปฏิเสธว่า ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยยุ่งหรือเล่นเฟซของสปาย ในการคุยอะไรกับเสี่ยอ้วน และเงินที่สร้างก็ไม่ใช่ของเสี่ยอ้วน เป็นของแม่ทั้งหมด เว้นแต่เงินที่ใช้ของเสี่ยอ้วนก็คือ เงินที่โอนมาให้ซื้อรถ เพราะเสี่ยอ้วนได้จัดการเองทั้งหมด โอนเงินมาให้ไปรับรถเท่านั้น ส่วนที่เหตุผลทำไมถึงรับรถไว้ใช้ ทั้งที่สปายก็ยังไม่เป็นอะไรกับเสี่ยอ้วนขอไม่ตอบ เพราะจะเกี่ยวข้องกับคดีความ
น.ส.วันเพ็ญ เล่าต่อว่า วันที่กลับจากวันทำแผนที่ชลบุรี น้องสปาย ก็นอนคิดถึงสปาย จากนั้นน้องก็มาเข้าฝัน พาแม่ไปเจอกับหมอปลา ซึ่งเป็นแค่หน้าบ้านเท่านั้น โดนในฝันตนเองไม่ได้คุยอะไรกับหมอปลา หรือไม่เคยเจอหน้า ทำไมถึงฝันไปถึงที่นั้นได้ ซึ่งในฝันสปายบอกว่า “แม่นี่คือบ้านหมอปลานะ หนูพาแม่มาถึงบ้านหมอปลาแล้ว ซึ่งจะมีแค่คนๆเดียว สามารถทำให้แม่คุยกับหนูได้ จากนั้นน้องก็พาแม่กลับมาที่บ้าน” ในฝัน น้องยังบอกว่า ดีใจ ที่ตำรวจสามารถจับเสี่ยอ้วนได้ และหนูกะยังไม่ไปไหน จะอยู่กับแม่ที่บ้าน แม่อย่างร้องไห้นะ , ทั้งนี้ หลังจากน้องมาบอก ตยเองจึงอยากเจอกับหมอปลา ก็หวังว่าจะสามารถสื่อสารอะไรกับน้องสปายได้
ส่วนอาการป่วยของพี่ชายสปายนั้น
น.ส.วันเพ็ญ บอกว่า ตอนนี้อาการดีขึ้น วันที่ 29 ส.ค. นี้ หมอจะอนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งพี่ชายสปายป่วยทางจิต ต้องกินยาอย่างต่อเนื่อง หากไม่กินอาการก็จะกลับมาเป็นอีกครั้ง ส่วนที่ชาวบ้านบอกว่าเจมส์ป่วยก่อนน้องสปายถูกยิง ยอมรับว่าใช่และไม่ได้ปิดบังอะไร เพราะเจมส์ พี่ชายสปายก็ป่วยทางจิตจริง เนื่องจากเมื่อก่อนกินเหล้า เที่ยวเยอะ จนมีอาการเช่นนี้ แต่ช่วงที่สปายเสีย พี่ชายก็ช็อกหนัก รวมถึงลืมทานยา เพราะคิดว่าตนเองหายแล้ว อาการจึงแย่ลงกว่าเดิม , ส่วนที่พี่ชายสปาย ป่วยแบบนี้ ยอมรับว่าเป็นอาการป่วย ไม่ใช่เวรกรรมอะไร ที่ไปเอาเงินเสี่ยอ้วนมา ให้แยกแยะ เพราะมันคือคนละเรื่องกัน
หลังจากนี้ หากเสี่ยอ้วน จะฟ้องครอบครัวฐานฉ้อโกง ก็ตอบยืนยันหลังจากพ่อให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่ามีทนายส่วนตัวเตรียมไว้ หากฟ้องมาก็พร้อมต่อสู้คดี และยินดีที่ทนายรณรงค์ แก้วเพ็ชร์ จะเข้ามาช่วยทางคดี และครอบครัวมีความยินดี ไม่ขัดข้องอะไร หากฟ้องร้องกันขึ้นมา ก็จะทำให้มีคนเก่งๆทางกฏหมาย 2 คนเข้ามาทำงานร่วมกัน ส่วนกระแสสังคมและให้ครอบครัวคืนเงินก่อนเริ่มฟ้องคดีนั้น แม่สปาย บอกว่า ขอให้ว่ากันในชั้นศาล เพราะเขาก็ถือว่าแลกกับชีวิตน้องไปแล้ว ส่วนตัวก็เชื่อว่าถ้าจะฟ้องว่าครอบครัวฉ้อโกง ควรทำตั้งแต่ตอนนั้งยังไม่ตาย ไม่ใช่ตายแล้วค่อยออกมาฟ้อง
น.ส.วันเพ็ญ ยังบอกอีกว่า ไม่คุ้มเลยกับเงินที่ได้ เพราะลูกสาวแม่มีค่ามากกว่า 7 ล้านด้วยช้ำ และความเป็นจริงยอดเงินในบัญชีก็ไม่ถึง 7 ล้านบาท แต่ไม่สามาถพูดอะไรได้ ขอเอาไปคุยกันในชั้นศาลเท่านั้น ซึ่งแม่ได้ให้พ่อไปติดต่อกับธนาคาร ดำเนินการด้านเอกสารครบถ้วนแล้ว , ส่วนที่ตนเองบอกกับสื่นตอoแรกว่า เงินมีเพียง 1 ล้านบาทนั้น ยอมรับว่า เกิดจากความเข้าใจผิด ไม่มีเจตนาปิดบังอะไร เพราะครั้งแรกเห็นเพียง 1 ล้านบาท และเมื่อนำบัญชีไปอัป กลับพบว่ามีเงินเข้ามาร่วม 2,100,000 บาท ตามที่พ่อให้สัมภาษณ์ไป ส่วนตัวยังตั้งข้อสงสัยว่าในบัญชีดังกล่าว จะไม่มีเงินส่วนของสปายเลยหรือไง เช่น เงินเดือน เป็นต้น ดังนั้นจึงไม่ทราบว่ายอดทั้งหมดในบัญชีมีอะไรบ้าง แต่ขอนำข้อมูลทั้งหมดส่งให้ทนายความไปสู้กันในชั้นศาล
ขณะที่ การเดินทางไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นของครอบครัว ใช้เงินของเสียอ้วนหรือไม่นั้น แม่สปาย บอกว่า เงินมาจากไหนตนเองรู้อยู่แก่ใจ แต่ก่อนรู้จักกับเสี่ยอ้วนพ่อแม่ก็มีเงินเก็บอยู่แล้ว ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา สปายอยากพาพ่อแม่ไปเที่ยว ซึ่งแม่บอกว่า มีค่าใช้จ่ายสูงไม่อยากไป สปายจึงอาสาจ่ายเงินให้ แต่ก็ไม่ทราบว่าเงินดังกล่าวมาจากไหน มีเพียงลูกสาวที่ตอบว่า เป็นเงินส่วนตัวที่ทำงานมา ซึ่งค่าเครื่องบินในขณะนั้นลดราคาด้วย
ส่วนการให้สัมภาษณ์ของพ่อสปาย เมื่อวาน ที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างฟอส-สปาย ว่ามีความลึกซึ้ง สองบ้านรู้กันดี เกิดอะไรขึ้นนั้น แม่บอกว่า ยืนยันเด็กสองคน เป็นเพื่อนที่มีความสนิทสนมกัน ไปไหนมาไหน กอดคอเป็นเรื่องธรรมดา และความสัมพันธ์ที่เกินเลย ยอมรับว่าไม่มี เพราะนิสัยของสปาย หากมีเรื่องอะไรจะบอกแม่ทุกเรื่องไม่มีปิดบัง ดังนั้นเรื่องนี้จึงเชื่อว่าสองคนไม่ใช่คนรักกันแน่นอน
ด้าน
นายจีระพันธ์ เพชรขาว หรือ หมอปลา ได้ตอบถึงประเด็นดังกล่าว ว่าการที่แม่น้องสปายฝันเห็นน้องสปายนั้น ส่วนตัวคิดว่าแม่คงคิดถึงน้องมาก จึงทำให้แม่คิดว่าน้องสปายยังไม่ไปภพภูมิที่ดี จึงหาวิธีการที่ให้น้องสปายไปสู่ภพภูมิที่ดี พอคิดมากก็จะเก็บเอามาฝัน ส่วนเรื่องที่ครอบครัวจะขอให้หมอปลาเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารนั้น หมอปลาบอกว่าตนตอบไม่ได้ ตนจะไม่ล่วงเกินครอบครัวและจิตวิญญานของน้องสปาย ถ้าครอบครัวยังไม่ได้มาขอให้ช่วยเหลือด้วยตัวเอง
หมอปลาบอกว่า ตนไม่สามารถสัมผัสกับน้องได้ แต่ถ้าครอบครัวต้องการให้ตนช่วยเหลือก็ต้องมาหาตนได้ ตนถึงจะช่วย และถ้าอยากให้เร็วก็ให้แม่น้องสปาย มาหาตนได้ที่จังหวัดเพชรบุรี พร้อมฝากถึงแม่น้องสปายว่า เป็นกำลังใจให้ครอบครัว ขอให้ครอบครัว สู้ ๆ