จากกรณีรถเก๋งสปอร์ต บีเอ็มดับเบิ้ลยู รุ่น Z4 ทะเบียน 3กก7558 กรุงเทพมหานคร โดยมี นายสุรภักดิ์ ภูไชยแสง คนขับ อายุ 50 ปี ชาวกรุงเทพมหานคร และน.ส.เมย์ อายุ 18 ปี ที่นั่งมาด้วย เสียหลักพุ่งข้ามเกาะกลางถนนไปชนกับรถเก๋งซูซูกิ สวิฟต์ ทะเบียน 1ขฐ9316 กรุงเทพมหานคร ที่วิ่งมาทางตรงมุ่งหน้าเข้าตัว จ.เพชรบูรณ์ ทำให้คนขับและคนที่นั่งข้างคนขับมาที่อยู่ในรถเก๋ง สวิฟต์ เสียชีวิตทันที 2 ราย คือ น.ส.กรกฏ หิรัญ อายุ 31 ปี คนขับ และน.ส.วรรณกานต์ วรรณกายนต์ อายุ 29 ปี และคนขับบีเอ็มดับเบิ้ลยู เสียชีวิตด้วยนั้น
สันที่ 17 มิ.ย. 64 ที่วัดบางรักษ์ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของ น.ส.กรกฎ หิรัญ อายุ 31 ปี เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา บรรยากาศยังคงมีความเงียบเหงา ท่ามกลางความเศร้าโศกเสียใจของผู้เป็นพ่อแม่ รวมถึงญาติที่ยังทำใจไม่ได้กับเหตุการที่เกิดขึ้น และมีผู้ที่มาร่วมงาน
นางนิตยา หิรัญ อายุ 61 ปี และนายภูวดล หิรัญ อายุ 63 ปี พ่อและแม่ของ น.ส.กรกฎ กล่าวว่า เรื่องภาพกล้องหน้ารถของที่ก่อเหตุชนลูกของตน ตนเชื่อว่าไม่ได้หายไปไหน แต่อาจจะมีคนเก็บไปอย่างแน่นอน ถ้าหากกล้องรถตัวดังกล่าวนั้นที่หายไปมีการเผยแพร่ออกมา เชื่อว่าจะต้องเป็นกุญแจสำคัญรวบหลักฐานได้อย่างชัดเจน แต่ถ้าหากตำรวจไม่สามารถพบเจอเมมกล้องหน้ารถตัวนี้ ส่วนตัวก็คิดว่าจะต้องมีผลกระทบต่อเรื่องคดีอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องรถเก๋งคันสีดำที่มีการขับสวนกันอย่างรวดเร็วกับรถของนายสุรภักดิ์ ตนก็เชื่อว่าจะต้องมีการขับตีคู่แข่งกันมาแน่นอน แต่แข่งแล้วไปชนคนอื่นเดือดร้อน ในส่วนนี้มักที่จะรับไม่ได้ เพราะครั้งนี้เป็นการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของครอบครัว เนื่องจากตนมีลูกเพียงคนเดียว แม้จะเอาเงินมาให้สัก 100 ล้าน ก็ไม่คุ้มค่ากับสิ่งที่ตนและครอบครัวสูญเสียไป เพราะลูกสาวของตนเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของครอบครัว เป็นความหวังของพ่อแม่ที่จะค่อยดูพ่อและแม่ในยามที่แก่เฒ่า แต่กลับต้องมาสูญเสียน้องไปแบบนี้ก็ยังรู้สึกทำใจไม่ได้
นายภูวดล หิรัญ ผู้เป็นพ่อ เปิดเผยว่า ในส่วนของการดำเนินทางกฎหมาย มอบหมายให้น้องชายเป็นผู้ดำเนินการทั้งหมด ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามที่ได้เห็นในข่าวที่มีคลิปรถคู่กรณีที่ก่อนจะเกิดเหตุขับด้วยความเร็ว และส่ายไปสายมา ถือเป็นการขับรถที่ประมาท และเด็กวัย 18 ปีที่มีการนั่งมาด้วย และพูดยั่วยุให้ทางฝั่งคนขับซิ่งรถไม่ควรจะเกิดขึ้น เพราะส่วนตัวดูแล้วเหมือนกับคนที่ไม่มีความคิดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จนนำไปสู่การสูญเสียของครอบครัว ซึ่งเป็นลูกสาวที่ตนรักมากที่สุด ตอนนี้ตนเองยังรับไม่ได้กำลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามที่จะทำใจ กลัวลูกจะหลับไม่สบาย
ซึ่งถ้าหากว่าทางครอบครัวของคู่กรณีจะเดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย ตนก็ยินดียินยอม โดยจะฌาปนกิจในวันเสาร์ที่ 19 มิ.ย. 64 ถึงคดีจะยังไม่จบ เรื่องศพของลูกสาวก็ต้องมีการจัดตามประเพณี ไม่อยากให้ลูกสาวต้องมาทรมาน และหลับไม่สนิท ทั้งนี้เรื่องภาพกล้องหน้ารถของพลเมืองดีที่มีการเผยแพร่ออกมา ตนอยากให้ช่วยกู้ภาพออกมา เพราะจะได้ช่วยกันรวบรวมข้อมูลในทางคดีได้ให้มากที่สุด ซึ่งถ้ากู้คืนมาได้ ตนจะขอบคุณเป็นอย่างมาก แต่ส่วนตัวคิดว่าภาพกล้องหน้ารถของลูกสาวตนจะต้องเห็นภาพได้ชัดเจนมากกว่า เพราะอาจจะเป็นช่วงจังหวะที่ทางรถของนายสุรภักดิ์พุ่งกระเด็นข้ามมาชน กล้องหน้ารถของลูกสาว ตอนนี้ตนก็ไม่ทราบว่าภาพกล้องอยู่ที่ไหน เพราะขอทำเรื่องงานศพของลูกสาวให้เสร็จเรียบร้อยก่อน
นอกจากนี้ ยังมีแชตข้อความในวันที่สุดท้ายที่ได้คุยกับลูกสาว และทางลูกสาวได้โอนเงินให้แม่จำนวน 6,500 บาท นแม่ส่งข้อความตอบกลับไปว่า "ให้ขับรถดีดีนะลูก" แต่พบว่าลูกสาวไม่มีการอ่านข้อความหรือตอบกลับมา ทราบอีกทีว่าลูกสาวได้รับอุบัติเหตุบนถนนเสียชีวิตแล้ว
ขณะเดียวกัน ข้อมูลมาจากพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิต เมื่อวันที่ 15 มิ.ย. 64 มีร้านดอกไม้มาส่งพวงหรีดดอกไม้สดที่งานศพของลูกสาว ผ่านไป 10 นาที เพิ่งจะรู้ว่าเป็นนามสกุลของนายสุรภักดิ์ที่ขับรถชนลูกตนเอง ต่อมาเมื่อวานนี้ช่วงเวลาสาย พี่ชายของนายสุรภักดิ์โทรศัพท์มาหาแม่ มีคลิปเสียงจากพ่อของผู้เสียชีวิตที่ได้มีการบันทึกเสียงไว้ หลังจากที่ทางพี่ชายของเสี่ยสุรภักดิ์โทรศัพท์มาขอโทษ และแสดงความเสียใจกับทางผู้เป็นแม่ของผู้เสียชีวิตว่า "ขอโทษที่เพิ่งจะได้ติดต่อมา เพราะสัญญาณไม่ค่อยดี โทรศัพท์มีปัญหา ฝนตกหนัก และกราบขออภัย ขอขมาคุณแม่อีกครั้ง"
ด้านแม่กล่าวต่อว่า "แต่ว่ามีความสงสัย เพราะมีการออกข่าวว่าทางญาติของนายสุรภักดิ์ได้เยียวยากับทางงานศพของลูกสาวแล้ว แต่ที่จริงแล้วยังไม่มีอะไรเลย มีแค่พวงหรีดที่มาเมื่อ 1 พวง แล้วท่านก็เป็นคนแรกที่โทรเข้ามาและครั้งแรกด้วย
พี่ชายสุรภักดิ์ ระบุว่าไม่เป็นจริงตามข่าว เพราะไม่มีเบอร์ติดต่ออะไรเลย ตนเพิ่งจะได้เบอร์ติดต่อมาจากร้านดอกไม้ หรือที่จัดทำพวงหรีด ที่ตนได้ฝากส่งไปให้ แม่ผู้เสียชีวิต กล่าวว่า คุณแม่ติดใจมากเลยกับคำพูดที่ออกมา และเป็นข่าวทั่วประเทศ พี่ชายสุรภักดิ์ บอกว่า ผมไม่เคยพูดแบบนั้นออกข่าวสักครั้ง ไม่เคยไปรับปากอะไรเลยด้วยซ้ำ แม่ผู้เสียชีวิตพูดพร้อมกับร้องไห้ว่าไม่พร้อมจะพูดอะไร ยังบอกไม่ได้ ทำใจอะไรไม่ได้เลย เพราะมีลูกสาวแค่คนเดียว
ช่วงเวลา 19.00 น. มีพระสงฆ์จำนวน 4 รูป ทำพิธีสวดอภิธรรมศพของ น.ส.กรกฎ หิรัญ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ เงียบสงบ ทางครอบครัวญาติพี่น้องและเพื่อนสนิ มีการมาร่วมพิธีสวดศพจำนวน 40-50 คน มีการเทศนาแสดงธรรม กล่าวแสดงความเสียใจกับทางครอบครัว
โดยทางด้านหน้าศาลาวัด ได้มีจุดคัดกรองมีเจลแอลกอฮอล์ จุดลงชื่อเข้างาน ตรวจวัดอุณหภูมิ โดยผู้ที่มาร่วมงาน เจ้าภาพจะมีการจัดทำกับข้าวให้เป็นชุด มอบให้คนละ 1 ชุด ให้นั่งทานตามอัธยาศัย เพราะอยู่ในช่วงระหว่างสถานการณ์โควิด-19
