พิรุธ! คดียิงหนุ่มใบ้พ่อให้การขัดพยาน เพื่อนหักล้างปมยาเสพติด คุมญาติสอบเข้ม (คลิป)

จากกรณีนายสมบรูณ์ เปลี่ยนน่วม อายุ 44 ปี หนุ่มผู้เป็นใบ้ ซึ่งอาศัยอยู่บ้าน ม.3 ต.บึงชำอ้อ อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี ถูกคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์มาใช้อาวุธปืนยิงบริเวณลำตัว 8 นัด ดับคาบ้านตั้งแต่ช่วงสายของวันที่ 17 มิ.ย. 64

ล่าสุด วันที่ 18 มิ.ย. 64 ทีมข่าวลงพื้นที่บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านไม้เดี่ยว 2 ชั้น ยกสูงมีใต้ถุนบ้านพบบริเวณหน้าบ้านยังมีร่องรอยรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุ พิสูจน์หลักฐานได้เก็บหลักฐาน และทำสัญลักษณ์ไว้ จากนั้นทีมข่าวสำรวจบนบ้านชั้น 2 พบว่าบริเวณหัวบันได มีรอยหยดเลือดคาดว่าระหว่างถูกยิงผู้ตายพยายามวิ่งหนีมาจุดนี้ แต่คาดว่าวิ่งไปจนมุมในห้องนอน เพราะพบกองเลือดกระจัดกระจายเป็นกอง และพบจุดเชื่อมระหว่างห้องนอนผู้ตายและตัวบ้านมีกองเลือด เป็นจุดที่ผู้ตายนอนเสียชีวิตจุดสุดท้าย ไม่มีร่องรอยกระสุนปืนไว้ในบริเวณเสาบ้านหรือข้างฝาบ้าน

ตำรวจสืบสวน สภ.หนองเสือ เดินทางมาหาหลักฐานเพิ่มเติม บอกว่า เป็นที่น่าสงสัยว่าทำไมกระสุนไม่ทะลุ หรือเฉียดร่างผู้เสียชีวิตและฝั่งตามเสา และฝาผนังบ้านแม้แต่นัดนัดเดียว และเป็นไปได้ว่าคนร้ายน่าจะเป็นมืออาชีพ ขณะเดียวกันตำรวจอยู่ระหว่างเร่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณใกล้เคียงที่เกิดเหตุ เพื่อตามจับคนร้ายมาดำเนินคดี

นายสมบุญ เปลี่ยนน่วม อายุ 86 ปี พ่อผู้เสียชีวิต ขาพิการและหูไม่ค่อยได้ยิน เปิดเผยว่า ส่วนตัวเป็นคนชอบต้นไม้มาก วันเกิดเหตุก็กำลังนั่งรดน้ำต้นไม้อยู่ใกล้เชิงบันไดบ้าน พบคนร้าย 2 คน คนแรกผิวขาวและอีกคนผิวดำ ขับรถจักรยานยนต์มาจอดหน้าบ้าน และวิ่งขึ้นบ้าน ไม่กี่วินาทีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ไม่นานคนร้ายทั้ง 2 คนก็วิ่งลงบันได คนแรกสตาร์ตรถจักรยานยนต์พากันซ้อนท้ายเลี้ยวออกไปทางขวาของบ้านทันที ตอนนั้นตนเองตกใจมาก ได้แต่ก้มมองขาตัวเอง เพราะพิการไปช่วยลูกไม่ได้

สำหรับคนร้ายทั้ง 2 คน ตนเองไม่เคยเห็นมาก่อน อีกทั้งตนเองขาพิการเดินไม่ได้ ใช้ชีวิตอยู่แต่ในบ้านมานานกว่า 20 ปี การพบปะผู้คนจึงน้อยมาก ส่วนลูกชายเป็นคนที่ชอบออกจากบ้านเป็นประจำไปทุกที่ ติดยามากว่า 20 ปี พรรคพวกเยอะ และจะจะมีปัญหาทะเลาะวิวาทตีกันบ่อยครั้ง ตนเองสันนิษฐานว่าจะเป็นพรรคพวกหักหลังกัน หรือลูกไปโกงใคร ตนเองก็ไม่แน่ใจ ที่ผ่านมาลูกมาบอกเล่าเรื่องราวปัญหาทะเลาะชกตี ตนเองก็ได้แต่รับฟัง อย่างไรก็ตาม การที่คนร้ายมาก่อเหตุถึงในบ้านถือว่ารุนแรงมาก จึงได้แต่ฝากความหวังไว้กับตำรวจให้จับคนร้ายให้ได้โดยเร็ว

ด้านนางบุญสม เปลี่ยนน่วม อายุ 76 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เดินทางมาที่วัดหัวช้าง เพื่อรอรับศพลูกชาย พร้อมเล่าว่า ช่วงเกิดเหตุได้ปั่นจักรยานไปซื้อยา แต่ก็ไปไม่นานก็กลับเข้าบ้าน สามีบอกว่าให้ขึ้นไปดูบนบ้านมีวัยรุ่นมา 2 คน และส่งเสียงเถียงพูดถึงเรื่องเงินและมีเสียงดังหลายครั้ง จากนั้นวัยรุ่นก็ขี่รถจักรยานยนต์ออกไป ตนเองรีบขึ้นไปดู ลูกชายก็นอนจมกองเลือดแล้ว

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาอยู่ด้วยกันก็ปกติ ลูกชายปลูกตะไคร้ไว้ก็รดน้ำรับผิดชอบงานของตัวเอง ส่วนใหญ่ลูกชอบออกจากบ้านช่วงค่ำ ไปไหนมาไหนตนเองก็ไม่รู้ แต่ลูกจะทำท่าทางบอกว่า "ไปแป๊บเดียว" ยอมรับว่าทุกครั้งที่ลูกขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านก็ห่วงลูกทุกครั้ง รู้ดีว่าลูกติดยาหนักมาก จะห้ามจะบ่นก็ไม่ได้ เพราะลูกไม่ฟัง จึงสงสัยว่าชนวนเหตุที่ลูกถูกฆ่า น่าจะเป็นเพราะเรื่องยาเสพติด เพราะสามีซึ่งได้ยินถกเถียงกันเรื่องเงิน ตอนนี้ก็นั่งคิดตลอดว่าลูกชอบออกไปค่ำ ๆ เอายาเสพใครมาแล้วไม่จ่ายเงินหรือไม่

อย่างไรก็ตาม แม้ลูกจะดื้อขนาดไหน ตนเองก็ห่วงก็รักลูกคนนี้มาก การที่มีคนมาทำกับลูกแบบนี้ก็เสียใจ จึงหวังว่าตำรวจจับตัวคนร้ายได้

ล่าสุด พล.ต.ต.ชยุต มารยาทตร์ ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เดินทางมาประชุมพร้อมด้วย ผกก.สภ.หนองเสือ, ผกก. สืบจังหวัดปทุมธานี, สืบสวนภูธรภาค 1 เพื่อติดตามความคืบหน้าคดีหนุ่มใบ้ถูกคนร้ายยิงดับ ภายหลักการประชุมเสร็จสิ้น พล.ต.ต.ชยุต เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในที่เกิดเหตุ ประกอบกับคำให้การญาติใกล้บ้าน

โดยเฉพาะพ่อผู้เสียชีวิตให้การไม่ตรงกัน จึงสงสัยเพราะผู้ตายเป็นใบ้ เสพยาเสพติด และขณะเกิดเหตุตายภายในบ้านซึ่งไม่มีกล้องวงจรปิด สงสัยครอบครัวเป็นอันดับแรกว่า ติดใจคำพูดและให้การที่ไม่สอดคล้องกับเพื่อนบ้าน ที่ยืนยันว่าได้ยินเสียงปืน 2 ช่วงเวลาคือเช้าประมาณ 09.00 น. และ 12.00 น. แต่ไม่ได้ยินเสียงรถ แต่พ่อผู้เสียชีวิตยืนยันว่าคนร้ายมา 2 คน ด้วยรถจักรยานยนต์

ขณะนี้จึงสั่งการตำรวจสายสืบเร่งตรวจสอบวงจรปิดในเส้นทาง เขม่าดินปืนมือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด หากมีใครเกี่ยวข้องก็จะตรวจสอบและดำเนินการต่อ

สำหรับอาวุธตอนนี้ตำรวจสงสัยอยู่ 2 ขนาด ระหว่าง .32 กับ .38 เพราะในที่เกิดไม่พบปลอกกระสุน แต่ไม่ได้หมายความว่าคนร้ายใช้ปืนลูกโม่ แต่คนร้ายอาจจะใช้ปืนแบบแม็กกาซีน และมีการเก็บปลอกกระสุนทำลายหลักฐานให้ตำรวจไม่สามารถตรวจสอบชนิดปืนก็เป็นไปได้ ส่วนการขันสูตรศพผู้ตายกลับพบหัวกระสุนเพียง 1 หัวนั้น แต่ร่างกายถูกยิงถึง 9 นัด จึงยังไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นปืนชนิดไหน จึงอยู่ระหว่างส่งพิสูจน์เปรียบเทียบ

ส่วนร่องรอยที่พ่อผู้เสียชีวิตกล่าวอ้างว่าหน้าบ้านมีรถจักรยานยนต์ ประเด็นนี้ขอตรวจสอบอีกรอบให้แน่ชัดว่ามีน้ำหนักทางคดีมากน้อยแค่ไหน อย่างไรก็ตามเบื้องต้นตั้งปมก่อเหตุไว้ 3 ประเด็น คือความสัมพันธ์ในครอบครัว ก่อเหตุนอกบ้านมาก่อนหรือไม่กระทบกระทั่งกับใครมาก่อนและถูกตามฆ่าอยู่ และประเด็นยาเสพคิด รวมถึงยังไม่ปักใจเชื่อว่าใครเป็นคนก่อเหตุ

นางสาวแหวน (นามสมมติ) อายุ 30 ปี เพื่อนบ้าน เปิดเผยว่า วันเกิดเหตุได้เดินทางไปตามบ้านชาวบ้าน เพื่อแจกเจลแอลกอฮอล์และหน้ากากอนามัย โดยเวลาประมาณ 10.00 น. เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุ พบว่าทุกอย่างปกติ จึงยืนอยู่หน้าปากซอยบ้าน และให้ อสม.อีกคนเข้าไป ก็ปกติดี และก็วนไปแจกบ้านอื่น จากนั้นมาทราบข่าวชาวบ่ายว่าลูกเจ้าของบ้านที่ไปแจกหน้ากากอนามัยถูกยิง ก็ยังงงว่าโดนยิงตอนไหน ใครยิง เพราะตอนที่ไปพบว่าทุกอย่างยังปกติ

ล่าสุดที่ สภ.หนองเสือ เจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญตัวนายแบ้งค์ หลานผู้เสียชีวิตเข้าสอบปากคำ นานกว่า 3 ชั่วโมง ภายหลังปากคำเสร็จสิ้นนายแบ้งค์ เปิดเผยว่า ตนเองถูกตำรวจเรียกสอบข้อมูลทั่วไป โดยเฉพาะเรื่องคนร้าย แต่ตนเองไม่รู้จริง ๆ ว่าใครเป็นคนมายิงน้า อีกทั้งวันที่เกิดเหตุตนเองอยู่ที่บ้านในพื้นที่คลอง 8 นั่งกรอกน้ำตาลให้แม่อยู่ที่บ้าน ดังนั้นแม้แต่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างไรตนเองก็ยังไม่รู้เลย แต่สำหรับความรู้สึกตนสงสัยคนนอก เพราะคนในครอบครัวแม้จะรู้ว่าเสพยา แต่ก็ยังเป็นห่วงเคยตักเตือนอยู่เสมอ แต่น้าไม่เคยฟัง ส่วนปมถูกฆ่าเป็นปมไหนตนเองไม่รู้

ตามข้อมูลที่ทีมทราบมาว่าผู้เสียชีวิตชอบแต่งรถ และชอบไปหาพรรคพวก ทีมข่าวจึงเดินทางไปยังหมู่บ้านเจริญสุข หมู่บ้านขนาดเล็ก แบ่งพื้นที่อยู่อาศัยเป็นซอย นายวงศ์สว่าง (นามสมมติ) อายุ 44 ปี เพื่อนช่างซ่อมรถของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ยอมรับว่าที่ผ่านมาผู้เสียชีวิตมักนำรถมาให้ซ่อม มาให้ตกแต่งอยู่เป็นประจำ หลัก ๆ ไม่ได้สื่อสารอะไรกันมากเพราะผู้เสียชีวิตเป็นใบ้ แต่ยืนยันว่าผู้เสียชีวิตนิสัยดี ไม่เคยมีปัญหากับใคร และคนในหมู่บ้านก็รักใคร่หนุ่มใบ้

ทั้งนี้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตไม่ได้มาที่ร้านเลย แต่จะเจอกันตามซอยหมู่บ้านด้วยการขี่รถสวนกันผู้เสียชีวิตก็มักจะบีบแตร ทักทาย และจะทักทายคนในหมู่บ้านแบบนี้ทุกคน ตนยืนยันว่าผู้ตายเลิกยานานแล้ว อีกทั้งในช่วงทุกที่ผู้ตายมาซ่อมรถลักษณะปกติ ไม่มีอาการหรือพฤติกรรมบ่งบอกว่าเสพยา ตนเองนึกสงสัยและเคยถามผู้ตายเลยว่าเลิกยาหรือยัง ผู้ตายก็ชูมือ และเงยหน้าขึ้นฟ้า ลักษณะยืนยันและสาบานว่าเลิกแล้ว ซึ่งพอทราบว่าผู้ตายถูกฆ่า ในฐานะเป็นเพื่อนกันมานานตั้งแต่ยังเด็ก รู้สึกสงสารมาก ที่ถูกฆ่าโหดแบบนี้