กรณีเพจเฟสบุ๊ก “เจ๊มอย V plus” ลงภาพนิ่งเป็นกล้องวงจรปิด พร้อมระบุข้อความว่า “#ทำร้ายลุง เตะเข้ายอดหน้าจนสลบ แกสติไม่ค่อยดีเพราะยังเมา ลุงก็ยกมือไหว้ขอโทษแล้ว แต่ก็ยังเข้าไปทำร้าย คนที่รุมก็ใช่ย่อย มีบางคนที่ห้าม แต่เสื้อแดงก็ยังใส่ไม่ยั้ง ไปทำลายกล้องวัดเพื่อลบหลักฐานไปอีก คิดยังไงกับวัยรุ่นกลุ่มนี้ทำร้ายคนแก่ (รูดทรัพย์ด้วยมั้ย) เหตุเกิดขึ้น ณ วัดเขมาภิรตาราม ราชวรวิหาร เทศบาลนครนนทบุรี จ.นนทบุรี เขตวัดไม่ควรจะเกิดเรื่องแบบนี้”
ภายหลังทราบชื่อผู้บาดเจ็บ ได้แก่ นายไสว งามเนตร อายุ 52 ปี อดีตเจ้าของร้านตัดผมหน้าโรงเรียนเขมา ส่วนคนก่อเหตุ ประกอบด้วบ นายอาร์ม นายติม นายพีช นายฟลุค นายปอ นายบลู นายโหน่ง และนายเกมส์
ล่าสุดวันที่ 18 มิ.ย.64 เจ้าหน้าที่ตำรวจโรงพัก สภ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ได้เชิญตัวนายไสว งามเนตร อายุ 52 ปี เดินทางไปชี้จุดถูกทำร้ายที่วัดเขมาภิรตาราม ซึ่งเป็นจุดท่าน้ำของวัด บริเวณม้านั่งตัวที่ 2 ซึ่งยังพบว่ามีคราบเลือดติดอยู่ที่มานั่งและบนพื้น แม้ว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นไปเมื่อวันที่ 14 มิ.ย.64 เวลา 00.30 น.
ในระหว่างที่นายไสว กำลังชี้จุดกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ช่วงหนึ่งได้พูดกับทีมข่าวว่า เหตุผลที่ตนมักจะเดินทางมาที่ท่าน้ำวัดเขมาเป็นประจำ เป็นเพราะว่าท่าน้ำแห่งนี้ตนได้มีการลอยอังคารของลูชายที่เพิ่งเสียชีวิตไป จึงเลือกที่จะมาอยู่ตรงนี้ เพื่อทำให้รู้สึกหายคิดถึง ประกอบกับเป็นจุดที่อากาศดี และลมเย็นสบาย
นายไสว ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ตนมารู้อีกทีว่าได้รับบาดเจ็บบริเวณคิ้ว ปาก แก้มซ้ายแตก และแขนซ้ายถูกของแข็งทุบตี จนทำให้ขยับหรือใช้งานลำบาก แต่หลังเกิดเหตุ ตนไม่ได้ตั้งใจจะเอาเรื่องเด็ก เพราะตนรู้จักกับเด็กพวกนี้ตั้งแต่พวกเขายังเด็ก ๆ และเคยตัดผมให้เด็กเหล่านี้ด้วย จึงไม่ต้องการจะเอาเรื่อง เชื่อว่าเกิดจากความเข้าใจผิด แต่ภายหลังคลิปวงจรปิดเผยแพร่ทั่วโลกออนไลน์ แม้แต่คนทางบ้านก็ได้เห็นคลิปดังกล่าวแล้ว จึงทำให้เกิดความอับอาบมาก ๆ “เด็กกระทืบคนแก่ อายไหมล่ะ”
ทั้งนี้ ตนทราบข่าวมาว่า มีเด็กบางคนเตรียมที่จะเข้ามาขอขมา และขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนก็พร้อมรับคำขอขมา การที่เด็กสำนึกผิดก็พร้อมให้อภัยเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนเรื่องแหวนที่ถูกขโมยไปด้วย ตอนนี้ตนก็ได้รับคืนมาแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งแหวนดังกล่าว เป็นแหวนที่ลูกชายของตนรัก และมอบเอาไว้ให้ตนก่อนที่ลูกชายจะเสียชีวิต ตนจึงเก็บติดตัวเอาไว้เสมอ ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะถูกแย่งคามือไปเช่นกัน
ส่วนกรณีที่เด็กวัยรุ่นออกมาพูดถึงสาเหตุที่ทำร้ายร่างกายตนว่า เกิดจากความไม่พอใจที่ตนไปท้าทายและพูดคำว่า “พ่อมึงก็เป็นลูกน้องกู” ตนขอชี้แจงว่าในวันดังกล่าวตนมีสติดี ไม่ได้อยู่ในอาการมึนเมา แต่ก็ดื่มไปเล็กน้อย จำได้ว่าวันดังกล่าวพูดว่า “พ่อของพวกมึงก็รุ่นน้องกู” หมายความว่าพ่อของเด็ก ๆ เป็นรุ่นน้องที่ตนรู้จัก คำพูดดังกล่าวไม่ต้องการที่จะหาเรื่องใคร เพียงแค่จะบอกว่าตนก็รู้จักพ่อแม่ของเด็ก แต่สุดท้ายก็เกิดเรื่องขึ้นถูกรุมทำร้าย
นายไสว กล่าวอีกว่า หากสังเกตจากกล้องวงจรปิด จะเห็นว่าตนยกมือขอโทษ และไหว้เด็ก แต่สุดท้ายก็ยังโดนทำร้าย กระทั่งคลิปถูกแชร์ออกไปจนเกิดความอับอาย และวันดังกล่าวตนก็คิดเอาไว้ว่าอยากจะก้มกราบพื้น เพื่อขอให้เด็กหยุดทำร้าย แต่หากทำแบบนั้นก็คงจะโดนกระทืบเหยียบหัว เพราะเด็กไม่ได้รู้จักใครแก่ใครเด็ก
ทีมข่าวเดินทางไปเจอกับ นายโหน่ง อายุ 20 ปี หนึ่งในคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า จากภาพกล้องวงจรปิดดังกล่าว ตนยืนยันว่ามีภาพที่บันทึกเห็นตนยืนอยู่จริง แต่ตนไม่ได้ร่วมก่อเหตุทำร้ายร่างกายลุงไสว ซึ่งตอนนั้นมีคนวิ่งมาบอกว่า นายอาร์ม อายุ 21 ปี หัวหน้ากลุ่ม กำลังจะทำร้ายร่างกายลุงอดีตเจ้าของร้านตัดผม ตนจึงได้เข้าไปยังที่เกิดเหตุเพื่อห้ามปราม เพราะส่วนตัวเคยไปตัดผมที่ร้าน และทราบว่าลุงมีอาการป่วยทางจิต เพิ่งจะสูญเสียลูกชายไปไม่นาน
ทั้งนี้ตนจึงยืนยันว่า เป็นเพียงคนเข้าไปห้ามไม่ใช่เข้าไปร่วมก่อเหตุ ส่วนสาเหตุที่กลุ่มของนายอาร์มเข้าไปทำร้ายลุง เกิดจากที่ลุงอาจจะดื่มสุรามากเกินไปพูดไม่เข้าหูกลุ่มวัยรุ่น ทำนองว่า “พ่อมึง ก็คือลูกน้องกูนี่แหละ” ซึ่งทำให้นายอาร์ม เกิดความไม่พอใจ ยกพรรคพวกวัยรุ่นไปรุมทำร้ายดังกล่าว และยังแย่งแหวนในมือของลุงไปอีก 1 วง เป็นแหวนรุ่นของลูกชายของลุง หลังจากนั้นตนก็พยายามแยกไม่ให้กลุ่มวัยรุ่น โดยเฉพาะนายอาร์ม ไม่ให้ทำร้ายลุง เพราะกลัวว่าลุงจะได้รับบาดเจ็บหนัก
อย่างไรก็ตาม ในฐานะที่ตนอยู่ในเหตุการณ์ ตนก็รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่วัยรุ่นไปรุมทำร้ายคนแก่ ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากจะเข้าไปขอโทษ และไปกราบขออภัย อยากจะขอโอกาสสังคม และจะนำบทเรียนนี้มาปรับปรุงตัวเองใหม่ สัญญาว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เจอกับนายเกมส์ อายุ 18 ปี ซึ่งเป็นผู้ใช้ไม้ฟาดกล้องวงจรปิด กล่าวว่า ในวันดังกล่าวตนไปพร้อมกับกลุ่มของนายอาร์ม ซึ่งตั้งใจที่จะไปหาเรื่องและทำร้ายร่างกายลุงไสวจริง และได้ถือไม้ติดมือไปด้วย กระทั่งตนไปเห็นว่ามีกล้องวงจรปิดของวัด จึงใช้ไม้ฟาดกล้องจนร่วงตกพื้น และหยิบกล้องไปโยนลงน้ำในคลอง ตนยอมรับว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำลายหลักฐานเพราะว่ารุ่นน้องที่ร่วมก่อเหตุส่วนใหญ่อายุเพียง 14 – 18 ปี บางคนยังเรียนอยู่ ตนจึงตัดสินใจที่จะทำลายกล้องวงจรปิดทิ้ง เพื่อไม่ให้ใครตามเจอ แต่ตอนนั้นลืมนึกว่ากล้องวงจรปิดมีเครื่องบันทึกแยกต่างหาก จึงทำให้คลิปดังกล่าวหลุดออกมาสู่โลกออนไลน์
ส่วนตัวของ นายอาร์ม ซึ่งเป็นหัวโจกที่นำทีมไปทำร้ายลุงไสว เป็นคนที่ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่จะทำตัวเป็นใหญ่ และมักจะข่มขู่รุ่นน้องให้ทำตาม และบังคับให้ก่อเหตุต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์ก่อนหน้านี้บังคับให้ไปช่วยทำร้ายร่างกายคน แต่ตนไม่ทำตามก็ใช้มีดจี้คอตน ซึ่งตนก็เคยโดนเอามีดจี้บริเวรคอจนมีเลือดไหลมาแล้ว แต่โชคดีที่แผลไม่ลึกมาก และหากใครไม่ทำตามก็จะโดนกระทำเช่นนี้
นายเกมส์ ยังอ้างด้วยว่า นายอาร์ม เป็นคนที่เกี่ยวข้องกับสารเสพติด มักจะก่อเหตุทำร้ายคนแก่และเด็ก ดังนั้นตนในฐานะคนที่ร่วมก่อเหตุก็อยากขอขมาลุงไสว และขอโทษกับสังคมที่ทำไม่ดีกับคนแก่ หลังจากนี้จะปรับปรุงตัวใหม่ จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มพวกนี้ เพราะวันนี้ทำให้รู้ว่าเพื่อนไม่มีอยู่จริง ทิ้งให้ตนกับนายโหน่ง 2 คนออกมารับชะตากรรม ส่วนคนอื่น ๆ โดยเฉพาะนายอาร์ม หนีหายไม่ออกมารับผิดชอบการกระทำใด ๆ ทั้งสิ้น
พ.ต.อ.วนัสชัย ยิ่งยงสมสวัสดิ์ ผกก.สภ. เมืองนนทบุรี เปิดเผยว่า หลังให้ปากคำเสร็จจะส่งตัวผู้เสียหายไปตรวจร่างกายที่ รพ.พระนั่งเกล้า เพื่อประกอบสำนวนคดี และจะเรียกตัวผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาเปรียบเทียบปรับ ข้อหาทำร้ายร่างกาย และจะให้ขอโทษคนเจ็บ รวมทั้งจะบันทึกทำประวัติส่งตัวไปบำเพ็ญสาธารณะประโชยน์เพื่อดัดนิสัย "คนที่อยู่ในคลิปมี 10 คน ทำร้ายผู้เสียหาย 3-4 คน ตอนนี้กำลังเดินทางมา 9 คน ส่วนหัวโจกยังติดต่อไม่ได้ เข้าใจว่าคงตกใจกลัว เผ่นหนีไปตั้งหลัก อยู่ระหว่างประสานผู้ปกครองให้นำตัวมาโรงพัก"