ลุงตายแล้วฟื้นสิ้นใจแล้ว ลูกเผยบอกลาเสร็จร้องเฮือกสิ้นลม เชื่อครูมโนราห์ลงโทษ (คลิป)

จากกรณีของนายประโมท เสือทอง อายุ 55 ปี ชาวตำบลบ้านเสด็จ อำเภอเคียนซา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ชีพจรหยุดเต้น ซึ่งแพทย์ระบุว่าไม่น่าจะยื้อชีวิตต่อได้ แต่กลับฟื้นขึ้นมาด้วยยากระตุ้นหัวใจ สามารถพูดคุยกับญาติได้ ทำให้ครอบครัวเชื่อว่าตายแล้วฟื้น แต่ครอบครัวก็ทำใจ เพราะสภาพร่างกายของนายประโมทย่ำแย่เป็นอย่างมาก

ล่าสด เมื่อเวลา 04.08 น. ของวันที่ 21 มิ.ย. 64 นายประโมทได้จากไปอย่างสงบ ครอบครัวจะรีบจัดพิธีศพคาดว่าน่าจะสวดพระอภิธรรมเป็นเวลา 3 วัน ก่อนจะทำพิธีฌาปนกิจ

โดยในเวลา 13.00 น. วานนี้ก่อนที่นายประโมทจะเสียชีวิต ทางครอบครัวของนายประโมทได้เชิญเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ ซึ่งเป็นร่างทรงของแม่มโนราห์ หรือหมอโนราห์ มาที่บ้าน เผื่อเป็นสื่อกลางในการสื่อสาร

ขณะที่เข้าทรง เด็กชายจะพูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำ มีการน้ำเทียนที่จุดแล้วเข้าไปอมในปาก มีการพูดสื่อสารกับบุคคลในครอบครัวของนายประโมทว่า "รับมาอยู่ด้วย แต่ไม่เคยดูแล" ซึ่งทางครอบครัวของนายประโมทได้พยายามสอบถามว่าอาการป่วยของนายประโมทเกี่ยวของกับแม่โนราห์หรือไม่ แต่แม่โนราห์ก็ไม่ยอมตอบ กระทั่งออกจากร่างเด็กชายไป

นายสุเมธ เสือทอง อายุ 44 ปี น้องชายผู้ตาย ผู้รับสืบทอดดูแลมโนราห์ต่อจากพ่อวัย 81 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคตับแข็ง และเสียชีวิตไปเมื่อปี 2561 โดยขณะนั้นนายสุเมธยอมรับมโนราห์ต่อจากพ่อ เพื่อให้พ่อได้จากไปอย่างสงบ ขณะนั้นพ่อของนายสุเมธก็นอนทรมานกว่า 10 วัน คล้ายนายประโมท ได้พาทีมข่าวเข้าไปดูถาดหมากพลู ประกอบด้วยหมากพลู 3 คำ ดอกไม้ 3 ดอก ธูป 3 ก้าน เทียนขาว 1 เล่ม ซึ่งนายสุเมธบอกว่าเมื่อวานนี้ ช่วงเวลาประมาณ 18.00 น. ตนได้นำหมากพลูเหล่านี้ไปวางไว้บนมือพี่ชาย และได้พูดเชิญว่า "ขอรับมโนราห์กลับมา ขอให้ผู้ป่วยไปสบาย"

นายสุเมธ บอกว่า ตนมีความรู้สึกผิดที่รับดูแลมโนราห์ต่อมาจากพ่อแบบส่ง ๆ เพราะตอนนั้นคิดว่าอยากให้พ่อไปสบาย แต่ตนไม่ทราบวิธีดูและบูชา จนทำให้พี่ชายต้องล้มป่วยนอนทรมาน จะตายก็ไม่ตายแบบนี้ หลังจากงานศพของพี่ชาย ทางครอบครัวจะดูฤกษ์ในการจ้างรำมโนราห์และไหว้ตั้งหิ้งบูชามโนราห์ โดยเมื่อวานนี้ ร่างทรงมโนราห์ทักตนว่า "ให้ระวังช่วงเวลา 03.00-05.00 น. หากรอดพ้นไปได้ ผู้ป่วยจะหาย แต่จะกลายเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง" ซึ่งลึก ๆ ทางครอบครัวก็อยากให้นายประโมทไปสบายมากกว่านอนทรมานติดเตียง โดยเมื่อคืนวานนี้ครอบครัวได้จัดเวรเฝ้านายประโมท ตั้งแต่ภรรยานายสุเมธ 22.00-00.00 น. ภรรยาผู้ตาย 00.00-03.00 น. และนายสุเมธ 03.00-05.00 น.

ซึ่งตนได้เรียกรถตู้ให้มารับตนกับภรรยาและลูกเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ ในเวลา 04.00 น. เนื่องจากได้จองรถไว้แล้ว บวกกับลางานมาหลายวัน แล้วจะขอเดินทางกลับมาใหม่ เนื่องจากในช่วงเวลาประมาณ 03.30 น. นายประโมทมีอาการหายใจแรง คล้ายหายใจออกอย่างเดียวดัง "เฮือก" หลายครั้ง หน้าอกยกสั่นจนกระทั่งเวลา 04.00 น. อีกทั้งยังมีอาการตาเหลือก ทำให้ทางครอบครัวรับรู้ว่านายประโมทน่าจะถึงเวลาสิ้นใจ ทุกคนในครอบครัวก็ได้มายืนล้อมดูใจนายประโมท จากนั้นนายประโมทก็จากไปในเวลา 04.08 น. ของเช้าวันนี้ ภาพที่ครอบครัวเห็นถือเป็นภาพบาดตาบาดใจ ที่ตาติดตาครอบครัวไปอีกนาน แต่ก็ถือว่านายประโมทได้จากไปอย่างสงบแล้ว จากนี้ คาดว่าปีละ 1 ครั้งตนคงได้กลับมาเยี่ยมครอบครัวและไหว้มโนราห์เพื่อป้องกันเหตุเลวร้าย

นายณรงค์ศักดิ์ เสือทอง อายุ 27 ปี ลูกชายของผู้ตาย บอกว่า หลังจากที่ร่างทรงครูหมอมโนราห์และพ่อตาเขารักษ์ เดินทางมาให้คำแนะนำต่าง ๆ ทางครอบครัวก็สบายใจขึ้น เพราะสงสารผู้ตายที่ต้องนอนรอความตายอย่างทรมาน หลังจากนั้น ผู้ตายก็ได้สิ้นใจจากไปจริง ๆ โดยตั้งแต่เมื่อช่วงค่ำวานนี้ ผู้ตายจากที่เวลามีคนเรียกชื่อจะส่ายศีรษะไปมาหรือขากระตุกบ้าง ก็ได้เริ่มไม่ตอบสนอง เริ่มนิ่ง สายตาเริ่มไม่รับรู้ ร่างกายไม่กระดุกกระดิก ตนยอมรับว่าตนทำใจกับการจากไปของผู้ตาย แต่ตนทำใจไม่ได้ ที่ต้องทนเห็นผู้ตายนอนรอความตายอย่างทรมาน

ขณะที่ครอบครัวยืนล้อมผู้ตายเพื่อดูใจ ตนก็ได้ขออโหสิกรรมกับผู้ตาย บอกว่า "ไม่ต้องห่วง ชาติหน้าก็ขอให้เกิดมาเป็นพ่อลูกกันอีก" ผู้ตายก็พยักหน้า ทั้งนี้ ทางครอบครัวจะสวดพระอภิธรรมให้กับผู้ตายเป็นเวลา 3 คืน และทำพิธีฌาปนกิจในวันพฤหัสบดีที่ 24 มิ.ย. 64 จะเร่งจัดงานให้เร็วที่สุด เนื่องจากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย และไม่อยากให้แขกเสียเวลาไปมากกว่านี้ เพราะในตอนแรกแขกได้เดินทางมารอร่วมงานตั้งแต่วันที่ 18 มิ.ย. ที่ผ่านมา นอกจากนี้ ผู้ตายยังติดเชื้อทั่วตัว ทางครอบครัวจึงเกรงว่าร่างอาจจะพองหรือเน่า จึงไม่อยากจัดงานให้ยืดยาว

นอกจากนี้ ตนเก็บฟันของผู้ตายไว้ 1 ซี่ เป็นเครื่องรางคุ้มครอง เป็นฟันที่หลุดมาก่อนจะเสียชีวิตเมื่อนานมาแล้ว ขณะนี้ผู้ตายใส่ฟันปลอม มีฟันเหลือติดปากเพียง 1 ซี่ ส่วนหลักจากการเผา ทางครอบครัวจะนำอัฐิมาเก็บไว้ที่บ้านทั้งหมด ตนเชื่อเกี่ยวกับมโนราห์ที่ทางครอบครัวไม่เลี้ยงดูบูชาให้ดี พ่อของตนจึงนอนทรมาน จะตายก็ตายไม่ได้ แต่ตนก็เชื่อในหลักวิทยาศาสตร์ด้วยว่าพ่ออยู่ได้ด้วยยากระตุ้นหัวใจ เมื่อยาหมดฤทธิ์พ่อจึงจากไป

โดยวันนี้ครอบครัวได้จัดเต็นท์งานศพเพิ่มเติม เพื่อรองรับแขกที่จะมาร่วมงานมีการจัดที่นั่งพระสงฆ์ที่จะเดินทางมาสวดพระอภิธรรมที่บ้าน จำนวน 4 รูป มีการเตรียมโลงบรรจุศพและโลงเย็น โดยในช่วงเช้าครอบครัวได้นำผ้ามาคลุมร่างของนายประโมท พร้อมกางมุ้งคลุมไว้ ก่อนจะย้ายร่างเข้าโลงในช่วง 12.00 น. ต่อมาเวลา 12.40 น. ครอบครัวได้ย้ายร่างของนายประโมท เสือทอง ผู้ตาย ซึ่งถูกคลุมผ้านอนอยู่บนแคร่ในมุ้งเข้าโลง บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

นางสุภาพร ชนะพล อายุ 51 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า เมื่อช่วงเวลา 03.00 น. น้องชายของผู้ตายได้มาลานายประโมท เพื่อที่จะกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ ระหว่างนั้นนายประโมทไม่สามารถพูดคุยอะไรได้ มีอาการตาเหลือก ตาค้าง ตนได้บอกกับน้องชายของนายประโมทว่า "จะไปได้อย่างไร พี่ชายนอนจะตายอยู่แบบนี้" ต่อมาเวลา 04.08 น. นายประโมทก็ได้เสียชีวิตลง นอนหลับไปอย่างสงบ ส่วนตัวตนเชื่อว่านายประโมทเสียชีวิตเพราะโรคสะเก็ดเงินที่รุมเร้าอยู่ 7-8 ปีก่อนหน้านี้ ล่าสุดนี้หนักกว่าครั้งอื่นที่ผ่านมา ส่วนเรื่องที่เกี่ยวกับมโนราห์ ตนก็ไม่เคยทราบมาก่อนว่าเป็นอย่างไร แต่ตนก็ไม่ได้ลบหลู่กับเรื่องราวดังกล่าวที่บางคนเขาเชื่อกัน แต่จะให้น้ำหนักทางโรคภัยการเจ็บป่วยมากกว่า

ทีมข่าวได้เดินทางไปที่ ต.บางดี อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ห่างจากบ้านของผู้เสียชีวิต 40 กม. นางสาวสุจิตรา บุตรมาลา อายุ 29 ปี ร่างทรงพ่อตาเสือ กล่าวว่า ตนได้ของร่างพ่อตาเสือมา เมื่อช่วงอายุ 25 ปี ขณะที่ตนอยู่ที่บ้านของสามีที่ ต.เขารักษ์ ได้มีร่างพ่อตาเสือลงประทับร่างตนทันที และตนก็ได้รับมาตั้งแต่นั้นมา จนตนมาสร้างบ้านอยู่อีกตำบล ระหว่างนั้นตัวสั่น กินไม่ได้นอนไม่ได้ คล้ายอาการจะตายก็ไม่ได้ตาย เจ็บทรมานทุกอย่าง จนต้องต้องทำศาลเจ้าพ่อเสือไว้หน้าบ้าน จากนั้นมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

ซึ่งตนไม่ใช่ร่างทรงที่เปิดสำนักใด ๆ ตนเป็นเพียงชาวบ้านที่บางครั้งพ่อตาเขารักษ์ เจ้าที่ของหมู่บ้านเข้ามายืมร่าง เพื่อสื่อสารกับชาวบ้านที่ป่วยหรือใกล้จะสิ้นใจ ซึ่งพ่อตาเขารักษ์เพิ่งจะเข้ามาใช้ร่างของตนเมื่อ 4 ปีก่อน ปกติพ่อตาเขารักษ์จะมาเข้าร่างเพื่อสื่อสารกับบ้านที่มีคนป่วยหรือใกล้จะเสียชีวิต ซึ่งเมื่อวานนี้ตนเดินทางมาให้กำลังใจครอบครัวนายประโมท แต่เมื่อเดินทางมาถึงทางครอบครัวได้เชิญตนเข้าไป จากนั้นพ่อตาเขารักษ์ก็เข้ามาในร่างของตนทันที สาเหตุที่ตนเข้าบ้านของนายประโมทไม่ได้ เพราะมีแม่มโนราห์อยู่ภายในบ้านของนายประโมท

ขณะที่พ่อตาเขารักษ์เข้ามาสื่อสารกับชาวบ้านผ่านร่างของตน ตนอาจจะรู้สึกตัวหรือไม่รู้สึกตัวก็ได้ อย่างเช่นในครั้งนี้ ตนรู้สึกเหมือนตนมีอาการคล้ายจะอาเจียนแล้วก็จำอะไรไม่ได้อีก จึงไม่รู้ว่าพ่อตาเขารักษ์พูดสื่อสารอะไรกับครอบครัวของนายประโมทบ้าง หลังจากที่ร่างได้ออกจากตัวแล้ว ก็รู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว จนเมื่อคืนนี้ไม่สามารถไปกรีดยางพาราได้ จากที่ผู้ตายฟื้นกลับคืนมา เชื่อว่าเป็นเพราะครูหมอมโนราห์กลับมาเข้าร่าง คล้ายกับเป็นการยื้อเวลาไว้ให้ผู้ตายทรมาน ทั้งน้ำเสียง และผิวเนื้อตัวที่เป็นสีดำคล้ำ เพราะทางครูหมอมโนราห์จะทำการสื่อสารให้ทางญาติรับรู้ว่าต่อไปนี้ควรดูแลให้ดีกว่านี้

จากกรณีเมื่อวานนี้ นอกจากทางครอบครัวของผู้ตายจะเชิญร่างทรงมโนราห์มาที่บ้านแล้ว พ่อตาเขารักษ์ หรือ ตาเสือ ก็ได้เข้าร่างของชาวบ้านหญิงคนหนึ่ง โดย นายไชยา สุนาวัฒน์ อายุ 48 ปี ชาวบ้านที่เคยสูญเสียลูกชายที่เป็นร่างทรงพ่อตาเขารักษ์ชื่อว่า นายสุวิทย์ สุนาวัฒน์ อายุ 21 ปี เสียชีวิตในปี 2559 เนื่องจากถูกรถพ่วงพุ่งชนท้ายรถยนต์ ขณะจอดอยู่ริมข้างทาง เล่าว่า ขณะที่ลูกชายอายุ 14 ปี ขณะที่กำลังเรียนอยู่ที่โรงเรียน พ่อตาเขารักษ์ หรือ ตาเสือ ก็ได้เข้าร่างของลูกชายตนบอกว่า "อยากกลับบ้าน ๆ" คุณครูจึงแจ้งมายังตน ตนจึงเดินทางไปรับลูกชายกลับมาบ้าน ซึ่งจากการพูดคุยกันตนจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่ลูกชายของตน จากนั้นพ่อตาเขารักษ์ก็มักจะมาเข้าร่างลูกชายของตนอยู่ตลอด

สำหรับพ่อตาเขารักษ์ มีน้องชายชื่อตาสิงห์ ซึ่งจะสลับกันมาเข้าร่างลูกชายของตน แต่ทั้งคู่ไม่มีศาลของตัวเอง บอกเพียงว่าจะมาปกป้องช่วยเหลือชาวบ้าน ไม่มีมีใครรู้ประวัติที่แน่ชัด มีเพียงการพูดปากต่อปากมาจากบรรพบุรุษเท่านั้นว่าเป็นเจ้าที่ในพื้นที่ ซึ่งขณะที่ลูกชายตนยังมีชีวิต ตนก็จะจัดงานเลี้ยงบูชาในทุกปีในเดือนธันวาคม ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่ลูกชายตนเข้าทรง ลูกชายจะรับรู้ได้ว่าบ้านใดมีคนป่วยหรือคนที่ใกล้จะสิ้นใจก็จะเดินทางมาหาเองที่บ้าน

โดยหลังจากที่ลูกชายตนเสียชีวิต นาวสาวสุจิตรา บุตรมาลา หรือ กิ๊ก อายุ 29 ปี อาชีพกรีดยาง ก็กลายเป็นร่างประทับของพ่อตาเขารักษ์ต่อ แต่ทั้งนี้ตนคิดว่านางสาวสุจิตราอาจจะไม่ใช่ร่างประทับของพ่อตาเขารักษ์ แต่น่าจะเป็นบริวารของพ่อตาเขารักษ์ เนื่องจากขณะที่ลูกชายตนเข้าทรง ลูกชายของตนจะนิ่งเงียบ น่าเกรงขาม แต่นางสาวสุจิตราจะคำรามขู่คนอื่น ทั้งนี้ ไม่เคยปรากฏว่ามีทรงของพ่อตาเขารักษ์ ลูกชายของตนคือคนแรก ซึ่งปกติพ่อตาเขารักษ์จะไม่เข้าร่างใครง่าย ๆ