เป็นนักแสดงตลกที่สร้างรอยยิ้มให้กับทุกคน แต่ชีวิตจริงไม่ได้ตลกเลย สำหรับ เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม ที่ได้มาเยือนรายการ ต้มยำอมรินทร์ เล่าว่า ชีวิตจริงไม่ได้ตลก แถมยังมีแต่น้ำตาเพราะการลงทุนธุรกิจที่คิดว่าดี คิดว่าใช่ จะพาให้ครอบครัวสบาย ทำเงินได้ดี แต่สุดท้ายกลับล้มไม่เป็นท่า จนตัวเองสติหลุด ต้องเข้าวัดบวชเพื่อเรียกสติ
ถาม ต้องบอกว่า เห็ดเผาะ เป็นนักแสดงตลกอีกคนที่มีเอกลักษณ์ชัดเจนมาก ไปไหนต่อไหนคนมักจะเข้าใจว่า เห็ดเผาะ คือ ผู้หญิงตลกๆ เสียงพูดไม่ชัดๆ แล้วตาเหล่ๆ
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : นั่นเป็นคาแรกเตอร์ค่ะ ที่เกิดจากซิทคอมเรื่องหนึ่งที่ไปแสดง แล้วนักแสดงในบทที่เราได้รับต้องมีลักษณะประมาณนั้น
ถาม แต่พอมีโควิดเข้ามา งานทุกอย่างหยุดเลยใช่ไหม
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : มันก็หยุดทุกอย่างเลยค่ะ ชีวิตของเราพอเจอคนร่วมงาน ญาติ หรือคนรู้จัก เขาก็จะถามเราว่า เห็ดเผาะ เป็นยังไงบ้าง เราไม่รู้ว่าจะตอบยังไงเลยค่ะ เราก็ตอบว่าเป็นเหมือนพี่นั่นแหละ แต่บังเอิญคือเราดวงไม่ดีด้วย มันเลยเพิ่มความซวยขึ้นไปอีก เกี่ยวกับการทำธุรกิจของเรา ซึ่งเราเริ่มทำเลยคือเปิดมินิมาร์ทที่สวนผัก ตอนนั้นมันเป็นอพาร์ทเม้นท์ ของคนที่เรารู้จัก เราไปดูทำเลแล้วรู้สึกว่าโอเค เราเลยถามเขาว่าเราเปิดได้ไหม ค่าเช่าประมาณเดือนละ 6,000 บาท ช่วงแรกๆ ที่เปิด เราไปขายเองเลย ขายดีเลยนะคะ ช่วงเช้าขายดีมากที่สุด กลางวันจะนิ่งๆ หน่อย ส่วนเสาร์ อาทิตย์ เคยขายได้เป็นหลักหมื่น แต่มันก็เป็นดวง พอเราขายของตรงนี้ ก็จะมีงานเข้ามาให้ไปทำ เพราะตอนนั้นคาเฟ่ยังเปิดอยู่ เปิดแบบปลายๆพระราม 9 แล้ว เราก็ให้ลูกดูบ้าง หลานดูบ้าง จากที่เราขายได้วันละ 6-7 พันบาท กลับมาขายได้วันละ 300 บาท เพราะว่าเด็กไม่ได้ใส่ใจก็เจ๊งไป แล้วพอหลังจากนั้นเราก็มีความรู้สึกว่าอยากเปิดร้านขายสเต็ก พอเราได้เงินมาก็เปิด เราก็ตั้งชื่อร้านว่า สเต็กเห็ดเผาะ คนไม่เข้าร้านเลยเพราะว่าคนเขาเข้าใจผิดว่าสเต็กใส่อะไร ถึงขนาดที่บางคนเข้ามาถามว่าเห็ดมันสามารถมาทำสเต็กได้เหรอ แล้วพ่อถั่วแระ เขาก็มาทักเราว่าทำไมเราไม่เอารูปตัวเองขึ้นโชว์ที่ร้าน เราก็ไปทำตาม ก็มีคนรู้จักก็เข้ามาทานที่ร้าน แล้วแฟนเราก็เป็นคนทำแล้วก็มีอันต้องไปทำงานอีก เราก็ให้พี่ป้าน้าอามาอยู่ที่ร้านช่วย ก็เละอีก พอเรากลับมาจากทำงานมาที่ร้าน ลูกค้าก็มาบอกเราว่ารสชาติที่เขาเคยกินไม่ใช่แบบนี้ แล้วก็ไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย เราทำมาทุกอย่างเลยค่ะ มินิมาร์ท ร้านสเต็ก ปลาเผา ร้านนวด เจ๊งหมดเลย เพราะเราไม่ได้คุมเองด้วย และโควิดเข้ามาด้วย ซึ่งการทำธุรกิจของเรา พอทำไปทำมา กลายเป็นหนี้เลย
ถาม เห็นบอกว่าโดนยึดรถ ยึดบ้าน เพราะไม่มีจะผ่อนจริงๆ
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : ไม่มีเลยค่ะ ตอนแรกที่เราทำธุรกิจคือไม่ได้มีการกู้เลย แต่หลังๆ มา เริ่มที่จะมีการกู้ เพราะอย่างตอนแรก เราทำงานได้เงินมา เอาไปลงทุน แต่พอเรายิ่งลงทุน ยิ่งจมลงไป เราก็ยิ่งเอาเงินไปถมที่จม เพื่อให้มันอยู่ได้ แล้วก็มีธุรกิจอีกตัวที่ทำ เราไปรับมาแล้วก็มาปล่อยต่อเพื่อจะเอากำไร แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิด มันกลายเป็นดินพอกหางหมู พอสินค้าที่เรารับมา ส่งมาไม่ได้ เพราะว่ามันมาจากต่างประเทศใช่ไหมคะ พอมาไม่ได้ เรากลายเป็นหนี้ เราต้องรับผิดชอบจากมีเงินซัพพอร์ต กลับกลายเป็นไม่มีไปเลย เราก็ต้องขายโน่นขายนี่ ยอมให้เขาเอารถไปขายจนหมด แล้วเหลือเงินอยู่หลักหมื่นก็ไปซื้อรถคันหนึ่งมาไว้ใช้ ก็มาถึงจุดพีคมากๆ เลยคือเหลือคันนี้คันเดียว แล้วช่วงที่เรามาอัดรายการคือไปขับรถชนหกล้ออีก แล้วรถคันนี้ที่เราขับไม่มีประกันด้วย กลับต้องไปเสียเงินให้กับคู่กรณีอีก ที่เล่ามาทั้งหมดคือแค่ย่อๆ นะคะ แต่รายละเอียดคือหลายอย่างมาก
ถาม ชีวิตของเห็ดเผาะ ถ้าประคับประคองคนเดียวยังโอเค แต่เห็ดเผาะต้องประคับประคองทั้งครอบครัว จนเราป่วยเป็นซึมเศร้า ไบโพลาร์
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : ตอนแรกที่เราป่วยหรือเปล่า เพราะว่าเราเล่นตลกมาตั้งแต่ 4-5 ขวบ แล้วเราก็ไปเล่นลิเก แล้วก็กลับมาเล่นตลกต่อ เหมือนกับว่ามีอารมณ์แปรปรวน หัวร้อนง่าย ตอนนั้นเราก็คิดว่าคงเป็นอารมณ์ของผู้หญิงที่ต้องรับมือทุกสิ่งทุกอย่างเองหรือเปล่า จนกระทั่งมาวันหนึ่งที่คนพูดแล้วเรารู้สึกว่าผิดใจ ไม่ได้เลย มีวันหนึ่งที่แฟนมาพูดเกี่ยวกับเรื่องร้าน เรื่องอะไร ซึ่งก่อนหน้านี้มีซินแสเขาก็ทักเราแล้วว่าเราไม่ได้มีดวงเกิดมาเพื่อเป็นแม่ค้า คุณเกิดมาเพื่อเป็นนักแสดง คุณควรมูฟทุกอย่างกลับคืนให้หมดเถอะ เพราะไม่งั้นทุกอย่างจะเจ๊ง ซึ่งพอเราถูกทัก เราก็ยังไม่เชื่อ แล้วประกอบกับแฟนก็อยากให้เราหยุด เขาก็มาบอกเรา กลับกลายเป็นทะเลาะกัน แต่ทุกครั้งที่ทะเลาะหรืออะไรแบบนี้ แฟนจะหยุดแล้วยอมไป แต่วันนั้นเขาพูดแค่ว่า เธอไม่ฟังฉันเลย สติเราหลุดไปเลย ไปกระชากเอาราวเหล็กที่ใช้สำหรับแขวนตู้เสื้อผ้าออกมา แล้วก็ใช้ท่อนเหล็กตีแฟน ทุกอย่างที่ทำได้คือเสี้ยววินาทีเลยค่ะ แต่พอรู้สึกตัวเรายืนอึ้งกับสิ่งที่เราทำลงไป แล้วเราก็พยายามเดินออกไป วนถามตัวเองว่าเราทำอะไรลงไป แล้วก็ก้มกราบแฟน ขอโทษในสิ่งที่เราทำกับเขาลงไป ขอโทษเขาทั้งคืนเลยวันนั้น แต่เขานิ่งจนแบบเราไม่รู้จะทำยังไง เราก็เข้าไปในห้องพระ กราบพ่อแก่ ตั้งจิตว่าไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมครอบครัวถึงเป็นแบบนี้ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรือเปล่า หรือจะเป็นทุกสิ่งที่เราได้ผิดครูบาอาจารย์หรือเปล่า เพราะเราไม่ได้ไหว้ครูเลย แต่เพราะว่าเราก็เจอวิกฤตแบบนี้ ไหว้ครูต้องใช้เงินเยอะ ซึ่งไม่ได้ต้องจัดใหญ่ ก็ได้แต่ต้องใช้เงินและสิ่งที่ทำละเอียดอ่อนมาก แล้วหลังจากนั้นเราก็โกนผมเลย เราก็ทำคลิปขอโทษทุกคน ขอโทษครอบครัว ขอโทษที่เป็นแบบนี้ ตอนนั้นเหมือนสติเราหลุดไปแล้ว แต่พอพี่กบเขามาเจอ เขาก็บอกเราว่าไม่เป็นไร ตั้งสตินะ มันอาจจะเป็นวิบากกรรมหรืออะไรก็ตาม ยังไงก็โกนหัวแล้ว ไปบวชเลย ส่วนตัวแฟนเขาก็ไปบวชพระ ตอนนั้นบวชอยู่ประมาณ 19 วัน
ถาม แต่เพราะชีวิตยังมีลมหายใจ เห็ดเผาะก็ไม่ถอยสู้ แต่สู้ครั้งนี้ขอไปสู้ที่อเมริกา เกิดอะไรขึ้น เพราะคิดจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกาเลย
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : มันเป็นสภาวะที่ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวจริงๆ เรามีลูกชาย 2 คน ลูกผู้หญิงหนึ่งคน ตอนนี้ไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย เหมือนครอบครัวมันกระจายไปหมด เหมือนมีแค่เราสองคนพ่อแม่แล้วก็หลานอีกคน แล้วพอดีมีพี่เขาทักมาจากนิวเม็กซิโก เขาก็บอกว่าเขาเห็นเรามีปัญหาครอบครัวเยอะมากเลย เขาก็บอกเราว่ามาหาพี่ไหม มาพักผ่อนกับพี่อย่างน้อยก็ยังได้พักสติพักสมอง อยากทำอะไรก็ทำ เพราะพี่ตาลเขาชวนให้เราไปทำอยู่ที่ร้าน ไม่ต้องไปเป็นลูกน้องใคร ให้อยู่กับเขา เลยตัดสินใจว่าจะไปก็มีเรา แฟน แล้วก็ลูกคนเล็กไปด้วยกัน เราจะไปกันสิ้นเดือนนี้ค่ะ
ถาม เห็ดเผาะอยากจะบอกอะไรกับคนที่เจอภาวะหนักหน่วงเหมือนเราบ้าง
เห็ดเผาะ เชิญยิ้ม : อย่างเดียวเลยที่จะอยู่ได้จะอยู่รอด ต้องไม่ท้อ ต้องมีสติที่จะสู้มัน ร้องไห้ได้ เหนื่อยไม่ไหว อยากร้อง ร้องเลยค่ะ ร้องให้เต็ม เพราะนี่มันคือการลงทุนของเราและเราได้ทำดีที่สุดแล้ว แล้วก็ไปต่อเพราะเมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราร้องไห้ขนาดไหนแต่เราไม่ไปต่อ ก็ไม่มีใครสามารถมาดึงมือเราให้เดินต่อได้ นอกจากตัวของเราเอง